ถ้าพูดถึงไนอะซินาไมด์ต้องยกให้เป็นดาวเด่นแห่งวงการสกินแคร์ปี 2025 เลย! เจ้าสารตัวนี้ไม่ใช่เทรนด์ใหม่ แต่คือ “ผู้กอบกู้ผิว” ที่หลายคนยกให้เป็น ตัวเด่นสุดในสกินแคร์เพราะสารนี้ทำได้ทุกอย่างตั้งแต่ลดรอยดำ จัดการรอยแดง กระชับรูขุมขนแบบเห็นผลชัด แถมยังช่วยปรับสมดุลน้ำมันบนผิวให้ไม่หน้ามันหรือแห้งตึงจนเกินไป… แค่ข้อดีแค่นี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมสาวๆ ถึงยกให้เป็นของดีที่ต้องมีติดโต๊ะเครื่องแป้ง และปีนี้เทรนด์ความงามยังคงเน้นสกินแคร์ที่เห็นผลจริงและอ่อนโยน กระแสไนอะซินาไมด์จึงมาแรงอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะตอบโจทย์ทั้งผิวแพ้ง่าย ผิวผสม และผิวมีปัญหาความไม่มั่นใจเรื่องความหมองคล้ำหรือรูขุมขนกว้าง ส่วนใครที่ยังลังเล เพราะเห็นผลิตภัณฑ์ในตลาดมีทั้งแบรนด์ไทยและต่างชาติ ราคาเบาไปจนถึงระดับพรีเมียม… ไม่ต้องกังวลไป! บทความนี้เราไล่ลิสต์ 10 ตัวท็อป Niacinamide มาให้แล้ว ตั้งแต่ตัวเด็ดที่คุ้มค่า ตัวดังที่สาวๆ รีวิวเพียบ ไปจนถึงตัวซุปเปอร์บูสต์ผิวแบบจัดเต็ม! เตรียมสกินแคร์ให้พร้อม แล้วตามมาคลิกหาคำตอบกันว่ายี่ห้อไหนจะโดนใจคุณที่สุด
หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า
- คุณภาพของสารสกัดและส่วนผสมหลัก : เราให้ความสำคัญกับความเข้มข้นของไนอะซินาไมด์เป็นอันดับแรก ซึ่งควรอยู่ที่ประมาณ 2-10% พอดีๆ ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีปัญหาผิวอะไร นอกจากนี้ เรายังมองหาส่วนผสมเสริมดีๆ อย่าง Hyaluronic Acid ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น Zinc ที่ช่วยลดสิวอักเสบ หรือ Ceramide ที่เสริมแนวป้องกันผิว พวกนี้เป็นเหมือนทีมซัพพอร์ตที่ทำให้ไนอะซินาไมด์ทำงานได้ดีขึ้น เราเลยคัดเฉพาะสูตรที่ส่วนผสมลงตัวและเห็นผลจริงกับผิว
- ปริมาณและความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา : เรื่องราคาก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะต่อให้สูตรดีแค่ไหน แต่ถ้าแพงเกินไปก็คงไม่คุ้ม เราเลยต้องดูให้ดีว่าปริมาณที่ได้คุ้มกับเงินที่จ่ายไปไหม โดยเทียบราคาต่อมิลลิลิตรเลย นอกจากนี้ แพ็กเกจจิ้งก็มีผลต่อการใช้งานจริง อย่างขวดปั๊มหรือขวดแก้วทึบที่ป้องกันแสงได้ จะช่วยรักษาประสิทธิภาพของส่วนผสมให้อยู่ได้นานกว่า ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คุ้มค่าในระยะยาว
- ต้องปลอดภัยและอ่อนโยนต่อผิว : เราใส่ใจความปลอดภัยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสำหรับคนผิวแพ้ง่าย เราจะเลือกแต่ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบจากหมอผิวหนังเท่านั้น หรือไม่ก็ต้องมีรีวิวยืนยันจากคนใช้จริงว่าไม่แสบ, ไม่คัน, ไม่ระคายเคือง ส่วนพวกสารที่อาจทำร้ายผิว ไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์ น้ำหอม, พาราเบ,น หรือซิลิโคนที่อุดตันรูขุมขน เราตัดทิ้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถใช้ได้สบายใจ ไม่ต้องกังวลว่าจะแพ้
- รีวิวจากผู้ใช้จริงและกระแสตอบรับในตลาด : ไม่มีอะไรจะตรงไปตรงมาเท่ากับคนที่ลองใช้กับหน้าตัวเองแล้ว! พวกเราเลยไปสอดส่องตามแพลตฟอร์มความงาม, เว็บช้อปปิ้ง, โซเชียลต่างๆ แล้วรวบรวมฟีดแบ็กจากคนที่มีปัญหาผิวคล้ายๆ กัน มาดูว่าของจริงเป็นไงบ้าง เทียบกับที่แบรนด์เคลมไว้ ถ้าผลิตภัณฑ์ไหนได้รับคำชมเยอะๆ อย่างต่อเนื่อง ก็น่าไว้ใจว่าใช้ดีจริง
- เทคโนโลยีและนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ : เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของเซรั่มมากเลย แบรนด์ไหนที่ทุ่มทุนวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น Encapsulation Technology ที่ห่อหุ้มสารสำคัญให้ซึมลึกเข้าผิว หรือสูตรที่ทำให้เซรั่มซึมซาบเร็ว ไม่เหนอะหนะ แถมเข้ากับสภาพอากาศร้อนชื้นบ้านเราได้ดี เราก็จะให้คะแนนพิเศษ เพราะไม่ใช่แค่ใช้สะดวกเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เห็นผลเร็วขึ้นด้วย ได้ครบทั้งความง่ายและประสิทธิภาพในหนึ่งเดียว
10 Niacinamide ยี่ห้อไหนดี 2025 สุดปัง อัปสกินให้กระจ่างใสใน 7 วัน
1. MizuMi Advance Niacinamide 15 Concentrate Serum
Common Ground Naturally Balanced and Reconditioned Conditioner ครีมนวดผมสูตรออร์แกนิก ที่อุดมด้วยสารสกัดน้ำมันอะโวคาโดและวิตามิน B, E ช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้นุ่มลื่น เงางาม
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
ส่วนผสมหลัก | Niacinamide 15%, Mandelic Acid AHA, Feruloyl Oligopeptide-33, 1% Thyme Extract และ 10 Soothing Complex |
ปริมาณ | 30ml |
ข้อดี
-
ความเข้มข้น 15% ของไนอะซินาไมด์ช่วยลบเลือนรอยดำรอยแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ - มี Mandelic Acid เป็นตัวช่วยผลัดเซลล์ผิวแบบนุ่มนวล ไม่ระคายเคือง
- อุดมด้วยสารสกัดจากสมุนไพร 10 ชนิด ที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและเสริมการฟื้นฟู
- เนื้อซีรั่มบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่ติดหน้าหรือทำให้รู้สึกเหนอะหนะ
- สามารถใช้ได้ทั้งรูทีนเช้าและก่อนนอน เข้ากับสกินแคร์ได้ง่าย
ข้อควรพิจารณา
- คนที่ผิวแพ้ง่ายอาจระคายเคืองได้ เพราะความเข้มข้นของไนอะซินาไมด์สูงถึง 15% (ลองเทสที่แขนก่อนก็ได้นะ)
- ไม่มีสารกันแดดในตัว ต้องทาครีมกันแดดเพิ่มตอนเช้าแน่นอน ไม่งั้นรอยดำไม่หาย
MizuMi เซรั่มไนอะซินาไมด์ความเข้มข้น 15% จัดการปัญหาจุดด่างดำ รอยแดง และผิวหมองคล้ำได้อยู่หมัด พร้อมทำให้หน้าดูสว่างกระจ่างใสขึ้นเห็นๆ มีทั้ง Mandelic Acid 5% ที่เป็น AHA ตัวอ่อนโยน ช่วยขัดเซลล์ผิวเก่าออกแบบนุ่มๆ เน้นลดรอยดำรอยแดงจากสิวโดยเฉพาะ ไม่หมดแค่นั้น ยังมี Feruloyl Oligopeptide-33 2% ที่เป็นเปปไทด์ พุ่งเป้าไปที่รอยด่างดำแบบตรงจุด และ Thyme Extract 1% ที่ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม นอกจากนี้ยังมี 10 Soothing Complex จากสมุนไพรเกาหลี 10 ชนิด ที่ช่วยเติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น ลดอาการแสบระคายได้ดีเยี่ยม เนื้อเซรั่มบางเบา ซึมไวมาก ไม่เหนอะหนะ ใช้ได้ทั้งเช้า-ก่อนนอน ขวดละ 30ml คุ้มสุดๆ เหมาะมากสำหรับคนอยากหน้าใส ลาก่อนรอยดำรอยแดงที่เคยมีปัญหา
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
จุดเด่นของซีรั่มนี้อยู่ที่สารสกัด Thyme 1% ที่ช่วยปลอบประโลมผิวได้ดีมาก ๆ และมีสารสกัดพืชสมุนไพรเกาหลีถึง 10 ชนิด (10 Soothing Complex) ที่เติมความชุ่มชื้นให้ผิวแบบเต็มๆ ใครที่อยากได้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแบบจบในขวดเดียว ตัวนี้ตอบโจทย์สุด ๆ เลยค่ะ! เนื้อซีรั่มบางเบา ซึมซาบไวแบบไม่ต้องรอนาน ไม่เหนอะหนะติดหน้า ใช้ได้สบาย ๆ ทั้งเช้าและเย็น
2. The Ordinary Niacinamide 10% Zinc 1%
แพนทีน โปร-วี คอลลาเจน รีแพร์ คอนดิชันเนอร์ ครีมนวดบำรุงล้ำลึกด้วย Pro-V และคอลลาเจนแท้ ฟื้นฟูผมแห้งเสียให้กลับมาแข็งแรง นุ่มลื่น และสุขภาพดีภายใน 3 นาที
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
ส่วนผสมหลัก | Niacinamide 10% และ Zinc 1% |
ปริมาณ | 30ml |
ข้อดี
- อัดแน่นด้วยไนอะซินาไมด์ 10% ที่ตรงเข้าจัดการรอยดำรอยแดง ทำให้สีผิวสม่ำเสมอน่ามอง
- มี Zinc 1% คอยคุมความมันให้อยู่หมัด ไม่ต้องกังวลเรื่องหน้ามันระหว่างวัน
- จัดเต็มด้วย Hyaluronic Acid และ Pro-vitamin B5 ที่เติมน้ำให้ผิวฉ่ำๆ นุ่มชุ่มชื้นตลอดวัน
- ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่ทำให้เกิดสิวอุดตัน หรือระคายเคืองผิว ใช้ได้สบายใจ
- ตัวเซรั่มเนื้อบางเบา ซึมไว ไม่เหนอะหนะผิว ใช้ง่ายทั้งเช้าและก่อนนอน
ข้อควรพิจารณา
- ความเข้มข้นของไนอะซินาไมด์ 10% อาจจะแรงไปนิดสำหรับบางคน โดยเฉพาะมือใหม่ที่ไม่เคยใช้ส่วนผสมนี้มาก่อน อาจมีอาการแสบ แดง หรือคันได้ในช่วงแรก
- ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งอยู่แล้ว ตัวนี้มี Zinc 1% ที่ดีในการคุมมัน แต่อาจทำให้ผิวรู้สึกตึงหรือแห้งได้ โดยเฉพาะถ้าใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ลดความมันตัวอื่นๆ
The Ordinary Niacinamide 10% + Zinc 1% ซูเปอร์สตาร์ในวงการสกินแคร์ที่ได้รับความนิยมสูงมาก! มีไนอะซินาไมด์เข้มข้นถึง 10% ที่จะช่วยเกลี่ยสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ ลดรอยดำรอยแดงที่เคยเป็นปัญหา และยังมี Zinc 1% ที่ช่วยคุมมันได้อยู่หมัด พร้อมเสริมกำแพงผิวให้แข็งแรงขึ้นด้วย เนื้อเซรั่มออกแนวกึ่งเจล บางเบาสุดๆ เกลี่ยง่าย ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ตัวนี้มีการอัปเกรดสูตรใหม่ให้ดีกว่าเดิม ด้วยการเพิ่ม Hyaluronic Acid 2% + B5 ที่จะเติมน้ำให้ผิวชุ่มฉ่ำ เก็บล็อคความชุ่มชื้น และผิวก็จะดูเนียนกริบขึ้นเยอะ! ไฮยาในสูตรนี้มีถึง 5 ชนิดที่ทำงานในระดับความลึกต่างกัน เพื่อให้ความชุ่มชื้นซึมลงไปทุกชั้นผิวจริงๆ
นอกจากนั้น ยังมี Ceramides ที่เป็นไขมันดีๆ ช่วยกักเก็บน้ำในผิว เสริมด้วย Pro-vitamin B5 (Panthenol) ที่เป็นพระเอกในการสร้างเกราะให้ผิวแข็งแรง ลดริ้วรอยแห้งกร้านได้ด้วย มีการทดสอบจริงกับคน 34 คน ใช้เป็นเวลา 4 สัปดาห์ พบว่าช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เสริมกำแพงผิว ทำให้ผิวดูเนียนเรียบขึ้นจริง และไม่ทำให้เป็นสิวหรือแพ้ ผ่านการเทสต์กับอาสาสมัคร 100 คนว่าปลอดภัยสำหรับทุกสภาพผิว ใช้ง่ายมาก แค่ทาเป็นสเต็ปแรกหลังล้างหน้า ก่อนจะตามด้วยเซรั่มหรือออยล์ตัวอื่นๆ
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
ที่เราจัดให้อยู่ในอันดับต้น ๆ ก็เพราะว่าเซรั่มสูตรเด็ดที่มาพร้อมไนอะซินาไมด์เข้มข้น 10% ช่วยลบเลือนรอยดำรอยแดงได้อย่างเห็นผล ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ไม่หมองคล้ำ มาพร้อมกับ Zinc 1% ที่ดีงามมากในการคุมมันส่วนเกิน ทำให้หน้าไม่มันวาวระหว่างวัน ยิ่งไปกว่านั้น สูตรใหม่ยังอัปเกรดด้วย Hyaluronic Acid และ Pro-vitamin B5 ที่ช่วยอุ้มน้ำให้ผิวชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง ดูสุขภาพดี พร้อมสร้างเกราะป้องกันผิวจากสิ่งกระตุ้นภายนอก เรียกได้ว่าเป็นทางออกที่ดีมากสำหรับคนที่มีปัญหาหน้ามัน รอยดำรอยแดงจากสิว หรือผิวที่ดูหมองคล้ำไม่สดใส
3. The skin Collection Serum Niacinamide10% + NAG8%
ครีมนวดผม เขาค้อทะเลภู ช่วยลดผมขาดหลุดร่วง บำรุงรากผมให้แข็งแรง พร้อมฟื้นฟูเส้นผมให้นุ่มลื่นและสุขภาพดีด้วยพลังจากสมุนไพรธรรมชาติและเทคโนโลยีล้ำสมัย ปราศจากซิลิโคน อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
ส่วนผสมหลัก | Niacinamide 10% และ NAG 8% |
ปริมาณ | 30ml |
ข้อดี
- เนื้อบางเบา ซึมเข้าผิวไวปุ๊บปั๊บ ไม่เหนอะหนะ ให้ความรู้สึกสบายผิวสุดๆ
- ใช้ได้ทั้งรอบเช้าและก่อนนอน ไม่มีปัญหาเรื่องเนื้อผลิตภัณฑ์เป็นก้อนเมื่อทาทับกับครีมกันแดดหรือสกินแคร์ตัวอื่น
- แน่นด้วยไนอะซินาไมด์เข้มข้น 10% จับคู่กับ NAG 8% เสริมทัพกันแก้ปัญหารอยดำ ปรับผิวให้สว่างกระจ่างขึ้นชัดเจน
- สูตรอ่อนโยน ปลอดภัย ไม่มีส่วนผสมที่น่ากังวล ทั้งน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน หรือสารกันเสียที่รุนแรง
- จัดเต็มความชุ่มชื้นด้วย Sodium Hyaluronate และ Panthenol ช่วยให้ผิวอิ่มน้ำ นุ่มฟู ดูสุขภาพดี
ข้อควรพิจารณา
- มีส่วนผสมของ citrus sinensis oil และ D-Limonene ซึ่งอาจทำให้ผิวแพ้ง่ายเกิดอาการระคายเคืองได้ หากคุณเคยแพ้ส่วนผสมกลุ่มนี้
- เป็นสูตรที่ต้องทดสอบก่อนใช้จริง ซึ่งอาจเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากสำหรับบางคน โดยเฉพาะคนที่ผิวบอบบางมากๆ
The Skin Collection เซรั่มสูตรนี้มาพร้อมไนอะซินาไมด์เข้มข้น 10% ที่ช่วยจัดการรอยดำและรอยแดงจากสิวได้อย่างตรงจุด พร้อมปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอเป็นธรรมชาติ อีกหนึ่งไฮไลท์คือมี NAG 8% ที่ทำงานร่วมกันได้ดีเยี่ยม ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรง เติมน้ำให้ผิว และค่อยๆ ผลัดเซลล์ผิวอย่างนุ่มนวล ทำให้คุณสัมผัสได้ถึงผิวที่เนียนนุ่มขึ้นชัดเจน ทาได้ทั้งเช้า-เย็น เนื้อเซรั่มใสบางเบา ซึมเร็วทันใจ ไม่เหนอะหนะ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากมีผิวสว่างใสมีออร่า ชุ่มชื่นตลอดวัน ผลิตภัณฑ์ปลอดภัยต่อผิว ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ สารก่อภูมิแพ้ พาราเบน หรือสารกันเสียที่อาจทำร้ายผิวในระยะยาว นอกจากนี้ ยังเพิ่มความพิเศษด้วย Sodium Hyaluronate และ Panthenol ที่ช่วยล็อคความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งมีเลือดฝาด รวมถึงมีสารสกัดจากว่านหางจระเข้และ Allantoin ที่ช่วยบรรเทาผิวที่ระคายเคืองให้สงบลง แต่อย่าลืมเทสต์ผลิตภัณฑ์ที่ข้อพับแขนก่อนใช้บนหน้านะคะ เพื่อความปลอดภัยของผิวคุณเอง
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
The Skin Collection ทางแบรนด์คิดค้นสูตรเข้มข้น โดยรวมพลังประสิทธิภาพของไนอะซินาไมด์ 10% และ NAG 8% ช่วยแก้ปัญหารอยดำ รอยแดงได้ตรงจุด ปรับผิวให้เนียนละเอียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่ชอบมากๆ คือสูตรนี้ใส่ใจผิวแพ้ง่าย ตัดส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองออกไปหมด นอกจากนี้ ยังเพิ่มความพิเศษด้วย Sodium Hyaluronate และ Panthenol ที่ช่วยอุ้มน้ำให้ผิวชุ่มฉ่ำ พร้อมว่านหางจระเข้ที่ช่วยให้ผิวที่บอบบางรู้สึกสบาย เนื้อเซรั่มซึมไวมาก ทาเช้า-เย็นได้สบาย ไม่มีปัญหาเรื่องความเหนียวเหนอะหนะให้รำคาญใจเลย
4. Olay White Radiance Niacinamide Hyaluronic Super Serum
OLAPLEX No.5 Bond Maintenance™ Conditioner ครีมนวดผมสูตรเข้มข้นที่ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเส้นผมที่แห้งเสียจากเคมีและความร้อน พร้อมคืนความชุ่มชื้น เงางาม และช่วยให้ผมแข็งแรง จัดทรงง่าย โดยไม่ทำให้ลีบแบน
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
ส่วนผสมหลัก | Niacinamide และ Hyaluronic Acid |
ปริมาณ | 30ml |
ข้อดี
- มีสารสกัดไนอะซินาไมด์ที่ช่วยบรรเทาปัญหาจุดด่างดำ และปรับสีผิวให้ดูสว่างสม่ำเสมอทั่วใบหน้า
- อุดมด้วยไฮยาลูรอนิก แอซิด ตัวช่วยเติมน้ำให้ผิวชุ่มฉ่ำ ดูอิ่มเอิบมีสุขภาพดี
- ซึมซาบลึกถึง 10 ชั้นผิว ให้ความชุ่มชื้นได้อย่างล้ำลึก ผิวเด้งฟูนุ่มน่าสัมผัส
- เนื้อซีรั่มบางเบา ไม่หนักหน้า ไม่เหนอะหนะ ใช้ได้ทั้งรอบเช้าและก่อนนอน
- ปลอดภัยต่อผิวแพ้ง่าย ด้วยสูตรที่ปราศจากซัลเฟต พาราเบน และน้ำมันแร่ที่อาจก่อการระคายเคือง
ข้อควรพิจารณา
- หากคุณเป็นคนผิวมันมากๆ อาจทำให้หน้าเยิ้มได้ เพราะตัวนี้จะเน้นบำรุงความชุ่มชื้นเป็นหลักค่ะ
- อย่าลืมว่าตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของสารกันแดด คุณจำเป็นต้องทาครีมกันแดดเพิ่มถ้าใช้ตอนกลางวัน
Olay White Radiance รวมพลังของไนอะซินาไมด์และไฮยาลูรอนิคแอซิด เอาไว้ในขวดเดียว ช่วยจัดการปัญหาผิวได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน ทั้งลดรอยดำรอยแดงจากสิว ปรับให้สีผิวดูสม่ำเสมอ และให้ความชุ่มชื้นล้ำลึก โดยซึมลึกถึง 10 ชั้นผิว เลยทำให้ผิวได้รับการบำรุงจากข้างในออกมา ผลลัพธ์ทีได้คือผิวที่เรียบเนียนและดูสว่างใสขึ้นจริงๆ แม้ว่าเนื้อเซรั่มค่อนข้างข้น แต่พอทาลงไปกลับซึมไวมาก ไม่เหนียวเหนอะหนะหรือทิ้งคราบมันเยิ้มบนหน้า เหมาะมากสำหรับคนผิวแห้งขาดน้ำ หรือใครที่อยากเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นพิเศษ อีกทั้งไม่มีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ทั้งซัลเฟต, พาราเบน, พาทาเลต, ปิโตรเลียม และมิเนอรัลออยล์ ขนาด 30 มล. ใช้ได้นานพอควร แถมแบรนด์ยังบอกว่าถ้าใช้ต่อเนื่องทุกวัน จะเห็นผลชัดใน 28 วันอีกด้วย
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
แบรนด์ Olay ไลน์นี้เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับคนผิวแห้งขาดน้ำ เพราะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวดูเปล่งปลั่ง ไม่แห้งตึง นอกจากนี้ ยังเป็นสูตรที่ปลอดภัยต่อผิว ไม่มีซัลเฟต พาราเบน พาทาเลต ปิโตรลาทัม หรือมิเนอรัลออยล์ ที่อาจทำให้ผิวแพ้ ระคายเคือง เลยใช้ได้สบายใจ แม้จะใช้เป็นประจำทุกวันก็ไม่ต้องกังวล
5. COSRX The Niacinamide 15 Serum
Smooth E Anti Hair Loss Hair Thickening Conditioner ครีมนวดผมสูตรอ่อนโยนที่ช่วยลดปัญหาผมร่วง ฟื้นบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วยสารสกัดธรรมชาติ ปราศจาก SLS, Silicone และ Paraben
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
ส่วนผสมหลัก | Niacinamide 15%, Allantoin และ Acetylglucosamine |
ปริมาณ | 20ml |
ข้อดี
- มีไนอะซินาไมด์เข้มข้นสูงถึง 15% ช่วยจัดการรอยดำ รอยแดงจากสิวได้ดีเยี่ยม
- Zinc PCA จะเข้ามาควบคุมความมันส่วนเกิน ทำให้หน้าไม่มันวาวระหว่างวัน
- ผสาน Acetylglucosamine และ Allantoin ลดการระคายเคืองและสงบผิวที่กำลังมีปัญหา
- เนื้อซีรั่มบางเบา ซึมซาบไว ไม่หนักหน้า ไม่เหนียวเหนอะหนะตกค้างบนผิว
- ตอบโจทย์คนผิวมัน ผิวผสม โดยเฉพาะคนที่แพ้ง่ายและมีแนวโน้มเป็นสิวบ่อยๆ
ข้อควรพิจารณา
- มีความเข้มข้นของไนอะซินาไมด์สูงถึง 15% ซึ่งอาจแรงไปสำหรับผิวบางคน ควรทดสอบที่ผิวนิดหน่อยก่อนใช้เต็มหน้า หรือเริ่มใช้แค่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งแล้วค่อยๆ เพิ่มวัน
- ขวดเล็กน่ารักแค่ 20 มิลลิลิตร ใครที่ใช้แล้วถูกใจต้องซื้อสต็อกไว้ เพราะใช้ไปสักพักก็หมดเร็ว
COSRX The Niacinamide 15 Serum มาในขวดเล็กกะทัดรัดขนาด 20 ml เหมาะมากสำหรับคนที่กำลังตามหาเซรั่มไนอะซินาไมด์ตัวเดียวจบที่แก้ปัญหาสิวได้ครบวงจร ด้วยความเข้มข้นของไนอะซินาไมด์สูงถึง 15% ช่วยจัดการทั้งรอยดำ, รอยแดงจากสิว, ควบคุมความมันส่วนเกิน และทำให้ผิวดูเนียนละเอียดขึ้น นอกจากนี้ยังผสม Zinc PCA, Allantoin และ Acetylglucosamine ที่ช่วยลดการระคายเคืองและดูแลผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวได้อย่างตรงจุด ที่ชอบมากคือ เนื้อเซรั่มบางเบาแบบใส ซึมซาบไวแบบไม่ต้องรอนาน ไม่เหนียวเหนอะหนะหรือทิ้งคราบมันบนผิว ใช้ได้กับทุกสภาพผิว แต่ถ้าเป็นคนผิวมัน, ผิวผสม, หรือมีปัญหาสิวอุดตันกับรูขุมขนกว้างกวนใจ จะรู้สึกว่าตัวนี้ตอบโจทย์มาก ลองใช้เป็นประจำดูนะ ผิวจะค่อยๆ ดีขึ้น เรียบเนียนกว่าเดิมชัดเจน
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
เซรั่มตัวนี้ตอบโจทย์คนผิวมีปัญหามากๆ โดยเฉพาะ ผิวแพ้ง่าย คนเป็นสิวบ่อย ผิวมัน และผิวผสม ที่ต้องทนกับสิวอุดตัน รูขุมขนกว้าง และความมันส่วนเกิน เพราะตัวนี้มาแบบจัดเต็มด้วยไนอะซินาไมด์เข้มข้น 15% ที่ทำงานร่วมกับ Zinc PCA กับ Acetylglucosamine ช่วยคุมมัน ลดอาการแดง ระคายเคืองจากสิว และทำให้ผิวเนียนขึ้นเห็นๆ อีกทั้งยังใช้ได้ทุกวันไม่ทำให้ผิวหนักหน้า แนะนำเลยถ้าคุณเป็นสาวผิวมันที่เบื่อการมีสิวเกิดซ้ำๆ
6. SKINTIFIC 10% Niacinamide Serum
Restore Conditioner ครีมนวดผมสูตรธรรมชาติ 100% ปราศจากซิลิโคน ฟื้นบำรุงผมแห้งเสีย ลดผมร่วง ควบคุมความมัน และช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม อย่างเป็นธรรมชาติ
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
ส่วนผสมหลัก | Niacinamide 10%, Alpha Arbutin, Ceramide และ Centella asiatica |
ปริมาณ | 20ml |
ข้อดี
- ช่วยให้ผิวดูสว่างกระจ่างใส ปรับโทนสีผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ ด้วยไนอะซินาไมด์เข้มข้นถึง 10% จับคู่กับ Alpha Arbutin
- เสริมด้วย Ceramide ช่วยฟื้นฟูผิวและปกป้องเกราะผิวจากสารก่อระคายเคืองภายนอก ทำให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น
- มีสารสกัดใบบัวบก (Centella Asiatica) เหมาะกับผิวที่ระคายเคือง บำรุงให้ผิวชุ่มชื้นและผ่อนคลาย
- ปลอดภัยต่อผิวแพ้ง่าย เพราะปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน น้ำมันแร่ และสารแต่งสีสังเคราะห์
- มีให้เลือกทั้งขนาดพกพา 20 มล. และขนาดคุ้มค่า 50 มล. ตอบโจทย์ทั้งมือใหม่อยากลอง และคนที่ใช้เป็นประจำ
ข้อควรพิจารณา
- ไม่ได้เน้นลดสิวเท่าไหร่ ใครที่มีปัญหาสิวอักเสบเยอะๆ อาจจะต้องหาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมเฉพาะทางมากกว่านี้ เพราะตัวนี้โฟกัสที่ความกระจ่างใสและการปกป้องผิวซะมากกว่า
- ต้องทาครีมกันแดดทุกวัน เพราะมีทั้ง Alpha Arbutin และ Niacinamide ที่ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น ถึงแม้ตัวเซรั่มจะช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวบ้าง แต่ต้องจับคู่กับกันแดดดีๆ เพื่อป้องกันผิวคล้ำเสียจากแสง UV
SKINTIFIC 10% Niacinamide Brightening Serum มีให้เลือกสองขนาดคือ 20 มล. กับ 50 มล. ตัวเซรั่มเข้ากันได้ดีกับสกินแคร์ตัวอื่นๆ แค่ทาหลังล้างหน้าก่อนใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงขั้นต่อไป ผลิตภัณฑ์มีไนอะซินาไมด์เข้มข้น 10% ที่ช่วยให้ผิวดูสว่างกระจ่างใสขึ้น เสริมด้วย Alpha Arbutin ที่ทำงานร่วมกับไนอะซินาไมด์ได้ดีมาก ช่วยลบเลือนรอยสิวและปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมี Ceramide ช่วยเสริมความแข็งแรงให้ผิว กับสารสกัดใบบัวบก (Centella Asiatica) ที่จะช่วยลดการระคายเคืองและปลอบประโลมผิวให้รู้สึกสบายขึ้น อีกทั้งเหหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย เพราะไม่มีส่วนผสมของ SLS, แอลกอฮอล์, พาราเบน, น้ำมันแร่ หรือสารแต่งสีสังเคราะห์ ทำให้ใช้ได้ทั้งเช้าเย็นไม่มีปัญหา อีกทั้งยังไม่ทดลองกับสัตว์ด้วย
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
จุดเด่นอีกอย่างของเซรั่มตัวนี้คือปลอดภัยสุดๆ ไม่มี SLS, แอลกอฮอล์, พาราเบน, น้ำมันแร่ หรือสีสังเคราะห์เลย เลยเหมาะมากสำหรับทุกสภาพผิว แม้แต่คนผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้สบาย ทางแบรนด์ตั้งใจออกแบบมาให้ช่วยผิวดูเรียบกริบและกระจ่างใสขึ้น ด้วยพลังของไนอาซินาไมด์เข้มข้น 10% จับคู่กับ Alpha Arbutin ที่ช่วยลบเลือนรอยหมองคล้ำได้ดีเยี่ยม แถมยังมี Ceramide ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิว และใบบัวบก (Centella Asiatica) ที่ฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง
7. La Roche-Posay Mela B3 Serum MELASYL
L'Oreal Paris EverPure Brass Toning Purple Conditioner ครีมนวดผมสูตรเข้มข้นสำหรับผมทำสีอ่อนหรือฟอกสี ช่วยลดประกายเหลือง รักษาสีผมให้ติดทนนาน พร้อมบำรุงเส้นผมให้ชุ่มชื้นและเงางาม
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่าย |
ส่วนผสมหลัก | Niacinamide 10%, CARNOSINE และMELASYL Complex |
ปริมาณ | 30 ml |
ข้อดี
- มี Niacinamide เข้มข้น 10% กับ Carnosine และ MELASYL Complex ขจัดรอยดำให้จางลง ปรับผิวให้ดูสว่างใสสม่ำเสมอแบบธรรมชาติ
- นุ่มนวลกับผิวสุดๆ แม้ผิวจะบอบบางแพ้ง่ายแค่ไหนก็เอาอยู่
- เนื้อเซรั่มบางเบาดุจสายน้ำ ซึมซาบไวเวอร์ ไม่หนืดเหนียว ไม่ต้องกลัวหน้ามัน
- ผ่านการทดสอบจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแบบจริงจัง ใช้ได้อย่างมั่นใจ
ข้อควรพิจารณา
- ในสูตรมีเรตินอลผสมอยู่ด้วย ซึ่งทำให้ผิวบอบบางและเสี่ยงต่อแสงแดดได้ง่าย ควรทาครีมกันแดดตามทุกครั้งที่ออกจากบ้านในช่วงเช้า
- ราคาสูงกว่าแบรนด์ทั่วไปในท้องตลาดอยู่พอสมควร
La Roche-Posay Mela B3 Serum MELASYL ขวดขนาด 30 มล. โดดเด่นเพราะพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญผิวหนังโดยเฉพาะ และได้รับการยอมรับจากหมอผิวหนังทั่วโลก เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาจุดด่างดำหรือผิวหมองคล้ำที่อยากแก้ให้ตรงจุด ด้วยพลังของไนอะซินาไมด์ ผสมกับ Carnosine และ MELASYL Complex ที่เป็นสูตรพิเศษเฉพาะของแบรนด์ ช่วยจัดการทั้งรอยดำ รอยแดงจากสิว และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอน่ามอง แถมยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดจุดด่างดำใหม่ๆ อีกด้วย เนื้อเซรั่มบางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ อ่อนโยนต่อผิวมาก แม้แต่คนผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้สบาย ใช้ได้ทั้งเช้าเย็น แต่มีข้อควรระวังนิดนึง คือ มีส่วนผสมของเรตินอล เวลาใช้ตอนเช้าต้องทากันแดดตามด้วยทุกครั้งนะ!
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
La Roche-Posay Mela B3 Serum MELASYL นี่เป็นเซรั่มที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรงมีทั้ง Niacinamide, Carnosine และ MELASYL Complex รวมกันเป็นทีมสูตรพิเศษที่ช่วยจัดการรอยดำลึกๆ และความหมองคล้ำได้ตรงจุดสุดๆ อีกอย่างที่ชอบมากคือความอ่อนโยน ใช้ได้แม้กับคนผิวแพ้ง่ายอย่างเรา เนื้อเซรั่มบางเบา ทาปุ๊บซึมปั๊บ ไม่เหนอะหนะติดมือเลย ใช้ได้ทั้งเช้าเย็น ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นมาก และรอยดำจากแสงแดดที่เคยกวนใจก็จางลงไปเยอะเลย ไม่แปลกที่หมอผิวหนังทั่วโลกถึงแนะนำกันเป็นเสียงเดียวกัน
8. Paula's Choice 10% Niacinamide Booster
เทรซาเม่ เคราติน สมูท คอนดิชันเนอร์ ครีมนวดผมสูตรเข้มข้นที่ผสานเคราตินเพื่อฟื้นบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึก ลดผมชี้ฟู ให้ผมนุ่มลื่น เงางาม และจัดทรงง่ายเหมือนดูแลจากซาลอนทุกวัน
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
ส่วนผสมหลัก | Niacinamide 10%, Vitamin C และ Licorice Extract |
ปริมาณ | 20ml |
ข้อดี
- มีไนอะซินาไมด์เข้มข้นถึง 10% ที่ช่วยลดรอยดำและทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้นแบบเห็นผล
- อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรง
- ปลอดภัยต่อผิว ไม่มีน้ำหอม ไม่มีพาราเบน ไม่มีส่วนผสมแปลกปลอมที่ทำให้แพ้
- เนื้อซีรั่มบางเบา ซึมซาบไว ทาแล้วไม่หนักหน้า ไม่เหนอะหนะ
- ใช้ง่ายสุดๆ จะใช้เดี่ยวๆ หรือมิกซ์กับมอยส์เจอไรเซอร์ก็เวิร์คทั้งคู่
ข้อควรพิจารณา
- ไม่ได้มีสารช่วยผลัดเซลล์ผิวในตัว ถ้าอยากเห็นผลไวกว่านี้ อาจต้องเสริมด้วยผลิตภัณฑ์ที่มี AHA หรือ BHA เพิ่มอีกสักตัว
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับปริมาณที่ได้ ต้องยอมควักกระเป๋าหน่อย
Paula’s Choice 10% Niacinamide Booster เซรั่มขนาดกะทัดรัด 20 มล. ที่สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับสกินแคร์ตัวอื่นได้แบบไม่ขัด ตัวเนื้อผลิตภัณฑ์มาพร้อมไนอะซินาไมด์เข้มข้น 10% ที่ช่วยเคลียร์รอยดำรอยแดงให้จางลง ปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอขึ้นแบบเห็นได้ชัด มีทั้งสารต้านอนุมูลอิสระและสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวแบบเบ็ดเสร็จ เติมความชุ่มชื้นให้ผิวดูสดใสมีออร่า ที่สำคัญคือเนื้อบางเบา ซึมไว ไม่เหนอะหนะติดหน้า จะใช้เดี่ยวๆ หรือผสมกับมอยส์เจอไรเซอร์ก็เวิร์คทั้งเช้าเย็น ไม่มีน้ำหอม ไม่มีพาราเบน ไม่มีส่วนผสมแปลกปลอม เลยเป็นมิตรกับทุกสภาพผิว แม้ผิวจะบอบบางแค่ไหนก็ใช้ได้สบาย
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
เซรั่มตัวนี้มีจุดเด่นตรงที่ ใช้ได้ทั้งแบบเดี่ยวหรือจะผสมกับครีมบำรุง ก็ได้ ทำให้ปรับใช้ในสกินแคร์รูทีนประจำวันได้หลากหลาย เนื้อเซรั่มบางเบาซึมไว ใช้ได้สบายๆ ทั้งเช้าเย็น มีไนอะซินาไมด์เข้มข้นถึง 10% จึงเหมาะมากสำหรับคนที่มีปัญหารอยดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือรูขุมขนกว้าง ช่วยให้ผิวเนียนขึ้น พร้อมกับสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากสิ่งที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ
9. Dr.Somchai Niacinamide Redefining Serum
ซึบากิ พรีเมียม วอลลุ่ม แอนด์ รีแพร์ คอนดิชันเนอร์ ช่วยฟื้นบำรุงผมเสีย ลีบแบน ให้กลับมามีวอลลุ่ม เงางาม และแข็งแรง ด้วยเทคโนโลยี ShineLock และสารบำรุงเข้มข้นจาก Camellia Oil, รอยัล เจลลี่ และซอย โปรตีน
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว |
ส่วนผสมหลัก | Niacinamide 12.3%, Adenosine, Glutathione, Organic Soy Peptide, Alpha-bisabolol และ Vitamin E |
ปริมาณ | 20g |
ข้อดี
- ไม่มี ซิลิโคน น้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน
- เนื้อเซรั่มซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
- มี ไนอะซินาไมด์ 12.3% ช่วยลดจุดด่างดำและรอยสิว
- มี ไนอะซินาไมด์ 12.3% ช่วยลดจุดด่างดำและรอยสิว
- มี Adenosine และ Glutathione ที่ช่วยฟื้นฟูผิวและลดเลือนริ้วรอย
ข้อควรพิจารณา
- มีขนาด 20 กรัม ซึ่งอาจหมดเร็วหากใช้เป็นประจำทุกวัน
- อาจต้องใช้ต่อเนื่องเพื่อให้เห็นผลเรื่องความกระจ่างใสและลดรอยดำ
Dr.Somchai Niacinamide Redefining Serum เซรั่มสูตรเข้มข้นที่มาพร้อมไนอะซินาไมด์ 12.3% ตัวช่วยเทพที่จะมาจัดการปัญหาจุดด่างดำ รอยสิว พร้อมปรับสีผิวให้สม่ำเสมอสวยใส นอกจากนี้ยังมี Adenosine ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ให้ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส และยังเสริมพลังด้วย Glutathione และ Organic Soy Peptides ที่จะช่วยฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมาสดใส พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวแข็งแรง ที่สุดยอดไปกว่านั้นคือมี Alpha-Bisabolol และ Vitamin E ที่ช่วยปกป้องผิวจากการระคายเคือง พร้อมเติมความชุ่มชื้นให้ผิวนุ่มฟูตลอดวัน ใช้ได้ทั้งเช้า-เย็นไม่มีปัญหา! สูตรนี้ปลอดภัยสุดๆ ไม่มีซิลิโคน ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีพาราเบน เหมาะมากสำหรับคนที่ผิวบอบบาง หรือกลัวการแพ้สารเคมี เนื้อเซรั่มบางเบา ซึมซาบไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ใช้ต่อเนื่องแล้วจะเห็นผลชัดเจน ผิวจะเนียนใส กระจ่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
ที่เราชอบมาก ๆ ก็เพราะสูตรนี้ได้การันตีแล้วว่า “ปลอดภัยสุดๆ” ไม่มีซิลิโคน ไม่ใส่น้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีพาราเบนเลย เหมาะมากสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายหรือคนที่กลัวสารระคายเคือง ที่สำคัญ ตัวเซรั่มเนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวหนึบ ใช้ได้ทั้งเช้า-เย็นสบายๆ เป็นตัวเลือกเด็ดที่ใส่ในสกินแคร์รูทีนประจำวันได้เลย นอกจากไนอะซินาไมด์แล้ว ยังมี Adenosine กับ Glutathione ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย เติมความกระจ่างใส และฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง
10. Beauty of Joseon Glow Serum Propolis + Niacinamide
mise en scène Perfect Serum Original Conditioner ครีมนวดผมสูตรเข้มข้นที่อุดมด้วยน้ำมันธรรมชาติ 7 ชนิดและไมโครโปรตีน ช่วยฟื้นบำรุงผมแห้งเสีย ลดชี้ฟู
เหมาะสำหรับ | ทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่าย |
ส่วนผสมหลัก | Niacinamide 2%, Propolis และ BHA |
ปริมาณ | 30ml |
ข้อดี
- อุดมด้วย Propolis Extract ถึง 60% ช่วยเติมน้ำให้ผิวชุ่มฉ่ำ พร้อมกับปลอบประโลมผิวที่บอบบางหรือระคายเคืองได้อย่างดีเยี่ยม
- ผสาน Niacinamide 2% ทำหน้าที่ควบคุมความมันส่วนเกิน พร้อมปรับโทนสีผิวให้กระจ่างสม่ำเสมอ
- มาพร้อม BHA แบบอ่อนโยน 0.5% ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกอย่างนุ่มนวล ลดความมันและสิ่งอุดตันในรูขุมขน
- ปราศจากน้ำหอมและน้ำมันหอมระเหย เหมาะกับผิวแพ้ง่าย
- แบรนด์ที่ใส่ใจ ไม่มีการทดสอบกับสัตว์ (Cruelty-Free)
ข้อควรพิจารณา
- แม้ BHA จะช่วยผลัดเซลล์ผิวแบบอ่อนโยน แต่มันทำให้ผิวไวต่อแสงได้ ต้องไม่ลืมทาครีมกันแดดทุกวัน ไม่งั้นผิวจะเสี่ยงทำร้ายจากรังสียูวีได้นะ
- ใครที่เคยมีประวัติแพ้ผลิตภัณฑ์จากผึ้ง ควรระวังหน่อย เพราะเซรั่มมี Propolis Extract ตั้ง 60% เลย บางคนอาจมีอาการคัน แดง หรือระคายเคืองได้ ควรแพทช์เทสก่อนใช้จริง
Beauty of Joseon Glow Serum Propolis + Niacinamide นี่เป็นเซรั่มที่มาพร้อมกับ Propolis Extract เข้มข้น 60% ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมปลอบประโลมผิวที่อักเสบหรือระคายเคืองได้ดีเยี่ยม ส่วน Niacinamide 2% ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า คอยรักษาบาลานซ์น้ำมันผิว แถมยังช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอขึ้นด้วยนะ ที่เด็ดไปกว่านั้นคือมี BHA แบบอ่อนโยน 0.5% มาช่วยขจัดความมันส่วนเกินและผลัดเซลล์ผิวแบบเนียนๆ ใครผิวบอบบางแพ้ง่ายก็ใช้ได้สบายใจ เพราะไม่มีน้ำหอม ไม่มีเอสเซนเชียลออยล์มาแทรก แถมยังเป็นแบรนด์ที่ไม่ทดลองกับสัตว์อีกด้วย ตัวนี้มาในขวดขนาด 30 มล. แค่หยดเซรั่ม 2-3 หยดลงบนหน้า เกลี่ยให้ทั่ว ทำเป็นประจำทั้งเช้าเย็น เดี๋ยวผิวจะค่อยๆ กระจ่างใสขึ้น ดูเรียบเนียนน่าสัมผัสมากขึ้นแน่นอน
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
Beauty of Joseon Glow Serum นี่มันดีงามมากๆ เลยละค่ะ เค้าผสม Propolis Extract เข้มข้นตั้ง 60% เลยนะคะ ช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิวสุดๆ แถมยังช่วยบรรเทาผิวที่ระคายเคืองหรืออักเสบได้ด้วย มี Niacinamide 2% ที่ชาวสกินแคร์คงรู้จักกันดีว่าเป็นตัวเทพในการคุมมัน ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดรอยดำจากสิว แถมยังเพิ่ม BHA อ่อนๆ 0.5% ช่วยผลัดเซลล์ผิวแบบสุภาพ ไม่กระชากหน้า ทำให้หน้าใสขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ชอบมากๆ คือไม่มีน้ำหอม ไม่มีน้ำมันหอมระเหย เลยใช้ได้แม้ผิวบอบบางแพ้ง่ายแบบเราๆ และที่สำคัญแบรนด์เค้าไม่ทดสอบกับสัตว์ด้วยนะ
ผิวสวยสุดปัง! ใครบ้างที่ควรใช้ Niacinamide และวิธีใช้ให้เห็นผล
ถ้าคุณกำลังสงสัยว่า “ผิวแบบเราใช้ไนอะซินาไมด์ได้มั้ยนะ?” ปล่อยใจสบายได้เลย เพราะสารตัวนี้คือ “เพื่อนซี้” ของทุกสภาพผิว ไม่ว่าคุณจะผิวมันเป็นเงาแบบทอดไข่ดาว ผิวแห้งจนรู้สึกตึงเหมือนหนังกลอง หรือผิวผสมที่บางทีก็มันบางทีก็ลอกเป็นขุย ไนอะซินาไมด์ก็พร้อมโอบกอดผิวคุณด้วยคุณสมบัติปรับสมดุลแบบเนียนๆ แถมยังช่วยลดปัญหาสำคัญอย่างรอยดำ รอยแดง และรูขุมขนกว้างได้อย่างน่าทึ่ง! แต่ความลับที่หลายคนยังไม่รู้คือ “ความเข้มข้น” ของ ไนอะซินาไมด์นี่แหละที่ต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวตัวเอง
ผิวบอบบาง แพ้ง่าย: เริ่มที่ความเข้มข้นต่ำๆ แค่ 2-5% ก่อนนะ ให้ผิวได้ทำความรู้จักกับสารตัวนี้ก่อน จะได้ไม่ต้องมานั่งเกาคันหรือแดงระคายเคือง แนะนำให้เริ่มแค่ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มความถี่เมื่อผิวดูคุ้นชินและไม่มีอาการระคายเคือง
ผิวมีปัญหาหมองคล้ำ รูขุมขนเห็นชัด: จัดไปเลยที่ 10% ขึ้นไป เพราะผิวคุณต้องการความเข้มข้นที่มากกว่า! ตัวเข้มข้นจะช่วยกดปุ่มรีเซ็ตผิว ลดการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ทำให้หน้าดูหมองคล้ำ พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินให้ทำงานหนักขึ้น ผลลัพธ์คือรูขุมขนที่ดูเล็กลง และสีผิวที่สม่ำเสมอขึ้นแบบเห็นได้ชัด!
ผิวปกติที่แค่อยากบำรุงธรรมดาๆ: แค่ 5% ก็เพียงพอแล้วจ้า ไม่ต้องเยอะ ไม่ต้องโหด ใช้เป็นประจำทุกวันเพื่อรักษาผิวให้แข็งแรง คุมมันได้พอดี ผิวไม่ขาดน้ำ แต่ก็ไม่ได้รบกวนการทำงานของผิวมากเกินไป แบบว่าพอดีๆ กับไลฟ์สไตล์คนที่ไม่มีปัญหาผิวอะไรมาก
แล้วใช้ยังไงให้ได้ผลลัพธ์?
เคล็ดลับคือ “ความสม่ำเสมอ” และ “ลำดับการทา” ที่ถูกต้อง
- ขั้นตอนการใช้: ทาหลังจากทำความสะอาดผิวและโทนเนอร์เสมอ แต่ก่อนมอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อให้สารสำคัญซึมลึกถึงผิว
- จับคู่กับอะไรดี? : แนะนำให้ทดลองจับคู่กับ Hyaluronic Acid ซึ่งจะช่วยเติมน้ำให้ผิวชุ่มฉ่ำ ราวกับได้ดื่มน้ำทิพย์ นอกจากนี้ยังสามารถคู่กับ Vitamin C ได้อย่างลงตัว (แต่ขอแนะนำให้เว้นระยะประมาณ 10-15 นาทีเพื่อหลีกเลี่ยงอาการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นได้นะ) อย่างไรก็ตาม อย่าลืมปิดท้ายด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นและสร้างเกราะป้องกันให้ผิวของคุณ ปิดท้ายด้วยทิปลับ! มอยเจอร์ไรเซอร์ยี่ห้อไหนดี ที่เราได้รวบรวมและจัดอันดับไว้แล้วล้วนใช้คู่กับไนอะซินาไมด์ได้อย่างเข้ากั๊นเข้ากัน ลองคลิกดูแบรนด์ที่ใช่สำหรับคุณได้เลยจ้า
- สิ่งที่ควรระวัง : เรื่องที่หลายคนอาจไม่รู้คือไนอะซินาไมด์ไม่ได้เป็นมิตรกับทุกอย่างนะ เช่น ถ้าใช้ร่วมกับ AHA/BHA ความเข้มข้นสูง (โดยเฉพาะหากเราทา Niacinamide 10%) ก็ควรเว้นระยะประมาณ 30 นาทีก่อนหลัง ไม่งั้นผิวอาจเสียบาลานซ์ได้ อีกอย่าง คือ ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมแรงๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงนะคะ เพราะเสี่ยงทำให้ผิวแพ้ง่ายเกิดการระคายเคืองได้
ข้อควรรู้!
- ใช้ตอนเช้าหรือเย็นดีกว่า? ใช้ได้ทั้งสองเวลา! แต่ถ้าใช้ตอนเช้า อย่าลืมทาครีมกันแดดตาม เพราะ Niacinamide ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ แต่ไม่แทนกันแดด
- เห็นผลเมื่อไหร่? ผิวจะเริ่มเรียบเนียนภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนรอยดำและรูขุมขนอาจใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์
อย่าลืมว่าสารบำรุงผิวนี้ไม่ใช่เวทมนตร์ที่เปลี่ยนผิวขาวใสในข้ามคืน แต่ถ้าใช้ถูกวิธีและเลือกสูตรที่เหมาะกับตัวเองล่ะก็… รับรองว่า ผิวสุขภาพดีที่เพื่อนทัก! แค่เริ่มต้นวันนี้ แล้วรอผลลัพธ์สวยๆ ไปพร้อมกัน
Niacinamide ใช้คู่กับอะไรได้บ้าง?
ถ้าคิดว่าไนอะซินาไมด์เป็นตัวเดี่ยวๆ ที่ใช้คนเดียวได้สุดปัง… ต้องบอกว่าถูกครึ่งเดียว เพราะความสามารถของสารคือ การผสมผสานที่เข้ากันได้กับสารสกัดหลากหลายชนิดในสกินแคร์ จนบางทีใช้ถูกคู่ก็เหมือนได้อัปเกรดประสิทธิภาพให้ผิวสวยเร็วขึ้นอีกเป็นเท่าตัว! แต่ก็มีบางตัวที่อาจตีกันจนทำให้ผิวป่วนได้เหมือนกัน เราเลยรวบรวมข้อมูลแบบจัดเต็มมาบอกต่อ ตั้งแต่ “คู่จิ้น” ที่ควรมีไว้จนถึง “คู่ต้องห้าม” ที่ควรเลี่ยง
คู่ไหนปัง? Niacinamide + สารบำรุงเหล่านี้ = ผิวดีแบบบูสต์พลัง!
- Hyaluronic Acid (กรดไฮยาลูรอนิก): เมื่อใช้กับกรดไฮยาลูรอน จะช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวแบบเนียนลื่นจนต้องลูบหน้าเช็คอีกที เพราะไนอะซินาไมด์ทำงานเรื่องปรับสมดุลน้ำมัน ส่วนกรดไฮยาลูรอนิกดึงน้ำมาหล่อเลี้ยงผิว พอจับคู่กันก็เหมือนผิวได้ทั้งความชุ่มชื้นและความสมดุล แถมใช้ร่วมกันได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ!
- Peptides (เปปไทด์): ถ้าอยากบำรุงผิวให้เต่งตึง ริ้วรอยจางลง ไนอะซินาไมด์จะช่วยเรื่องรูขุมขนและความเรียบเนียน ส่วน Peptides ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในผิว ใช้คู่กันได้ทั้งเช้าและเย็น รับรองผิวแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก
- Ceramides (เซราไมด์): สำหรับคนผิวแพ้ง่ายหรือผิวอ่อนแอ การทาตามด้วยเซราไมด์จะช่วยซ่อมแซมผิวให้แข็งแรงแบบสองต่อ ทั้งลดการอักเสบและเติมเกราะป้องกันให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ
คู่ไหนพัง? ใช้ Niacinamide กับสารเหล่านี้ต้องระวัง!
- วิตามินซี (Vitamin C): หลายคนเคยได้ยินว่า “ห้ามใช้ไนอะซินาไมด์กับวิตามินซี” แต่จริงๆ แล้ว ใช้ร่วมกันได้ ถ้าเลือกประเภทวิตามินซีที่เสถียร เช่น Ethyl Ascorbic Acid หรือ Sodium Ascorbyl Phosphate และเว้นระยะห่างในการทาสัก 10-15 นาที แต่ถ้าใช้ L-ascorbic Acid (วิตามินซีรูปแบบแรง) อาจทำให้บางคนผิวแดงหรือแสบได้ แนะนำให้แยกใช้คนละเวลากัน เช่น วิตามินซีตอนเช้า ไนอะซินาไมด์ตอนเย็น
- AHA/BHA (กรดผลไม้/กรดซาลิไซลิก): กรดเหล่านี้ช่วยผลัดเซลล์ผิว แต่ถ้าใช้พร้อมกันในความเข้มข้นสูง อาจทำให้ผิวบางคนระคายเคืองได้ง่าย ทางปลอดภัยคือ ทาแล้วรอ 20-30 นาที แล้วค่อยทา Niacinamide หรือใช้คนละวันกันไปเลยจะดีกว่า
- ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์หรือน้ำหอมแรง: โดยเฉพาะคนผิวบอบบาง อาจทำให้ผิวแห้งตึงหรือเกิดรอยแดงเมื่อใช้ร่วมกัน
ข้อควรรู้เด็ด! ใช้ยังไงให้ปลอดภัยและเห็นผลจริง
- ครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญ: ใช้ไนอะซินาไมด์เมื่อไหร่ อย่าลืมตามด้วยครีมกันแดดทุกเช้า แดดเมืองไทยไม่ใช่เล่นๆ ถ้าไม่ป้องกัน รอยดำที่พยายามลบก็จะกลับมาเยี่ยมเราอีกแน่นอน นอกจากนี้ ไนอะซินาไมด์ยังช่วยเสริมการปกป้องผิวจากมลภาวะได้ดีอีกด้วย แต่จะเลือกครีมกันแดดตัวไหนดี? เรามีบทความแนะนำให้แล้วนะ กดลิงก์ด้านล่างนี้ได้เลย
- ใช้ได้ทั้งเช้าเย็นแบบหายห่วง!: ไม่เหมือนสารบำรุงบางตัวที่ทำให้ผิวบางลงเมื่อโดนแดด ไนอะซินาไมด์เป็นเสารที่อยู่กับผิวคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง! อยากทาตอนไหนก็จัดไป ไม่ว่าจะเช้าสดใสหรือก่อนนอนก็เวิร์คทั้งนั้น ไม่ต้องกังวลว่าผิวจะแพ้แสงหรือผิวบางลง
- อย่าลืมทดสอบผิวก่อนเสมอนะ!: แม้ว่าไนอะซินาไมด์จะขึ้นชื่อเรื่องความอ่อนโยน แต่ความจริงที่ต้องยอมรับคือบางคนก็อาจแพ้ส่วนผสมอื่นๆ ในสูตรได้ ลองทาที่ข้อมือหรือหลังหูสัก 2-3 วันก่อนที่จะเอาขึ้นหน้า จะได้ไม่ต้องมานั่งเกาคันให้ปวดใจทีหลัง
วิธีเลือกไนอะซินาไมด์ที่เหมาะกับผิวของคุณ
ถ้าคิดว่า “ไนอะซินาไมด์แบรนด์ไหน ๆ ก็เหมือนกันนั่นแหละ” ต้องบอกว่าคิดผิดแล้วจ้า! เพราะผลิตภัณฑ์ ในท้องตลาดมีทั้งสูตรเข้มข้น เนื้อสัมผัสต่างกัน และส่วนผสมเสริมที่หลากหลาย จนบางทีเลือกไม่ดีก็อาจได้ของดีแต่ไม่โดนใจผิวตัวเองแทน เราเลยรวบรวมเกณฑ์เลือกแบบละเอียดมาบอกต่อ ตั้งแต่ “ความเข้มข้น” ที่เหมาะกับสภาพผิวไปจนถึง “ทริคเด็ด” สำหรับผิวแพ้ง่าย
1. เลือกความเข้มข้นให้ตรงจุด: 5% vs 10% ต่างกันยังไง?
5% : เหมาะกับ มือใหม่หัดใช้ หรือ ผิวบอบบาง แพ้ง่าย เพราะความเข้มข้นระดับนี้ช่วยปรับสมดุลผิว ลดความมันส่วนเกิน และกระชับรูขุมขนแบบอ่อนโยน แถมใช้ได้ทุกวันโดยไม่กังวลเรื่องการระคายเคือง
10% : เป็นสูตรสำหรับผิวมีปัญหา เช่น รอยดำลึกๆ รูขุมขนกว้าง หรือผิวขาดความแข็งแรง แต่อาจไม่เหมาะกับผิวที่ยังไม่เคยใช้ไนอะซินาไมด์มาก่อน เพราะบางคนอาจรู้สึกแสบคันยิบ ๆ ในช่วงแรก
สรุปสั้นๆ: ถ้าคุณเป็นสายผิวบอบบางหรือผิวปกติธรรมดา ขอแนะนำให้เริ่มที่ 5% ก่อนเลย จะได้ไม่ช็อกผิว แต่ถ้าผิวคุณมีปัญหาผิวที่ต้องแก้เยอะหน่อย ลุยเลย 10% ได้เต็มสูบ! ยังไม่มั่นใจอีกใช่ไหม? ทางเลือกที่ลงตัวคือสูตรผสมระหว่าง 5-10% ที่เค้าเติมเซราไมด์มาให้ด้วย ช่วยปกป้องผิวไม่ให้เกิดอาการระคายเคืองมากไป
2. เช็กส่วนผสมเสริม: อะไรที่ทำให้สูตรนี้พิเศษ?
ไนอะซินาไมด์ตัวเดียวก็ดีอยู่แล้ว แต่ถ้ามี “ทีมเวิร์ก” ช่วยเสริมด้วยล่ะก็… ผลลัพธ์จะยิ่งสวยปังแบบทวีคูณ! เพราะส่วนผสมที่ถูกคู่กันจะช่วยเสริมฤทธิ์กันและกัน ทำให้ผิวคุณเปล่งประกายอย่างเห็นได้ชัด มาดูกันว่าคู่หูที่ลงตัวของไนอะซินาไมด์มีอะไรบ้าง
- Hyaluronic Acid: คู่หูสุดปังที่ชอบจับคู่กับไนอะซินาไมด์! สารตัวนี้จะช่วยดึงความชุ่มชื้นเข้าผิวได้เยอะมาก (หนึ่งโมเลกุลอุ้มน้ำได้พันเท่าเลยนะ) พอทำงานร่วมกับไนอะซินาไมด์ ผิวจะนุ่มฉ่ำแต่ไม่มันวาว เหมือนผิวเด็กเลย ไฮยาลูรอนิกทำหน้าที่เติมน้ำให้ผิวชุ่มชื่น ส่วนไนอะซินาไมด์ก็คอยซ่อมแซมผิวให้แข็งแรง ปกป้องความชุ่มชื้นไม่ให้ระเหยออกไป เรียกได้ว่าใช้คู่กันปุ๊บผิวสวยปั๊บ!
- Zinc (สังกะสี): เหมาะสุดๆ สำหรับคนผิวมันเยิ้มหรือมีปัญหาสิวเรื้อรัง ช่วยคุมมันได้ตลอดวัน บรรเทาการอักเสบของสิว และยังฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวได้ด้วย พอสองตัวนี้ทำงานคู่กัน จะช่วยปรับความมันให้พอดี ไม่ทำให้รูขุมตัน ที่เห็นได้ชัดคือสิวยุบเร็วขึ้น และรอยแดงจางไวกว่ามาก
- Ceramides (เซราไมด์): Ceramides (เซราไมด์): ถ้าใครหน้าแห้งตึงหรือผิวไวต่อสิ่งกระตุ้น ต้องลองเซราไมด์! ตัวนี้เป็นไขมันดีที่มีอยู่ในผิวเราเองอยู่แล้ว แต่พอมาจับคู่กับไนอะซินาไมด์ เหมือนได้ดูโอที่แข็งแกร่งมาก พวกนี้จะช่วยซ่อมแซมผิวจนแข็งแรงขึ้น เปรียบเหมือนเป็นกำแพงที่ป้องกันผิวจากสิ่งที่มาทำร้าย และลดการระเหยของน้ำออกจากผิวด้วย คนที่เคยแพ้โน่นแพ้นี่ พอใช้ไปสักพักจะรู้สึกว่าผิวอึดขึ้นเยอะเลย
- Peptides (เปปไทด์): บูสต์ความเต่งตึง ลดริ้วรอย เปปไทด์เป็นโปรตีนสั้นๆ ที่ส่งสัญญาณให้ผิวสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น เมื่อทำงานร่วมกับไนอะซินาไมด์ ซึ่งช่วยเรื่องความยืดหยุ่นของผิว จะเสริมพลังให้กันและกัน ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย และเติมความเด้งกระชับให้ผิวหน้าจนดูเหมือนอายุลดลงถึง 5 ปี ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์
ข้อควรระวัง: ระวังให้ดีกับผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมหรือแอลกอฮอล์เยอะๆ นะ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนผิวบอบบาง พวกนี้มันทำให้หน้าแดง คัน แสบได้ง่ายมาก ยิ่งเมื่อใช้คู่กับไนอะซินาไมด์ด้วยแล้ว อาจจะทำให้ผิวระคายเคืองหนักขึ้นไปอีก แนะนำให้มองหาสูตรที่เขียนว่า “Fragrance-Free” หรือ “Alcohol-Free” ดีกว่า จะปลอดภัยกับผิวมากกว่าเยอะ
3. เลือกเนื้อสัมผัสให้เหมาะกับสไตล์ผิว
การเลือกเนื้อสัมผัสที่ใช่คือสิ่งสำคัญของการใช้ไนอะซินาไมด์ให้ได้ผล! สำหรับคนผิวมันหรือเป็นสิวบ่อย ลองไปทางเซรั่มเนื้อใสๆ น้ำๆ ที่ซึมไวแบบไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนหน้า ผิวจะได้หายใจได้สบาย ส่วนเพื่อน ๆ ที่มีผิวแห้งกร้านต้องจัดครีมหรือโลชั่นตัวเข้มข้นที่อุ้มน้ำได้ดีกว่า คนผิวผสมก็หาเจลเบาๆ หรือเซรั่มเนื้อนมที่ให้ความชุ่มชื้นกำลังดี ไม่หนักหน้า แถมถ้าใครเคยรู้สึกผิวตึงหลังใช้ไนอะซินาไมด์ ทริคง่ายๆ คือปิดท้ายด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ หรือเลือกสูตรที่มีสารเติมน้ำอยู่ในตัวไปเลยก็เริ่ด!
4. ผิวแพ้เริ่มใช้ยังไงให้ปลอดภัย
- ทดสอบผิวก่อนใช้เสมอ: การทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้เป็นเรื่องสำคัญมาก ให้ทาบริเวณหลังหูหรือข้อพับแขนด้านในเพียงเล็กน้อย ทิ้งไว้ประมาณ 24-72 ชั่วโมง สังเกตว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ เช่น คัน แดง บวม หรือผื่นขึ้น หากไม่พบอาการผิดปกติใดๆ จึงเริ่มทดลองใช้บนใบหน้าได้อย่างปลอดภัย
- เริ่มจากความเข้มข้นต่ำ: สำหรับผู้เริ่มต้นใช้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นประมาณ 5% ซึ่งถือเป็นระดับที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเริ่มต้น เพราะให้ประสิทธิภาพที่ดีแต่โอกาสระคายเคืองน้อย ไม่แนะนำให้เริ่มต้นด้วยความเข้มข้น 10% ทันทีเพราะอาจทำให้ผิวเกิดอาการแสบร้อนหรือแดงได้
- ใช้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก่อน: การค่อยๆ ปรับให้ผิวคุ้นชินกับสารไนอะซินาไมด์เป็นเรื่องสำคัญ ควรเริ่มใช้เพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งในช่วงแรก เช่น วันเว้นวัน หรือทุก 2-3 วัน สังเกตการตอบสนองของผิว เมื่อผิวปรับตัวได้ดีและไม่มีอาการระคายเคือง จึงค่อยๆ เพิ่มความถี่เป็นทุกวัน การเร่งใช้ทุกวันตั้งแต่แรกอาจทำให้ผิวบอบบางและเกิดการอักเสบได้
- หลีกเลี่ยงการผสมกับกรดแรงๆ: ไนอะซินาไมด์สามารถทำงานร่วมกับส่วนผสมหลายชนิดได้ดี แต่ควรระวังการใช้ร่วมกับกรดที่มีฤทธิ์แรง เช่น AHA (Alpha Hydroxy Acids) หรือ BHA (Beta Hydroxy Acids) และวิตามินซีเข้มข้นในช่วงเวลาเดียวกัน เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของทั้งสองสารลดลง หรือเพิ่มโอกาสการระคายเคืองผิว แนะนำให้แยกการใช้ เช่น ใช้กรดในช่วงเช้า และใช้ไนอะซินาไมด์ในช่วงเย็น
ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ แสดงว่าคุณรู้แล้วว่าไนอะซินาไมด์ ไม่ใช่แค่เทรนด์สกินแคร์ชั่วคราว แต่คือ “ตัวจริง” ที่ควรอยู่ในทุกโต๊ะเครื่องแป้งปี 2024! เพราะไม่ว่าเทรนด์ความงามจะเปลี่ยนไปแค่ไหน สารตัวนี้ยังคงทำหน้าที่แก้ปัญหาผิวที่ครบเครื่อง ทั้งลดรอยดำ จัดการรอยแดง กระชับรูขุมขน และปรับผิวให้สมดุลแบบไม่เลือกปฏิบัติ—ไม่ว่าคุณจะมีผิวแบบไหนก็ตาม สิ่งสำคัญที่หลายคนมักมองข้ามไปคือ “เลือกสูตรให้เหมาะกับตัวเอง” นี่แหละ! ไนอะซินาไมด์ 5% อาจเหมาะกับคนผิวบอบบางเจ้าปัญหา ส่วน 10% เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ชัดๆ เร็วๆ และถ้าได้สูตรที่ผสม Hyaluronic Acid หรือ Ceramides ด้วยล่ะก็ ยิ่งช่วยตอบโจทย์ปัญหาผิวของคุณได้ตรงจุด
จริงๆ แล้ว การมีไนอะซินาไมด์ติดบ้านเป็นเรื่องดี แต่ถ้าใช้ผิดวิธีหรือเลือกผิดสูตร ก็อาจไม่ได้ผลอย่างที่หวังนะ ลองดูสภาพผิวตัวเองให้ชัดก่อน แล้วค่อยเลือกตัวที่ใช่ แค่เริ่มต้นถูกทางผิวสวยก็ไม่ไกลเกินเอื้อม! ลองเพิ่มไนอะซินาไมด์เข้าไปในสกินแคร์รูทีนวันนี้ดูสิ บางทีคุณอาจแปลกใจที่ผิวที่เคยมีปัญหาดีขึ้นแบบไม่ทันรู้ตัว สำหรับคนที่ยังลังเลอยู่… แค่จำไว้ว่า “ผิวสุขภาพดี” เริ่มได้ทุกวัน ขอแค่คุณกล้าที่จะลองเท่านั้นเอง
คำถามที่พบบ่อย
1. ไนอะซินาไมด์ใช้ได้กับทุกสภาพผิวหรือไม่?
สารนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลยนะ ไม่ว่าจะผิวมัน แห้ง ผสม หรือแพ้ง่าย เพราะมันช่วยคุมความมัน เติมความชุ่มชื้น และลดการระคายเคืองได้ดี แต่ถ้าเป็นคนผิวบอบบางหรือเพิ่งเริ่มใช้ แนะนำให้เลือกความเข้มข้นต่ำๆ สัก 2-5% ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อผิวเริ่มชิน จะปลอดภัยกว่า
2. ควรใช้ไนอะซินาไมด์ตอนเช้าหรือตอนกลางคืน?
ไนอะซินาไมด์ใช้ได้ทั้งเช้าและกลางคืนเลย แล้วแต่ว่าคุณสะดวกตอนไหน ถ้าใช้ตอนเช้า อย่าลืมทากันแดดตามด้วยนะ จะช่วยบูสต์การลดรอยดำได้ดีขึ้น ส่วนตอนกลางคืน ลองใช้คู่กับมอยส์เจอไรเซอร์หรือเซรั่มตัวโปรดดูสิ จะช่วยฟื้นฟูผิวได้ดีตอนที่ผิวกำลังซ่อมแซมตัวเองยามหลับ
3. ไนอะซินาไมด์ใช้ร่วมกับส่วนผสมอื่น ๆ ได้หรือไม่?
สารนี้สามารถจับคู่กับสารบำรุงอื่นๆ ได้เยอะมาก! ลองใช้คู่กับไฮยาลูรอนิกแอซิดสิ ช่วยเติมน้ำให้ผิวชุ่มฉ่ำ หรือจะแท็กทีมกับเซราไมด์ก็เริ่ด ผิวจะแข็งแรงมีเกราะป้องกัน มีปัญหาจุดด่างดำ? ลองมิกซ์กับวิตามินซีดู ผลลัพธ์จะมาไวกว่าเดิม แต่มีข้อควรระวังนิดนึง อย่าเล่นดีกับพวก AHA/BHA นะ ถ้าจะใช้ต้องแยกกันคนละรอบ ไม่งั้นผิวจะบึ้มแดงระคายเคืองได้
4. ใช้ไนอะซินาไมด์แล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและสภาพผิวของแต่ละคน โดยทั่วไปแล้ว การลดรอยแดงและความมันส่วนเกินอาจเห็นผลได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนการลดจุดด่างดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมออาจใช้เวลาประมาณ 4-8 สัปดาห์ การใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องและควบคู่กับการดูแลผิวที่เหมาะสมจะช่วยให้เห็นผลได้ดีที่สุด