10 อันดับ ครีมกันแดดที่ดีที่ สุดสำหรับการปกป้องผิวจากรังสี UV

Cover-459-ครีมกันแดด

ครีมกันแดดเป็นผลิตภัณฑ์สำคัญที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวถูกทำร้าย เช่น ผิวหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง การใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแค่ช่วยป้องกันความเสียหายจากแสงแดด แต่ยังช่วยรักษาสุขภาพผิวในระยะยาว ทำให้ผิวยังคงความสดใสและดูอ่อนเยาว์ การเลือกครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลผิวในชีวิตประจำวัน บทความนี้จะแนะนำ 10 แบรนด์ครีมกันแดดที่ได้รับความนิยม โดยทุกแบรนด์จะถูกคัดเลือกจากเกณฑ์สำคัญ เช่น ประสิทธิภาพการป้องกันรังสียูวี ความเหมาะสมกับทุกสภาพผิว และความรู้สึกสบายเมื่อใช้

นอกจากการแนะนำแบรนด์แล้ว ยังมีเนื้อหาสำคัญเกี่ยวกับความสำคัญของการใช้ครีมกันแดดในชีวิตประจำวัน ประเภทของครีมกันแดดที่แตกต่างกันและวิธีการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวและกิจกรรม รวมถึงเคล็ดลับการทาครีมกันแดดอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ช่วยในการรักษาผิวให้ดูดีและมีสุขภาพดี


หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า

ในการเลือกและจัดอันดับแบรนด์ครีมกันแดดที่ดีที่สุด เราได้พิจารณาจากหลายปัจจัยสำคัญเพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นประโยชน์ต่อการเลือกซื้อ เราได้คัดเลือกแบรนด์ตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้

  1. ประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวี : เราเน้นที่ความสามารถของครีมกันแดดในการป้องกันรังสียูวีทั้ง UVA และ UVB โดยคำนึงถึงค่า SPF และ PA ของผลิตภัณฑ์ เราพิจารณาเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป และต้องป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ความเหมาะสมกับสภาพผิว : เราให้ความสำคัญกับการเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม หรือผิวแพ้ง่าย โดยเราจะพิจารณาว่าสูตรนั้นไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดการระคายเคือง
  3. ความรู้สึกเมื่อใช้ : ครีมกันแดดที่ดีต้องไม่เหนียวเหนอะหนะ และให้ความรู้สึกสบายเมื่อใช้ เราให้คะแนนผลิตภัณฑ์ที่ซึมซาบเร็ว ไม่ทำให้ผิวมัน หรือเป็นคราบระหว่างวัน
  4. ความทนทานต่อเหงื่อและน้ำ: ผลิตภัณฑ์ที่สามารถทนทานต่อเหงื่อและน้ำได้ดีจะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีกิจกรรมกลางแจ้งหรือต้องการการปกป้องที่ต่อเนื่องตลอดวัน
  5. ส่วนผสมที่ปลอดภัย: เราคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ปลอดภัย ปราศจากสารที่อาจเป็นอันตราย เช่น พาราเบน น้ำหอม และสารเคมีที่ทำให้ผิวระคายเคือง
  6. ราคาและความคุ้มค่า: สุดท้าย เราประเมินจากราคาและความคุ้มค่าของผลิตภัณฑ์ โดยเปรียบเทียบกับปริมาณและคุณภาพ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเลือกซื้อได้ตามงบประมาณของตนเอง

1. La Roche-Posay Anthelios UVMune 400 Invisible Fluid

1 La Roche-Posay Anthelios UVMune 400 Invisible Fluid

La Roche-Posay Anthelios UVMune 400 Invisible Fluid ครีมกันแดดเนื้อน้ำบางเบา ปราศจากน้ำหอม เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวบอบบางแพ้ง่าย มีค่า SPF50+/PA++++ และเทคโนโลยี Mexoryl 400 ที่ปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB อินฟราเรด ฝุ่นละออง และมลภาวะ

ปริมาณ50 มล.
ค่าSPF/PASPF50+/ PA++++
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่าย

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

La Roche-Posay Anthelios UVMune 400 Invisible Fluid ครีมกันแดดที่ได้รับการแนะนำจากแพทย์ผิวหนังทั่วโลก ด้วยสูตรเนื้อน้ำที่บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวบอบบางและแพ้ง่าย ผลิตภัณฑ์นี้มาพร้อมเทคโนโลยี Mexoryl 400 ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของ La Roche-Posay ที่สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครีมกันแดดตัวนี้มีค่า SPF50+ และ PA++++ ซึ่งสามารถปกป้องผิวจากรังสี Ultra-Long UVA ที่มีช่วงความยาวคลื่น 380-400 นาโนเมตร ซึ่งเป็นรังสีที่อันตรายและทำร้ายผิวหนังได้ลึก นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องผิวจากรังสีอินฟราเรด ฝุ่นละออง และมลภาวะ

ผลิตภัณฑ์นี้สามารถกันน้ำและกันเหงื่อได้ดี ทาได้ง่ายและไม่ทำให้เกิดคราบ สามารถใช้ทาบริเวณรอบดวงตาได้โดยไม่ทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน นอกจากนี้ยังปราศจากน้ำหอม ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ได้รับการทดสอบทางคลินิกภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UV และปัจจัยที่เป็นอันตรายอื่น ๆ

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

La Roche-Posay Anthelios UVMune 400 Invisible Fluid เป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากมีเทคโนโลยี Mexoryl 400 ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะรังสี Ultra-Long UVA ที่สามารถทำร้ายผิวได้ลึก ผลิตภัณฑ์นี้ยังมีค่า SPF50+/PA++++ ที่ให้การปกป้องสูงสุด เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวบอบบางแพ้ง่าย นอกจากนี้ยังปราศจากน้ำหอม ไม่อุดตันรูขุมขน และสามารถกันน้ำและเหงื่อได้ดี จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

2. Yves Rocher Elixir Botanique UV Shield

2 Yves Rocher Elixir Botanique UV Shield

Yves Rocher Elixir Botanique UV Shield ครีมกันแดดเนื้อบางเบาที่มีค่า SPF50+ UVA PA++++ อุดมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ พร้อมเสริมความแข็งแรงของปราการผิว

ปริมาณ30 มล.
ค่าSPF/PASPF50+/ PA++++
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่าย

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Yves Rocher Elixir Botanique UV Shield ครีมกันแดดที่มาจากแบรนด์ Yves Rocher จากประเทศฝรั่งเศส มีจุดเด่นที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ครีมกันแดดนี้มีค่า SPF50+ UVA PA++++ ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อครีมบางเบาและเป็นสีขาว ช่วยให้ผิวดูโกลว์เมื่อทา

นอกจากนี้ ครีมกันแดดยังอุดมด้วยสารสกัดจาก Eart&Ocean Complex ซึ่งประกอบด้วย แนสเทอร์เที่ยมและแพลงตอนลากาซิลี่ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเติมออกซิเจนให้กับผิว และช่วยเสริมความแข็งแรงของปราการผิวถึง 5 เท่า เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ ครีมนี้ยังเหมาะสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเนื้อครีมมีความบางเบาและไม่เหนียวเหนอะหนะ ผลิตภัณฑ์มีปริมาณ 30 มิลลิลิตร และด้วยคุณสมบัติจากธรรมชาติและความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Yves Rocher Elixir Botanique UV Shield เป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากมีค่า SPF50+ UVA PA++++ ที่ให้การปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง Eart&Ocean Complex ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและแพลงตอนที่ช่วยเติมออกซิเจนให้ผิวและเสริมความแข็งแรงของปราการผิว ทำให้ผิวมีความทนทานต่อมลภาวะมากขึ้น อีกทั้งผลิตภัณฑ์ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาครีมกันแดดที่ปลอดภัยและดูแลผิวได้ดี

3. PHYSIOGEL RED SOOTHING A.I. SENSITIVE UV SUNSCREEN SPF 50+/PA+++

3 PHYSIOGEL RED SOOTHING A.I. SENSITIVE UV SUNSCREEN SPF 50

PHYSIOGEL RED SOOTHING A.I. SENSITIVE UV SUNSCREEN ครีมกันแดดสูตรอ่อนโยนสำหรับผิวแพ้ง่าย ปราศจากน้ำหอมและพาราเบน มีค่า SPF 50+/PA+++ ปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB พร้อมเสริมความชุ่มชื้นและลดการระคายเคืองจากแสงแดด

ปริมาณ40 มล.
ค่าSPF/PASPF50+/ PA++++
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่าย

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

PHYSIOGEL RED SOOTHING A.I. SENSITIVE UV SUNSCREEN ครีมกันแดดสูตรอ่อนโยนที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการทดสอบภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง และปราศจากน้ำหอม พาราเบน และสารแต่งสี มีค่า SPF 50+/PA+++ ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB อย่างมีประสิทธิภาพ เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย และไม่ทิ้งคราบขาว ช่วยให้ผิวดูเนียนใสไม่เหนียวเหนอะหนะ

ส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์นี้คือ Tinosorb S ซึ่งใช้เทคโนโลยี Microfine Particle Technology ในการสะท้อนและกระจายรังสียูวี ทำให้ผิวได้รับการปกป้องจากรังสีได้ดี อีกทั้งยังมี Octisalate และ Uvinal A Plus ที่เสริมประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVB และ UVA ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีสารบำรุงผิวอย่าง Glycerin และ Ceramide NP ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ป้องกันอาการผิวแห้ง และ Palmitamide MEA ที่ช่วยลดการอักเสบของผิว ลดอาการแดงและระคายเคืองจากแสงแดด

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

PHYSIOGEL RED SOOTHING A.I. SENSITIVE UV SUNSCREEN เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เนื่องจากปราศจากน้ำหอมและพาราเบน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการระคายเคือง มีค่า SPF 50+/PA+++ ที่สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบที่ช่วยเสริมความชุ่มชื้นและลดการอักเสบของผิว เช่น Glycerin และ Ceramide NP ทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นและลดปัญหาผิวแห้งหรือแดงจากแสงแดด

4. NATURE REPUBLIC CALIFORNIA ALOE DAILY SUN BLOCK SPF50+ PA++++

4 NATURE REPUBLIC CALIFORNIA ALOE DAILY SUN BLOCK SPF50+ PA++++

NATURE REPUBLIC CALIFORNIA ALOE DAILY SUN BLOCK ครีมกันแดดสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย มีค่า SPF50+ PA++++ ผสมสารสกัดว่านหางจระเข้ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสีผิวให้กระจ่างใส และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล

ปริมาณ57 มล.
ค่าSPF/PASPF50+/ PA++++
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่าย

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

NATURE REPUBLIC CALIFORNIA ALOE DAILY SUN BLOCK เป็นครีมกันแดดสำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่าย มาพร้อมกับค่า SPF50+ PA++++ ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครีมกันแดดนี้เป็นสูตรแบบ Hybrid ที่ผสมผสานการปกป้องทั้งแบบ Chemical และ Physical ซึ่งช่วยป้องกันแสงแดดได้ดี

ผลิตภัณฑ์นี้มีสารสกัดจากว่านหางจระเข้ในปริมาณ 2.75 ppm ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว นอกจากนี้ยังมีสารต่อต้านริ้วรอยอย่างอะดีโนซีนที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น อีกจุดเด่นหนึ่งคือ เนื้อครีมมีโทนสีชมพูที่ช่วยปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้นทันทีหลังการใช้ สามารถใช้เป็นเบสก่อนการแต่งหน้าได้

นอกจากประโยชน์ด้านการปกป้องผิวแล้ว ผลิตภัณฑ์นี้ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลและปะการัง โดยบรรจุภัณฑ์ได้รับการรับรองจาก FSC ซึ่งแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ปริมาณบรรจุภัณฑ์อยู่ที่ 57 มิลลิลิตร จากส่วนผสมหลักที่ประกอบด้วย Glycerin, Titanium Dioxide, และสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น Hibiscus Rosa Sinensis Flower Extract และ Morinda Citrifolia Fruit Extract ครีมกันแดดนี้ช่วยบำรุงและปลอบประโลมผิวได้ดี พร้อมทั้งปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

NATURE REPUBLIC CALIFORNIA ALOE DAILY SUN BLOCK เป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากมีค่า SPF50+ PA++++ ที่ให้การปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่าย อีกทั้งยังมีสารสกัดจากว่านหางจระเข้ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปลอบประโลมผิว เนื้อครีมสีชมพูช่วยปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใส สามารถใช้เป็นเบสก่อนแต่งหน้าได้ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ใส่ใจทั้งการปกป้องผิวและสิ่งแวดล้อม

5. MizuMi UV Water Active Sport

5 MizuMi UV Water Active Sport

MizuMi UV Water Active Sport ครีมกันแดดเนื้อเซรั่ม SPF50+ PA++++ ที่เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งและกีฬาด้วยคุณสมบัติกันน้ำ 80 นาที พร้อมสารต้านอนุมูลอิสระ 11 ชนิด ช่วยปกป้องผิวและลดการเกิดริ้วรอยจากแสงแดด

ปริมาณ40 กรัม
ค่าSPF/PASPF50+/ PA++++
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่าย

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

MizuMi UV Water Active Sport ครีมกันแดดเนื้อเซรั่มที่เหมาะสำหรับผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือนักกีฬาที่ต้องการการปกป้องผิวจากแสงแดด ด้วย SPF50+ PA++++ ซึ่งสามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครีมกันแดดนี้เป็นสูตรแบบ Hybrid Sunscreen ซึ่งผสมผสานการทำงานของสารกันแดดแบบกายภาพและเคมี ช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้าแดด จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ และริ้วรอยก่อนวัย

ครีมกันแดดนี้ยังมีส่วนผสมของ 11X Anti-Oxidants เช่น สารสกัดจาก Butterfly Bush ชาเขียวมัทฉะ วิตามินอี และสารต่อต้านอนุมูลอิสระจากญี่ปุ่น 8 ชนิด ช่วยลดการทำร้ายผิวจากแสงแดดซึ่งเป็นสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัย เนื้อครีมบางเบา ซึมไว และไม่เหนียวเหนอะหนะ อีกทั้งยังไม่ทำให้ผิวขาววอกหรือเป็นคราบหลังทา

จุดเด่นของ MizuMi UV Water Active Sport คือคุณสมบัติกันน้ำและกันเหงื่อที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถกันน้ำได้นานถึง 80 นาที ทำให้เหมาะกับการเล่นกีฬาและกิจกรรมกลางแจ้ง ผลิตภัณฑ์นี้ยังปราศจากน้ำมัน น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน และสีสังเคราะห์ นอกจากนี้ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อปะการัง (Coral Safe) เนื่องจากปราศจากเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

MizuMi UV Water Active Sport เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีค่า SPF50+ PA++++ ที่ให้การปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือเล่นกีฬา เนื่องจากสามารถกันน้ำและเหงื่อได้นานถึง 80 นาที นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระถึง 11 ชนิด ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกทำร้ายโดยแสงแดดและริ้วรอยก่อนวัย อีกทั้งยังไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน น้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน ทำให้ปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่าย

6. Innisfree UV active poreless sunscreen SPF50+ PA+++

6 Innisfree UV active poreless sunscreen SPF50+ PA+++

Innisfree UV Active Poreless Sunscreen ครีมกันแดด SPF50+ PA+++ ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV พร้อมเบลอรูขุมขนและปรับผิวให้เรียบเนียนด้วยสารสกัดธรรมชาติจากเกาะเชจู

ปริมาณ50 มล.
ค่าSPF/PASPF50+/ PA++++
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่าย

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Innisfree UV Active Poreless Sunscreen ครีมกันแดดที่มีค่า SPF50+ PA+++ ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์นี้เป็นสูตร Chemical Sunscreen ซึ่งช่วยดูดซับรังสี UV ไม่ให้ผ่านเข้าสู่ผิว เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่ทิ้งคราบขาว

ครีมกันแดดนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการเบลอรูขุมขนและทำให้ผิวเรียบเนียนเสมือนใช้ไพรเมอร์ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติจากเกาะเชจู เช่น ดอกบัว ไซเปรส ส้มเขียวหวาน ชิกวีด และอะโรเนีย ซึ่งช่วยปลอบประโลมผิวที่ถูกทำร้ายจากมลภาวะ

นอกจากการปกป้องผิวจากแสงแดดแล้ว เนื้อครีมยังให้เอฟเฟกต์การเบลอผิว ทำให้ผิวดูกลมกลืนและกระจ่างใสขึ้นด้วยโทนสีเบจที่สามารถเข้าได้กับทุกสีผิว ผลิตภัณฑ์นี้ยังเหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเนื้อครีมไม่สร้างการระคายเคือง และเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Innisfree UV Active Poreless Sunscreen เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะนอกจากจะมีค่า SPF50+ PA+++ ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการเบลอรูขุมขน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนเหมือนไพรเมอร์ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารสกัดธรรมชาติจากเกาะเชจู เช่น ดอกบัว ไซเปรส และส้มเขียวหวาน ซึ่งช่วยบำรุงและปลอบประโลมผิวที่ถูกทำร้ายจากมลภาวะ เนื้อครีมบางเบา ซึมเร็ว ไม่ทิ้งคราบขาว และอ่อนโยนต่อผิวทุกประเภท

7. Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+PA++++

7 Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50

Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA++++ ครีมกันแดดสูตรน้ำที่บางเบา ซึมเร็ว ปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมบำรุงผิวด้วยกรดไฮยาลูโรนิกและสารสกัดจากรอยัลเยลลี

ปริมาณ50 กรัม
ค่าSPF/PASPF50+/ PA++++
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่าย

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA++++ ครีมกันแดดสูตรน้ำที่เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย และซึมซาบเร็ว โดยไม่ทำให้ผิวเหนอะหนะหรือทิ้งคราบ สามารถทาทับเมคอัพได้โดยไม่ทำให้เครื่องสำอางเปลี่ยนสี ผลิตภัณฑ์นี้มีเทคโนโลยี UV Aqua Jelly Capsule ที่ช่วยให้สารกันแดดแปรสภาพเป็นน้ำกระจายทั่วผิวหน้า ทำให้ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ครีมกันแดดนี้มี SPF50+ ที่ช่วยป้องกันรังสี UVB ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวหมองคล้ำและจุดด่างดำ นอกจากนี้ยังมีค่า PA++++ ที่ช่วยลดโอกาสการเกิดริ้วรอยจากรังสี UVA ที่ทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว ผลิตภัณฑ์ยังมีคุณสมบัติกันน้ำและกันเหงื่อ ช่วยให้ติดทนนานตลอดวัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีกิจกรรมกลางแจ้ง

ส่วนผสมสำคัญประกอบด้วย Hyaluronic acid และ Royal Jelly Extract ที่ช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่น นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากผลไม้ตระกูลซิตรัส เช่น เกรปฟรุต ส้ม และเลมอน ซึ่งช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและป้องกันไม่ให้ผิวแห้งกร้าน

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Biore UV Aqua Rich Watery Essence SPF50+ PA++++ เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีเนื้อบางเบาและซึมซาบเร็ว ทำให้ทาได้ง่ายและไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถทาทับเมคอัพได้โดยไม่ทำให้เครื่องสำอางเปลี่ยนสี อีกทั้งยังมีคุณสมบัติกันน้ำและกันเหงื่อ เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีสารบำรุงอย่างกรดไฮยาลูโรนิกและสารสกัดจากรอยัลเยลลีที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น พร้อมปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

8. Anessa Perfect UV Sunscreen Mild Milk N SPF50+ PA++++

8 Anessa Perfect UV Sunscreen Mild Milk N SPF50

Anessa Perfect UV Sunscreen Mild Milk N SPF50+ PA++++ ครีมกันแดดเนื้อน้ำนมสูตรอ่อนโยนสำหรับผิวแพ้ง่าย ปราศจากสารระคายเคือง กันน้ำและเหงื่อ พร้อมให้ความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปริมาณ60 มล.
ค่าSPF/PASPF50+/ PA++++
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่าย

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Anessa Perfect UV Sunscreen Mild Milk N SPF50+ PA++++ ครีมกันแดดเนื้อน้ำนมที่ออกแบบมาเพื่อผิวบอบบางและแพ้ง่าย ด้วยสูตรอ่อนโยนที่ปราศจากสีสังเคราะห์ น้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารเติมแต่งอื่นๆ ไม่อุดตันรูขุมขน และซึมซาบได้ดีไม่ทิ้งคราบขาวหรือความเหนียวเหนอะหนะ เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย ช่วยปรับสภาพผิวเสมือนเป็นไพรเมอร์ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยสารสกัดจากรากดอกโบตั๋น ซุปเปอร์ไฮยาลูรอนิก แอซิด กลีเซอรีน และสารสกัดจากชะเอมเทศ

ผลิตภัณฑ์นี้มีเทคโนโลยี Aqua Booster EX ที่ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิวจากแสงแดด กันน้ำ กันเหงื่อ และความชื้น ติดทนนานถึง 80 นาที เหมาะสำหรับการว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง นอกจากนี้ ยังช่วยปกป้องผิวจากความแห้งกร้านและมลภาวะ พร้อมให้ความรู้สึกเบาสบายผิว

ด้วยสูตร Hypoallergenic ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและผิวเด็ก นอกจากนี้ ยังเป็นมิตรต่อทะเลและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อปะการัง ผลิตภัณฑ์สามารถล้างออกได้ง่ายด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวทั่วไป

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Anessa Perfect UV Sunscreen Mild Milk N SPF50+ PA++++ เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะเป็นครีมกันแดดสูตรอ่อนโยนที่เหมาะสำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่าย ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น สีสังเคราะห์ น้ำหอม และแอลกอฮอล์ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Aqua Booster EX ที่ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังกันน้ำและเหงื่อได้ดี เหมาะสำหรับการทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือว่ายน้ำ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ

9. Banana Boat Ultra Protect Sunscreen Lotion SPF 50 PA+++

9 Banana Boat Ultra Protect Sunscreen Lotion SPF 50 PA+++

Banana Boat Ultra Protect Sunscreen Lotion SPF50 PA++++ ครีมกันแดดเนื้อบางเบา ซึมเร็ว ไม่เหนอะหนะ ปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB และบำรุงผิวด้วยว่านหางจระเข้ วิตามินซี และอี พร้อมคุณสมบัติกันน้ำและเป็นมิตรต่อปะการัง

ปริมาณ90 มล.
ค่าSPF/PASPF50 PA+++
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่าย

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Banana Boat Ultra Protect Sunscreen Lotion SPF50 PA++++ ครีมกันแดดเนื้อโลชั่นที่บางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่อุดตันรูขุมขน ผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้ วิตามินซี และวิตามินอี ซึ่งช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น เรียบเนียน และกระจ่างใส อีกทั้งยังช่วยเสริมคอลลาเจนให้ผิว

ครีมกันแดดนี้มีค่า SPF50 PA++++ ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังกันน้ำและกันเหงื่อได้ดี ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานประจำวันหรือกิจกรรมกลางแจ้ง ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการออกแบบมาให้ใช้ทาผิวกายโดยเฉพาะ เนื่องจากเนื้อโลชั่นบางเบาและปราศจากน้ำมันและน้ำหอม ทำให้ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน

Banana Boat Ultra Protect Sunscreen Lotion ยังเป็นผลิตภัณฑ์ Reef Friendly ซึ่งไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อแนวปะการัง อีกทั้งยังช่วยคงความชุ่มชื้นให้ผิว ฟื้นฟูให้ผิวแลดูสดใสและเรียบเนียน

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Banana Boat Ultra Protect Sunscreen Lotion SPF50 PA++++ เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีเนื้อครีมบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่อุดตันรูขุมขน จึงเหมาะสำหรับการใช้งานทุกวัน อีกทั้งยังปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยค่า SPF50 PA++++ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมจากธรรมชาติเช่น ว่านหางจระเข้ วิตามินซี และวิตามินอี ที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นและเรียบเนียน พร้อมคุณสมบัติกันน้ำและเหงื่อ เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง

10. KA UV Protection BabyFace SPF 42 PA+++

10 KA UV Protection BabyFace SPF 42 PA+++

KA UV Protection Baby Face SPF 42 PA+++ ครีมกันแดดเนื้อบางเบาที่สามารถใช้แทนรองพื้น ปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB และช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใส โดยไม่ทำให้ผิวมันหรืออุดตันรูขุมขน

ปริมาณ15 กรัม
ค่าSPF/PASPF42 PA+++
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ผิวบอบบางแพ้ง่าย

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

KA UV Protection Baby Face SPF 42 PA+++ ครีมกันแดดเนื้อครีมเนียนที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ด้วยค่า SPF 42 PA+++ เนื้อครีมสีเนื้อสามารถใช้แทนรองพื้นหรือบีบีครีมได้ เหมาะสำหรับวันที่ไม่ต้องการแต่งหน้าเยอะ ผลิตภัณฑ์นี้ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใส และยังสามารถปกปิดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้โดยไม่ทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน

จุดเด่นของครีมกันแดดนี้คือ ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ทำให้ไม่ทำให้ผิวแห้งหรือเป็นสิว เนื้อครีมบางเบา ไม่หนักหน้า ไม่ทำให้ผิวมัน และช่วยเสริมให้เครื่องสำอางติดทนนานขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นประจำทุกวัน

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์นี้ยังง่ายต่อการล้างออกหลังการใช้งาน ทำให้สะดวกสบายและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการครีมกันแดดที่ไม่หนักผิว

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

KA UV Protection Baby Face SPF 42 PA+++ เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีเนื้อครีมบางเบา ไม่หนักหน้า และไม่ทำให้ผิวมัน เหมาะสำหรับการใช้งานทุกวัน อีกทั้งยังสามารถใช้แทนรองพื้นหรือบีบีครีมได้ ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและปกปิดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ดีโดยไม่อุดตันรูขุมขน นอกจากนี้ยังไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ จึงไม่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคือง เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาครีมกันแดดที่ปกป้องผิวและบำรุงในขั้นตอนเดียว

ความสำคัญของการใช้ครีมกันแดดในชีวิตประจำวัน

459-ความสำคัญของการใช้ครีมกันแดดในชีวิตประจำวัน

การใช้ครีมกันแดดในชีวิตประจำวันมีความสำคัญมากต่อการปกป้องผิวจากรังสียูวี (UV) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงมะเร็งผิวหนัง

  1. ป้องกันการเกิดริ้วรอยและความเสียหายต่อผิว: การได้รับแสงแดดโดยไม่มีการป้องกันสามารถเร่งการเกิดริ้วรอยและความเสียหายที่ลึกในผิวหนัง ครีมกันแดดจะช่วยลดความเสี่ยงของการทำลายคอลลาเจนและเส้นใยยืดหยุ่นในผิวหนัง ทำให้ผิวยังคงความเรียบเนียนและยืดหยุ่นได้นานขึ้น
  2. ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนัง: การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนัง ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากการได้รับแสงแดดมากเกินไป
  3. ป้องกันการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ: แสงแดดสามารถกระตุ้นให้เกิดเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ทำให้เกิดฝ้าและจุดด่างดำบนผิวหน้า การใช้ครีมกันแดดจึงช่วยลดการเกิดปัญหาผิวเหล่านี้ได้
  4. ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี: การปกป้องผิวจากรังสียูวีช่วยให้ผิวแข็งแรง ป้องกันการสูญเสียน้ำและคงความชุ่มชื้นในผิวได้มากขึ้น

ดังนั้น การใช้ครีมกันแดดทุกวันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงเมื่ออยู่กลางแจ้งเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการปกป้องผิว


ประเภทของครีมกันแดดอย่างไรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน

459-ประเภทของครีมกันแดดอย่างไรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน

ครีมกันแดดมีหลายประเภทให้เลือกตามความต้องการและลักษณะการใช้งานของแต่ละคน การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมจะช่วยให้การปกป้องผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ประเภทของครีมกันแดด

  1. ครีมกันแดดแบบเคมี (Chemical Sunscreen)

    ครีมกันแดดประเภทนี้ทำงานโดยการดูดซับรังสียูวีแล้วเปลี่ยนเป็นความร้อนก่อนที่จะปล่อยออกจากผิว ซึ่งมีข้อดีคือสามารถกันรังสี UVA และ UVB ได้ดี มักมีเนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวันหรือการทำกิจกรรมทั่วไป

    • ข้อดี: ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งคราบขาว
    • ข้อเสีย: อาจทำให้เกิดการระคายเคืองสำหรับผิวแพ้ง่าย
  2. ครีมกันแดดแบบกายภาพ (Physical Sunscreen)

    หรือเรียกอีกอย่างว่า Mineral Sunscreen ซึ่งใช้สารกันแดดอย่างเช่น ไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) และซิงค์ออกไซด์ (Zinc Oxide) ที่ทำงานโดยการสะท้อนรังสียูวีออกจากผิวหนัง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะสารเหล่านี้ไม่ทำปฏิกิริยากับผิวมากนัก

    • ข้อดี: เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ให้การปกป้องทันทีหลังทา
    • ข้อเสีย: เนื้อครีมอาจหนาและทิ้งคราบขาวบนผิว
  3. ครีมกันแดดสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง

    สำหรับผู้ที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงกว่า 50 และมีความสามารถในการกันน้ำ (Water-Resistant) เพื่อป้องกันครีมกันแดดหลุดออกเมื่อมีเหงื่อหรือหลังการว่ายน้ำ

    • ข้อดี: ป้องกันได้ยาวนานและทนต่อความชื้น
    • ข้อเสีย: อาจล้างออกยากและต้องการการทำความสะอาดที่ล้ำลึก
  4. ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้า

    ครีมกันแดดสำหรับผิวหน้ามักออกแบบให้มีเนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว และไม่อุดตันรูขุมขน บางประเภทอาจผสมสารบำรุงผิว เช่น วิตามินซี หรือสารต้านอนุมูลอิสระ เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน

    • ข้อดี: บางเบา ไม่อุดตัน เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้เครื่องสำอางร่วมด้วย
    • ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าเมื่อเทียบกับครีมกันแดดทั่วไป
  5. ครีมกันแดดสำหรับเด็กและผิวแพ้ง่าย

    ครีมกันแดดประเภทนี้มักมีส่วนผสมที่อ่อนโยน ปราศจากสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือกลิ่นหอม เหมาะสำหรับเด็กและผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย

    • ข้อดี: ปลอดภัยต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
    • ข้อเสีย: มักมีเนื้อครีมหนาและทิ้งคราบขาว

วิธีเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับการใช้งาน

  • ค่า SPF และ PA: ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 สำหรับการใช้ชีวิตประจำวัน และสูงกว่า 50 สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง พร้อมทั้งเลือกครีมที่มีค่า PA+++ เพื่อการป้องกันรังสี UVA อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ประเภทของผิว: ผิวแห้งควรเลือกครีมกันแดดที่ให้ความชุ่มชื้น ส่วนผิวมันควรเลือกสูตรที่ปราศจากน้ำมัน (Oil-Free) หรือคุมมัน
  • กันน้ำหรือไม่: หากต้องทำกิจกรรมที่มีการเปียกน้ำหรือมีเหงื่อออกมาก ควรเลือกสูตรกันน้ำเพื่อให้การปกป้องต่อเนื่อง

การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมกับลักษณะผิวและการใช้งานจะช่วยให้ผิวได้รับการปกป้องจากแสงแดดอย่างเต็มที่

วิธีเลือกครีมบำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของครีมกันแดด

การเลือกครีมบำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการดูแลผิวในชีวิตประจำวัน ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30 ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ที่ทำให้เกิดริ้วรอยและจุดด่างดำ นอกจากการปกป้องจากแสงแดดแล้ว ควรพิจารณาส่วนผสมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี หรืออี ที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิว การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ เช่น ผิวมันควรเลือกสูตรที่ไม่มีน้ำมัน ส่วนผิวแห้งควรเลือกสูตรที่ให้ความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ สำหรับครีมบำรุงผิวหน้ายี่ห้อไหนดี ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของส่วนผสม และเลือกยี่ห้อที่มีการรับรองมาตรฐานจากแพทย์ผิวหนัง

เคล็ดลับการทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด

459-เคล็ดลับการทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง

การทาครีมกันแดดให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม แม้จะใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูง แต่ถ้าไม่ทาอย่างถูกวิธีก็อาจไม่ได้รับการปกป้องผิวที่เพียงพอ นี่คือเคล็ดลับการทาครีมกันแดดที่ถูกต้องเพื่อให้ปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ดีที่สุด

1. ทาครีมกันแดดก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-30 นาที

ครีมกันแดดบางประเภท โดยเฉพาะครีมกันแดดแบบเคมี (Chemical Sunscreen) ต้องใช้เวลาในการซึมเข้าสู่ผิวเพื่อเริ่มทำงานป้องกันรังสียูวี การทาก่อนออกแดดจึงช่วยให้ครีมได้ผลเต็มประสิทธิภาพ

2. ใช้ปริมาณครีมที่เพียงพอ

การใช้ครีมกันแดดในปริมาณที่น้อยเกินไปอาจทำให้การป้องกันไม่เต็มประสิทธิภาพ ควรใช้ครีมกันแดดประมาณ 2 ข้อนิ้วสำหรับใบหน้า และประมาณ 1 ออนซ์ (หรือประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ) สำหรับร่างกายทั้งหมด

3. ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง

ครีมกันแดดจะสูญเสียประสิทธิภาพเมื่อเวลาผ่านไป หรือเมื่อสัมผัสกับน้ำ เหงื่อ หรือการเช็ดหน้า ควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะหากอยู่กลางแจ้งหรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก

4. ทาครีมกันแดดให้ทั่วทุกส่วนของร่างกาย

บางครั้งเรามักมองข้ามการทาครีมกันแดดในบางจุด เช่น หลังคอ ใบหู หลังมือ และเท้า ซึ่งล้วนเป็นส่วนที่ได้รับแสงแดดเช่นกัน ควรให้ความสำคัญกับการทาทุกส่วนของร่างกายที่ต้องโดนแสงแดด

5. เลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว

  • ผิวมัน: ควรเลือกครีมกันแดดสูตรควบคุมความมัน (Oil-Free) ที่ไม่ทำให้หน้ามันเยิ้มระหว่างวัน
  • ผิวแห้ง: ควรเลือกสูตรที่มีสารให้ความชุ่มชื้น
  • ผิวแพ้ง่าย: เลือกครีมกันแดดแบบกายภาพ (Physical Sunscreen) ที่มีส่วนผสมอ่อนโยนและปลอดภัยต่อผิว

6. อย่าลืมทาครีมกันแดดในวันที่ไม่มีแดดหรืออยู่ในร่ม

แม้ในวันที่ฟ้าครึ้ม เมฆบดบัง หรืออยู่ในร่ม รังสี UVA ยังสามารถทะลุผ่านได้ การทาครีมกันแดดทุกวันจึงเป็นสิ่งจำเป็นแม้ว่าคุณจะไม่เห็นแดดชัดเจน

7. ครีมกันแดดกับการแต่งหน้า

หากคุณแต่งหน้า ควรทาครีมกันแดดก่อนที่จะลงรองพื้นหรือเมคอัพ เพื่อให้ครีมกันแดดสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้เมคอัพที่มีสารกันแดดเสริมได้ แต่ไม่ควรใช้แทนครีมกันแดดหลัก

8. ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดเสริม

สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง การสวมหมวก แว่นกันแดด เสื้อแขนยาว หรือการใช้ร่มสามารถช่วยเพิ่มการปกป้องผิวจากแสงแดดร่วมกับการใช้ครีมกันแดดได้

การทาครีมกันแดดอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณได้รับการปกป้องจากรังสียูวีอย่างเต็มที่ และยังช่วยรักษาผิวให้มีสุขภาพดีในระยะยาว

วิธีป้องกันแสงแดดหลังการสครับผิว

หลังการสครับผิว ผิวจะบอบบางและไวต่อแสงแดดมากขึ้น ดังนั้นการป้องกันแสงแดดหลังการสครับเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงอย่างน้อย 30 และมีประสิทธิภาพในการปกป้องทั้งรังสี UVA และ UVB นอกจากนี้ควรทาในปริมาณที่เพียงพอและทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง หากต้องออกแดดนานเกิน 4 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงเวลา 10 โมงเช้าถึงบ่าย 3 โมง เพราะเป็นช่วงที่แสงแดดแรงที่สุด สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด และหากเป็นไปได้ใช้หมวกหรือร่มกันแดดร่วมด้วย สำหรับสครับผิวยี่ห้อไหนดี ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และเหมาะสมกับสภาพผิวเพื่อให้การสครับผิวมีประสิทธิภาพสูงสุดและปลอดภัย

การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมและการใช้ให้ถูกวิธีเป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลผิวของคุณ ครีมกันแดดไม่ได้มีเพียงเพื่อป้องกันผิวจากแสงแดดเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาผิวต่าง ๆ ที่อาจเกิดจากการรับรังสียูวีมากเกินไป การเลือกใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสมกับสภาพผิวและกิจกรรมของคุณ รวมถึงการทาอย่างถูกวิธี จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องผิวให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น อย่าลืมที่จะทำให้การใช้ครีมกันแดดเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรการดูแลผิวในทุกๆ วัน เพื่อสุขภาพผิวที่ดีและคงความอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

คำถามที่พบบ่อย

1. ครีมกันแดดจำเป็นต้องใช้ทุกวันหรือไม่?

ใช่ การใช้ครีมกันแดดทุกวันเป็นสิ่งสำคัญ แม้ในวันที่ไม่มีแสงแดดแรง เพราะรังสียูวีสามารถทำลายผิวได้แม้อยู่ในร่ม หรือในวันที่มีเมฆมาก

2. ต้องทาครีมกันแดดซ้ำบ่อยแค่ไหน?

แนะนำให้ทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง หรือหลังจากว่ายน้ำหรือเหงื่อออกมาก หากคุณมีกิจกรรมกลางแจ้ง เพื่อให้การปกป้องผิวมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

3. ควรเลือกครีมกันแดดแบบไหนสำหรับผิวมัน?

สำหรับผิวมัน ควรเลือกครีมกันแดดสูตรที่ปราศจากน้ำมัน (oil-free) หรือสูตรที่ช่วยควบคุมความมัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสิวหรือความมันส่วนเกินบนผิวหน้า

4. เด็กสามารถใช้ครีมกันแดดของผู้ใหญ่ได้หรือไม่?

ครีมกันแดดสำหรับเด็กมักจะมีสูตรที่อ่อนโยนกว่า หากเป็นไปได้ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเด็ก เพื่อปกป้องผิวที่บอบบาง

Scroll to Top