หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า
- ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด : เราเน้นเลือกน้ำยาล้างหัวฉีดที่สามารถ ล้างคราบสกปรกได้หมดจด ทั้งคราบตะกอน น้ำมันเก่า และสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในระบบเชื้อเพลิง เพราะสิ่งเหล่านี้คือสาเหตุหลักที่ทำให้เครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ สตาร์ทติดยาก หรือเร่งเครื่องไม่ขึ้น
- การลดแรงเสียดทานและเพิ่มการหล่อลื่น : น้ำยาล้างหัวฉีดที่ดีไม่เพียงแต่ทำความสะอาดได้ดี แต่ยังต้องช่วยลดแรงเสียดทานในระบบเชื้อเพลิง และ เพิ่มการหล่อลื่น เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้ลื่นไหลมากขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
- ความครอบคลุมในการใช้งาน : เราเลือกแบรนด์ที่สามารถใช้ได้กับ รถยนต์เบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด รวมถึงรถที่ใช้ระบบเชื้อเพลิงแบบต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจว่าเหมาะกับรถของตัวเองแน่นอน
- ใช้ได้ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ : น้ำยาล้างหัวฉีดบางตัวอาจเหมาะกับรถยนต์แต่อาจไม่เหมาะกับมอเตอร์ไซค์ ดังนั้นเราจึงเลือกสินค้าที่ครอบคลุมการใช้งานทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้ทุกกลุ่ม
- ต้องปลอดภัยกับทุกชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ : เราให้ความสำคัญกับน้ำยาล้างหัวฉีดที่ ปลอดภัยต่อชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ทั้งส่วนที่เป็นโลหะและยาง โดยไม่ทำให้เกิดการกัดกร่อนหรือเสื่อมสภาพเร็ว นอกจากนี้ยังต้องปลอดภัยต่อระบบแคตตาลิติกและเซ็นเซอร์ในรถยนต์ด้วย เพราะชิ้นส่วนเหล่านี้มีความละเอียดอ่อนและแพงมากหากต้องซ่อมแซม
- คุ้มค่าและราคาที่สมเหตุสมผล : สุดท้าย เราเลือกน้ำยาล้างหัวฉีดที่ให้ ประสิทธิภาพสูงในราคาที่สมเหตุสมผล เพราะเราเชื่อว่าสินค้าที่ดีไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป แต่ต้องคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
1. Fortron น้ำยาล้างหัวฉีด เบนซิน Gasohol Plus
ถ้าคุณใช้รถเบนซินที่เติมแก๊สโซฮอล์ ลองดู Fortron Gasohol Plus สิครับ ตัวนี้ช่วยกำจัดน้ำ, สนิม, และตะกอนในระบบเชื้อเพลิงได้ดีเลย ใช้แล้วรู้สึกได้เลยว่าเครื่องเดินนุ่มขึ้น เร่งได้ดีขึ้น แถมยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกด้วย
ปริมาณ | 250 ml |
ใช้สำหรับหัวฉีด | เบนซิน/Gasohol |
ประเภทรถที่สามารถใช้งานได้ | รถยนต์ |
ข้อดี
- กำจัดน้ำ สนิม และตะกอนในระบบเชื้อเพลิงได้สะอาดหมดจด
- ใช้ได้กับน้ำมันทุกเกรด ทั้ง 91 95 E20 และ E85 สบายๆ
- พอใช้แล้วเครื่องจะแรงขึ้น สตาร์ทติดง่าย ไม่มีอาการสะดุด
- ช่วยประหยัดน้ำมันได้เยอะถึง 5-10% เลยทีเดียว
- ไม่ต้องเสียเวลาถอดล้างที่อู่ แค่เทใส่ถังน้ำมันก็ใช้ได้เลย
ข้อควรพิจารณา
- แนะนำให้ใช้ทุก 5,000 กม. เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
- ขวดละ 250 มล. ใช้ได้แค่ครั้งเดียวต่อการเติมน้ำมัน 1 ถัง ถ้าอยากดูแลต่อเนื่องก็ต้องซื้อเพิ่ม
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
ยี่ห้อ Fortron Gasohol Plus นี่เป็นตัวช่วยสุดเจ๋งสำหรับรถที่ใช้แก๊สโซฮอล์เลยครับ ทำความสะอาดได้ครบวงจรตั้งแต่ถังน้ำมันยันหัวฉีด ทำความสะอาดได้หมดจด ไม่ต้องกังวลเรื่องสนิมในถังหรือหัวฉีดอุดตันอีกต่อไป พอใช้แล้วจะรู้สึกได้เลยว่าเครื่องนุ่มขึ้น คันเร่งตอบสนองไวขึ้น และที่เด็ดสุดคือประหยัดน้ำมันได้สูงสุด 10% เลยทีเดียว ที่ผมชอบมากๆ คือใช้งานง่ายมาก แค่เทลงถังน้ำมันแล้วเติมให้เต็ม น้ำยาก็จะทำงานไปพร้อมกับน้ำมันเลย ไม่ต้องเสียเวลาถอดล้างหัวฉีดให้วุ่นวาย ประหยัดทั้งเวลาและค่าบริการที่ศูนย์ไปได้เยอะเลย เรียกว่าคุ้มค่าคุ้มราคาสุดๆ2. 3M หัวเชื้อเบนซิน Complete Fuel System
3M Complete Fuel System น้ำยาล้างหัวฉีดตัวนี้เด็ดจริงๆ สูตรเข้มข้นที่ทำความสะอาดได้ครบจบในขวดเดียว ใช้แล้วจะรู้สึกได้เลยว่าเครื่องยนต์แรงขึ้น ตอบสนองไวขึ้น แถมอาการเครื่องสะดุดที่เคยกวนใจก็หายเกลี้ยง
ปริมาณ | 473 มิลลิลิตร |
ใช้สำหรับหัวฉีด | เบนซิน |
ประเภทรถที่สามารถใช้งานได้ | รถยนต์/มอเตอร์ไซค์ |
ข้อดี
- ทำความสะอาดได้ทั่วถึงทุกซอกทุกมุมของระบบเชื้อเพลิง ไม่มีตกหล่นแม้แต่จุดเล็กๆ
- พอใช้แล้วรู้สึกได้เลยว่าเครื่องนิ่งขึ้น เหยียบคันเร่งปุ๊บตอบสนองปั๊บ สะใจจริงๆ
- ลืมไปเลยว่าเครื่องเคยสะดุด หรือมีอาการน็อกมาก่อน เพราะหายเกลี้ยงหมดจด
- สะดวกสุดๆ แค่เทใส่ถังน้ำมันก็เสร็จ ไม่ต้องเสียเวลาพาไปอู่ให้วุ่นวาย
- ไม่ต้องกังวลว่าจะใช้กับรถรุ่นไหน เพราะใช้ได้หมด ทั้งรถเก่าและรถใหม่
ข้อควรพิจารณา
- ต้องระวังเรื่องปริมาณการใช้นิดนึง ใส่เยอะไปหรือน้อยไปก็ไม่ดี (แนะนำ 1 ขวดต่อน้ำมัน 45-60 ลิตร)
- ควรดูปริมาณน้ำมันในถังก่อนเติมทุกครั้ง เพื่อให้ได้อัตราส่วนที่พอดี
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
ตัวนี้เด็ดจริงๆ ครับ เป็นน้ำยาล้างหัวฉีดที่ทำงานได้ครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นหัวฉีด, วาล์วไอดี, หรือห้องเผาไหม้ ช่วยขจัดคราบสกปรกที่สะสมในระบบเชื้อเพลิงได้หมดจด พอใช้แล้วจะรู้สึกได้เลยว่าเครื่องเดินนุ่มขึ้น เร่งแล้วพุ่งกว่าเดิม อาการสะดุดที่เคยมีก็หายไป จุดเด่นหลัก ๆ คือ ใช้ง่ายมาก แค่เติมน้ำมันให้เต็มถัง แล้วเทน้ำยาลงไป 1 ขวด เรียบร้อย! ไม่ต้องพาไปถอดล้างที่อู่ให้วุ่นวาย ใช้ได้หมดทั้งรถเก่ารถใหม่ แถมยังช่วยลดปัญหาเครื่องน็อก ทำให้เผาไหม้ดีขึ้น ส่งผลให้รถประหยัดน้ำมันในระยะยาวด้วยนะ3. TOYOTA น้ำยาล้างหัวฉีด เบนซิน
ถ้าใครกำลังมองหาน้ำยาล้างหัวฉีดที่เหมาะกับรถโตโยต้า ต้องลองตัวนี้เลย! ใช้แล้วรู้สึกได้เลยว่าเครื่องเดินนุ่มขึ้น เร่งแล้วตอบสนองไว อาการสะดุดที่เคยมีก็หายเกลี้ยง
ปริมาณ | 190 มิลลิลิตร |
ใช้สำหรับหัวฉีด | เบนซิน |
ประเภทรถที่สามารถใช้งานได้ | รถยนต์ |
ข้อดี
- เหมาะสำหรับรถโตโยต้าโดยเฉพาะ ใช้แล้วไว้ใจได้เลย
- ช่วยขจัดคราบสกปรกในระบบน้ำมันได้สะอาดหมดจด ไม่มีตกค้าง
- พอใช้แล้วรู้สึกได้เลยว่าเครื่องนิ่งขึ้น เร่งปุ๊บตอบปั๊บ สะใจจริงๆ
- สะดวกสุดๆ แค่เทใส่ถังน้ำมันก็เสร็จ ไม่ต้องพาไปอู่ให้วุ่นวาย
ข้อควรพิจารณา
- ถึงจะเป็นผลิตภัณฑ์จากโตโยต้า แต่อาจไม่เหมาะกับรถยี่ห้ออื่น
- ต้องเก็บให้ห่างจากความร้อนและเปลวไฟ เพราะติดไฟง่าย
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
เราได้ลองใช้ TOYOTA น้ำยาล้างหัวฉีดเบนซินมาแล้ว และต้องบอกว่าตอบโจทย์มากสำหรับคนใช้รถโตโยต้า เพราะเขาออกแบบมาให้เข้ากับเครื่องยนต์ยี่ห้อนี่โดยเฉพาะ พอใช้แล้วรู้สึกได้เลยว่าเครื่องยนต์สะอาดขึ้น เร่งปุ๊บตอบปั๊บ ไม่มีอาการสะดุดให้หงุดหงิดอีกต่อไป ที่สำคัญคือใช้ง่ายมาก แค่เทน้ำยาลงถังน้ำมันก่อนเติมเชื้อเพลิงก็เท่านั้นเอง แป๊บเดียวคราบสกปรกในระบบก็หายวับ เครื่องเผาไหม้ดีขึ้น ประหยัดน้ำมันไปในตัว คุ้มค่าคุ้มราคาจริงๆ4. Bullsoneshot Total Fuel System Cleaner
Bullsoneshot Total Fuel System Cleaner จากเกาหลีตัวนี้ทีเด็ดจริง ทำความสะอาดได้ครบจบในขวดเดียว ตั้งแต่ถังน้ำมันยันห้องเครื่อง แก้ปัญหาหัวฉีดตันได้สบายๆ ที่สำคัญคือได้มาตรฐาน TUV การันตีคุณภาพระดับโลก
ปริมาณ | 500ml |
ใช้สำหรับหัวฉีด | เบนซิน |
ประเภทรถที่สามารถใช้งานได้ | รถยนต์ |
ข้อดี
- ล้างระบบเชื้อเพลิงได้หมดจด ไม่ว่าจะเป็นถังน้ำมันหรือหัวฉีด ช่วยให้เครื่องทำงานลื่นขึ้นเยอะ
- เข้ากันได้ดีกับรถที่ติดแก๊ส ทั้ง LPG และ NGV ไม่ต้องกังวลว่าจะมีปัญหา
- แก้อาการเครื่องกระตุก สะดุด หรือเร่งไม่ค่อยขึ้นได้ดีเลย หลายคนลองแล้วบอกว่าเห็นผลชัดเจน
- ผ่านการรับรองจาก TUV มาตรฐานระดับโลก พร้อมรับประกันความเสียหายสูงถึง 30 ล้าน ใช้ได้อย่างมั่นใจ
ข้อควรพิจารณา
- แนะนำให้ใช้ทุก 3,000 โล จะช่วยให้เครื่องทำงานได้ดีที่สุด แต่ถ้าไม่ค่อยได้ขับก็อาจจะยืดระยะเวลาได้
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับแบรนด์ทั่วไปในท้องตลาด แต่คุณภาพก็คุ้มค่าตามราคา
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
จุดเด่นของ Bullsoneshot Total Fuel System Cleaner คือตัวน้ำยาทำความสะอาดได้ทั่วถึงทุกจุดในระบบน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นถังน้ำมัน หัวฉีด หรือระบบเผาไหม้ พอใช้แล้วคราบสกปรกที่ติดอยู่ก็ค่อยๆ หลุดออก เครื่องเลยทำงานได้ดีขึ้น เร่งแล้วตอบสนองไว ไม่มีอาการสะดุดให้หงุดหงิดอีกต่อไป ที่เด็ดไปกว่านั้นคือใช้ได้กับรถติดแก๊สทั้ง LPG และ NGV เลยนะ แถมยังผ่านการรับรองจาก TUV ซึ่งเป็นสถาบันชั้นนำระดับโลก มีประกันความเสียหายตั้งหลักล้าน ใครที่กำลังมองหาน้ำยาล้างหัวฉีดดีๆ สักตัว เราว่าตัวนี้คุ้มค่าคุ้มราคามากๆ เลย5. ACDelco Fuel Injector Cleaner
ACDelco น้ำยาล้างหัวฉีดเบนซิน ขนาด 350cc แบรนด์น้องใหม่มาแรงที่ช่วยล้างระบบเชื้อเพลิงได้สะอาดหมดจด ทำให้เครื่องเดินนุ่มนวล ควันดำหาย แถมยังช่วยให้เผาไหม้ดีขึ้นอีกด้วย
ปริมาณ | 350 มิลลิลิตร |
ใช้สำหรับหัวฉีด | เบนซิน |
ประเภทรถที่สามารถใช้งานได้ | รถยนต์ |
ข้อดี
- ทำความสะอาดได้หมดจด ตั้งแต่หัวฉีดยันท่อร่วมไอดี ไม่มีตกหล่นแม้แต่จุดเล็กๆ
- เครื่องเดินนุ่มนวลขึ้นเห็นๆ ควันดำหาย แถมยังช่วยให้เผาไหม้ดีขึ้นด้วย
- ใช้ได้กับน้ำมันทุกเกรด ไม่ว่าจะเป็นออกเทนต่ำหรือสูง ไม่ต้องกังวล
- ช่วยป้องกันไม่ให้เครื่องน็อก พร้อมเพิ่มกำลังอัดให้เครื่องยนต์แรงขึ้น
- ช่วยให้ Catalytic Converter กับ Oxygen Sensor อยู่ได้นานขึ้น ประหยัดค่าซ่อมในระยะยาว
ข้อควรพิจารณา
- ใช้แล้วต้องระวังเรื่องปริมาณการผสมนิดนึง คือต้องใส่ 1 ขวดต่อน้ำมัน 1 ถังเท่านั้น
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับแบรนด์ทั่วไปในท้องตลาด
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
ผมชอบ ACDelco น้ำยาล้างหัวฉีดเบนซินตัวนี้มากๆ เพราะมันเป็นตัวช่วยที่ครบเครื่องจริงๆ ในการดูแลระบบเชื้อเพลิง คิดดูสิ มันทำความสะอาดได้ตั้งแต่หัวฉีดยันท่อร่วมไอดีเลย ไม่ว่าจะเป็นคราบเขม่าหรือสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ พอใช้แล้วจะรู้สึกได้เลยว่าเครื่องมันลื่นขึ้น เร่งแล้วตอบสนองไวขึ้น ไม่มีอาการสะดุดให้หงุดหงิดอีกด้วย อีกอย่างที่ผมประทับใจ คือ ความเป็นมิตรกับเครื่องยนต์ ใช้ได้หมดไม่ว่าจะเป็นค่าออกเทนไหน แถมยังช่วยป้องกันการน็อก ทำให้เครื่องมีกำลังอัดดีขึ้น และที่เด็ดสุดคือมันช่วยยืดอายุการใช้งานของ Catalytic Converter กับ Oxygen Sensor อีกด้วย6. Liqui Moly SPEED SHOOTER
สำหรับมอเตอร์ไซค์ ต้องลอง Liqui Moly SPEED SHOOTER เลย ตัวนี้ช่วยทำความสะอาดระบบเชื้อเพลิงได้หมดจด แถมยังช่วยให้บิดคันเร่งได้พุ่งกว่าเดิม รอบเครื่องเดินนิ่มๆ ไม่มีสะดุด
ปริมาณ | 80 ML |
ใช้สำหรับหัวฉีด | เบนซิน |
ประเภทรถที่สามารถใช้งานได้ | มอเตอร์ไซค์ |
ข้อดี
- เหมาะสำหรับมอเตอร์ไซค์ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง 2 จังหวะหรือ 4 จังหวะก็ใช้ได้หมด
- ล้างได้สะอาดหมดจด เข้าถึงทุกซอกทุกมุมตั้งแต่หัวฉีดถึงห้องเผาไหม้
- พอใช้แล้วคุณจะรู้สึกได้เลยว่าเครื่องมันบิดดีขึ้น รอบเดินเบาก็นิ่งขึ้นด้วย
- ช่วยให้เผาไหม้ดีขึ้น แถมยังมีสารป้องกันสนิมในระบบน้ำมันด้วยนะ
ข้อควรพิจารณา
- ถ้าใช้กับรถที่มีถังน้ำมันใหญ่ ๆ อาจต้องซื้อหลายขวดหน่อยนะครับ เพราะน้ำยาบรรจุมา 80 มิลลิลิตรต่อขวด
- ต้องคอยระวังเรื่องการผสม คือต้องใส่ให้พอดีๆ ประมาณ 1 ขวดต่อน้ำมัน 5-10 ลิตร ไม่งั้นอาจจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
ถ้าคุณเป็นไบค์เกอร์ที่อยากดูแลรถคู่ใจให้แรงเหมือนวันแรก Liqui Moly SPEED SHOOTER น่าจะเป็นคำตอบที่ใช่เลย! ตัวนี้เค้าทำมาเพื่อล้างระบบเชื้อเพลิงโดยเฉพาะ ล้างได้หมดเลยนะ ทั้งหัวฉีด วาล์ว ห้องเผาไหม้ ยันหัวลูกสูบ พอใช้แล้วคุณจะรู้สึกได้เลยว่าเครื่องมันลื่นขึ้น บิดคันเร่งแล้วพุ่งกว่าเดิม รอบเดินเบาก็นิ่งๆ ไม่มีสะดุด ที่เจ๋งสุดคือใช้ได้หมดเลย ทั้งเครื่อง 2 จังหวะ 4 จังหวะ จะใส่น้ำมันเบนซินอะไรก็ได้ แถมยังช่วยให้จุดระเบิดแรงขึ้น เผาไหม้ดีขึ้น และป้องกันสนิมในระบบน้ำมันด้วย ถ้าอยากให้รถคู่ใจของคุณวิ่งฉิวๆ แบบไม่มีสะดุด ตัวนี้แหละที่ใช่!7. Caltex Techron Concentrate Plus
ใช้ Caltex Techron Concentrate Plus สิครับ! น้ำยาล้างหัวฉีดเบนซินตัวนี้เค้าทำสูตรมาเข้มข้นพิเศษ ช่วยล้างคราบสกปรกในระบบน้ำมันได้หมดจด พอใช้แล้วรับรองว่าเครื่องจะเดินนิ่มขึ้น ไอเสียลดลง แถมยังช่วยประหยัดน้ำมันได้ด้วยนะ
ปริมาณ | 335 ml |
ใช้สำหรับหัวฉีด | เบนซิน/Gasohol |
ประเภทรถที่สามารถใช้งานได้ | รถยนต์ |
ข้อดี
- สูตรเข้มข้นกว่าตัวอื่นตั้ง 10 เท่า ทำความสะอาดได้หมดจดทั้งหัวฉีดและระบบน้ำมัน ไม่มีตกค้าง
- ใช้ได้หมดครับ ทั้งรถเบนซินธรรมดาและรถไฮบริด ไม่ต้องกังวล
- สามารถขจัดคราบคาร์บอนได้ยันราก ไม่ให้มีเศษสกปรกมาอุดตันในระบบ
- พอใช้แล้วไอเสียน้อยลงเลย เครื่องเผาไหม้ดีขึ้น แรงขึ้นด้วยนะ
- จะใช้กับน้ำมันอะไรก็ได้ครับ ทั้งเบนซินธรรมดาหรือแก๊สโซฮอล์ก็เข้ากันได้หมด
ข้อควรพิจารณา
- ต้องใช้เป็นประจำทุก 5,000 กิโลเมตรเพื่อให้คงประสิทธิภาพ
- ต้องเติมลงในถังน้ำมันที่เต็มแล้ว เพื่อให้ทำงานได้อย่างเหมาะสม
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
ผมใช้ Caltex Techron Concentrate Plus มาพักนึงแล้วครับ บอกเลยว่าสูตรเข้มข้นของเค้าเจ๋งจริงๆ ทำความสะอาดระบบน้ำมันได้หมดจด ไม่ว่าจะเป็นคราบสกปรกหรือตะกอนที่ทำให้น้ำมันไหลไม่สะดวก ใครที่ใช้รถเบนซินหรือไฮบริดก็ใช้ได้หมด แถมใช้กับน้ำมันอะไรก็ได้ ทั้งเบนซินธรรมดาหรือแก๊สโซฮอล์ ที่เด็ดสุดคือมีสาร PEA ที่ช่วยขจัดคราบเขม่าได้อยู่หมัด ทำให้เครื่องเผาไหม้ดีขึ้น ไอเสียก็ลดลง เครื่องกลับมาแรงเหมือนใหม่เลยครับ แนะนำให้ใช้ทุก 5,000 โล หรือตอนเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเลย จะได้ดูแลเครื่องยนต์ไปนานๆ8. STP Fuel Injector & Carburetor Treatment | 78571/1
น้ำยาล้างหัวฉีดและคาร์บูจาก STP Fuel Injector & Carburetor Treatmen ตัวนี้ของเขาดีจริง ช่วยล้างระบบน้ำมันได้สะอาดหมดจด ไม่มีอุดตัน พอใช้แล้วเครื่องเดินนิ่มขึ้นเลย
ปริมาณ | 155 ml. |
ใช้สำหรับหัวฉีด | เบนซิน |
ประเภทรถที่สามารถใช้งานได้ | รถยนต์ |
ข้อดี
- ล้างระบบเครื่องยนต์ได้หมดจด ตั้งแต่วาล์วยันคาร์บู ไม่มีคราบสกปรกตกค้าง
- ช่วยให้เครื่องลื่น ไม่สะดุด เพราะมีสารหล่อลื่นพิเศษสำหรับวาล์วและกระบอกสูบ
- ใช้ได้กับรถทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือแม้แต่เรือ
- พอใช้แล้วเครื่องจะเดินนิ่มขึ้น แรงขึ้น ประหยัดน้ำมันด้วย
ข้อควรพิจารณา
- ต้องคอยดูอัตราส่วนการผสมให้ดี โดยเฉพาะรถยนต์ที่ต้องใช้ 1 ขวดต่อน้ำมัน 72 ลิตร ถ้าใส่มากหรือน้อยเกินไปอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร
- ถ้าใครใช้รถรุ่นใหม่ๆ ที่มีระบบหัวฉีดแบบพิเศษ อาจต้องเลือกน้ำยาล้างหัวฉีดที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถรุ่นนั้นๆ จะดีกว่า
แบรนด์ STP น้ำยาล้างหัวฉีดและคาร์บูเรเตอร์ที่เหมาะมากสำหรับรถเบนซิน โดยเฉพาะรถรุ่นเก่าที่ใช้ระบบคาร์บูและหัวฉีดแบบกลไก ตัวนี้เด็ดตรงที่ช่วยทำความสะอาดและเคลือบทั้งบ่าวาล์ว คาร์บู และหัวฉีด ทำให้ไม่มีคราบเขม่าจากการเผาไหม้มาเกาะ
แต่นั่นยังไม่หมดครับ จุดเด่นของ STP คือนอกจากล้างสะอาดแล้ว ยังช่วยลดแรงเสียดสีและหล่อลื่นวาล์วไอดีกับกระบอกสูบช่วงบนด้วย เครื่องเลยเดินนิ่มขึ้น แรงขึ้น แถมอากาศกับน้ำมันก็ไหลเข้าเครื่องได้ดีขึ้นด้วย ผลิตภัณฑ์ใช้ได้กับรถหลายแบบเลยนะครับ ทั้งรถเบนซิน รถแก๊ส มอเตอร์ไซค์ หรือแม้แต่เรือ วิธีใช้ก็ง่ายมาก แค่รอให้น้ำมันในถังเหลือครึ่งถัง แล้วเทน้ำยาลงไป ขับไปจนหมดถังค่อยเติมน้ำมันใหม่ สำหรับรถยนต์ใช้ 1 ขวดต่อน้ำมัน 72 ลิตร ส่วนมอเตอร์ไซค์ใช้แค่ 60 มิลลิลิตรต่อถังก็พอ
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
ถ้าคุณกำลังมองหาน้ำยาล้างหัวฉีดดีๆ สักตัว ผมขอแนะนำ STP Fuel Injector & Carburetor Treatment ครับ ตัวนี้เหมาะมากสำหรับรถเบนซินและมอเตอร์ไซค์ โดยเฉพาะพวกรถรุ่นเก่าที่ใช้คาร์บูหรือหัวฉีดแบบกลไก ดีตรงที่มันช่วยทำความสะอาดได้ครบวงจร ไม่ให้มีคราบเขม่าจากการเผาไหม้มาเกาะติด แต่รู้ไหมครับ จุดเด่นไม่ได้มีแค่ล้างสะอาดนะ แต่ยังช่วยลดแรงเสียดสีและหล่อลื่นวาล์วไอดีกับกระบอกสูบช่วงบนด้วย พอใช้แล้วเครื่องจะตอบสนองดีขึ้นเลย อากาศกับน้ำมันก็ไหลเข้าเครื่องได้ลื่นๆ ที่สำคัญคือใช้ง่ายมากครับ จะใช้กับรถอะไรก็ได้ ทั้งรถเบนซิน รถแก๊ส มอเตอร์ไซค์ หรือแม้แต่เรือ
9. WURTH Injector Cleaner
WURTH Injector Cleaner ตัวนี้เด็ดตรงที่ช่วยขจัดคราบสกปรกในหัวฉีดและตัวจ่ายน้ำมันได้หมดจด พอใช้แล้วเครื่องจะเดินเรียบขึ้น ประหยัดน้ำมัน แถมยังช่วยป้องกันสนิมในระบบเชื้อเพลิงด้วย
ปริมาณ | 125ml. |
ใช้สำหรับหัวฉีด | เบนซิน/LPG หรือ NGV |
ประเภทรถที่สามารถใช้งานได้ | รถยนต์ |
ข้อดี
- ใช้ได้กับรถเบนซินทุกรุ่น แถมใช้ได้กับรถติดแก๊ส LPG หรือ NGV ด้วยนะ
- ช่วยล้างคราบเรซินกับสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ในหัวฉีดออกให้หมดเกลี้ยง
- มีสารป้องกันสนิม แถมยังช่วยจัดการกับน้ำที่อาจเกิดการควบแน่นในระบบ
- พอใช้แล้วเครื่องจะเดินนิ่มขึ้น แรงขึ้น เผาไหม้ดีขึ้นด้วย
- ง่ายมากๆ แค่เทลงถังน้ำมันก็ใช้ได้ทันที
ข้อควรพิจารณา
- ถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุด ก็ต้องผสมให้พอดีๆ นะ อย่าใส่มากหรือน้อยเกินไป
- แนะนำให้ใช้เป็นประจำด้วยนะ จะได้ไม่มีคราบสกปรกมาอุดตันในระบบหัวฉีด
WURTH Injector Cleaner เป็นตัวช่วยดีๆ ที่ใช้ได้กับเครื่องยนต์เบนซินทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถน้ำมันธรรมดา หรือจะติดแก๊ส LPG/NGV ก็ใช้ได้หมด ตัวนี้เจ๋งตรงที่มันช่วยขจัดคราบสกปรกที่เกาะในวาล์วหัวฉีดและตัวจ่ายน้ำมันได้สะอาดหมดจด ทำให้น้ำมันไหลผ่านได้ดีขึ้น
ที่น่าสนใจคือ WURTH ตัวนี้ไม่ได้แค่ทำความสะอาดนะ แต่มันยังช่วยจัดการกับน้ำที่อาจเกิดการควบแน่นในระบบ และป้องกันการกัดกร่อนด้วย พอใช้แล้วรถจะเดินนิ่มขึ้น ไม่มีอาการสะดุด แถมยังช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกต่างหาก วิธีใช้ก็ง่ายมาก แค่รอให้น้ำมันเหลือน้อยๆ แล้วเทน้ำยาลงไปก่อนเติมน้ำมันใหม่ ถ้าใช้น้ำยาขนาด 150 มล. ก็เติมน้ำมันประมาณ 25-30 ลิตร ส่วนขนาด 300 มล. ก็เติมน้ำมัน 50-60 ลิตร
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
WURTH Injector Cleaner เป็นตัวช่วยสุดคูลที่ใช้ได้กับรถเบนซินทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นรถน้ำมันหรือติดแก๊ส LPG/NGV ก็ใช้ได้หมด เด็ดตรงที่มันช่วยขจัดคราบเรซินและคราบสกปรกที่เกาะในหัวฉีดและตัวจ่ายน้ำมันได้หมดจด ทำให้น้ำมันไหลผ่านได้ดีขึ้น แถมยังช่วยป้องกันสนิมในระบบเชื้อเพลิงด้วยการจัดการกับน้ำที่อาจเกิดการควบแน่นในถังน้ำมัน พอใช้แล้วรถจะเดินลื่นขึ้น ไม่มีอาการสะดุด ประหยัดน้ำมันได้เยอะ
10. DSO หัวเชื้อเบนซิน Topfuel for Motorcycle
อยากเร่งแรง สตาร์ทติดง่าย เครื่องเดินนิ่มๆ? DSO หัวเชื้อเบนซิน Topfuel for Motorcycle ช่วยคุณได้! ช่วยล้างคราบสกปรกในหัวฉีดออกหมดจด ไม่ต้องกลัวเครื่องอืด แถมยังช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เหมือนได้รถคันใหม่
ปริมาณ | 60 ml. |
ใช้สำหรับหัวฉีด | เบนซิน/LPG หรือ NGV |
ประเภทรถที่สามารถใช้งานได้ | มอเตอร์ไซค์ |
ข้อดี
- เข้ากันได้ดีกับรถมอเตอร์ไซค์ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเติมน้ำมัน 91 95 E20 หรือแม้แต่รถที่ติดแก๊ส LPG/NGV ก็ใช้ได้
- ช่วยขจัดคราบสกปรกที่สะสมในหัวฉีด ทำให้เครื่องสะอาดเหมือนใหม่
- พอใช้แล้วรถสตาร์ทติดง่ายขึ้น เดินเครื่องไม่กระตุก
- เครื่องแรงขึ้น อัตราเร่งดีขึ้น แถมยังช่วยประหยัดน้ำมันด้วย
- ใช้ง่ายมาก แค่ฉีกฝากระป๋องแล้วเทลงถังน้ำมันได้เลย ไม่ต้องเก็บเหลือไว้ให้เกะกะ
ข้อควรพิจารณา
- ต้องใส่ในปริมาณที่พอเหมาะ ถ้าใส่มากหรือน้อยไปอาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
- เอาไว้ใช้กับมอเตอร์ไซค์เท่านั้นนะ ถ้าเป็นรถยนต์ต้องใช้สูตรอื่น
DSO หัวเชื้อเบนซิน Topfuel for Motorcycle ใช้ได้กับมอเตอร์ไซค์ทุกรุ่นเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นรถที่ใช้น้ำมัน 91 95 E20 หรือแม้แต่รถติดแก๊ส LPG/NGV ก็ใช้ได้หมด ที่เค้าพูดๆ กันว่าดีก็เพราะมันช่วยล้างคราบสกปรกในหัวฉีดได้สะอาดจริงๆ พอใช้แล้วเครื่องเดินนิ่มขึ้นเลย ไม่มีสะดุดให้รำคาญ
ผมลองใช้มาแล้วก็รู้สึกได้เลยว่าเครื่องแรงขึ้นชัดเจน เร่งทีนี่พุ่งเลย ไม่มีอาการกระตุกตอนเดินเบาให้หงุดหงิด แม้แต่รถที่ใช้มานานก็ยังฟื้นคืนชีพได้เลย ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือมันช่วยลดการเสียดสีในเครื่องยนต์ด้วย ประหยัดน้ำมันได้เยอะทีเดียว วิธีใช้ก็ง่ายแสนง่าย แค่เทน้ำยา 1 กระป๋องตอนที่เติมน้ำมันไม่เกิน 10 ลิตร ตัวกระป๋องก็ออกแบบมาดี มีฝาดึงเปิดปุ๊บใช้ได้เลย ถ้าอยากให้รถเดินดีๆ แนะนำให้ใช้เป็นประจำครับ รับรองคุ้มแน่นอน
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
ผมลองใช้ DSO หัวเชื้อเบนซิน Topfuel for Motorcycle ซึ่งเป็นน้ำยาล้างหัวฉีดสำหรับมอเตอร์ไซค์ ใช้ได้กับน้ำมันทุกประเภท (91 95 E20) และรถติดแก๊ส LPG/NGV ช่วยล้างคราบสกปรกในหัวฉีดได้หมดจด ทำให้เครื่องไม่สะดุดหรือเร่งไม่ขึ้น หลังใช้ เครื่องแรงขึ้น สตาร์ทง่าย เดินเครื่องเบานิ่ม ลดแรงเสียดทาน ประหยัดน้ำมัน อีกทั้งใช้ง่าย แค่เทน้ำยา 1 กระป๋องต่อน้ำมัน 10 ลิตร กระป๋องมีฝาดึงใช้สะดวก แนะนำให้ใช้เป็นประจำจะดีที่สุด
มาดูกันว่ารถคุณถึงเวลาล้างหัวฉีดหรือยัง?
สัญญาณเตือนว่าหัวฉีดมีปัญหา
ถ้าคุณสังเกตเจออาการพวกนี้ แสดงว่าหัวฉีดอาจจะมีปัญหาแล้วล่ะ:- เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ เวลาเครื่องยนต์เดินไม่เรียบ หรือมีอาการสั่นๆ โดยเฉพาะตอน idle นี่ก็เป็นอีกสัญญาณที่บอกว่าหัวฉีดอาจมีสิ่งสกปรกอุดตัน ทำให้การฉีดน้ำมันไม่สมบูรณ์
- สตาร์ทไม่ค่อยติด ถ้าสังเกตว่าเวลาสตาร์ทรถแล้วเครื่องยนต์ติดยากขึ้น หรือต้องหมุนกุญแจหลายรอบกว่าจะติด นี่อาจเป็นสัญญาณว่าหัวฉีดเริ่มมีปัญหาแล้ว เพราะการฉีดน้ำมันไม่สม่ำเสมอ ทำให้การจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ไม่ดีเหมือนเดิม
- เร่งไม่ขึ้น เวลาขับแล้วรู้สึกว่าเร่งไม่ค่อยขึ้น หรือมีอาการกระตุกๆ ขัดๆ นี่ก็อาจเป็นเพราะหัวฉีดมีปัญหา ทำให้การส่งน้ำมันไม่สม่ำเสมอ
- รถกินน้ำมันมากขึ้น ถ้าสังเกตว่าเติมน้ำมันบ่อยขึ้น ทั้งๆ ที่ขับเหมือนเดิม นี่อาจเป็นเพราะหัวฉีดทำงานไม่เต็มที่ ทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ และสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น
- มีกลิ่นน้ำมันหรือควันดำ ถ้าได้กลิ่นน้ำมันหรือเห็นควันดำออกมาจากท่อไอเสีย นี่ก็เป็นสัญญาณว่าการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจเกิดจากหัวฉีดมีสิ่งสกปรกอุดตัน
ไฟเครื่องยนต์แจ้งเตือน (Check Engine) เกี่ยวข้องกับหัวฉีดอย่างไร?
หลายคนคงเคยเห็นไฟ Check Engine ติดขึ้นมาบนหน้าปัดรถ แล้วก็เริ่มกังวลว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถของเรา จริงๆ แล้วไฟนี้มันเป็นเหมือนสัญญาณเตือนจากรถว่า “มีบางอย่างผิดปกตินะ” ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ไฟนี้ติดก็อาจเกี่ยวข้องกับหัวฉีดเชื้อเพลิงของเรานี่แหละครับ เวลาหัวฉีดอุดตันหรือทำงานไม่ปกติ มันจะส่งผลให้อัตราส่วนการจ่ายเชื้อเพลิงไม่สมดุล คือ น้ำมันที่ฉีดเข้าไปในห้องเผาไหม้อาจจะน้อยเกินไปหรือมากเกินไป จนทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ พอการเผาไหม้ไม่ดี เครื่องยนต์ก็จะส่งข้อมูลไปยังกล่องควบคุมหรือ ECU (Electronic Control Unit) ซึ่งเป็นเหมือนสมองของรถ จากนั้น ECU ก็จะสั่งให้ไฟ Check Engine ติดขึ้นมาเพื่อบอกเราว่า “ไปเช็ครถหน่อยนะ” แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไฟ Check Engine ไม่ได้หมายความว่าหัวฉีดมีปัญหาเสมอไปนะครับ เพราะสาเหตุที่ทำให้ไฟนี้ติดมีได้หลายอย่าง เช่น อากาศเข้าเครื่องยนต์ไม่พอ, ระบบไอเสียมีปัญหา, หรือแม้แต่ฝาหัวเทียนหลวมก็ทำให้ไฟนี้ติดได้เหมือนกันแล้วต้องล้างหัวฉีดบ่อยแค่ไหนดีล่ะ?
ถ้าถามว่าต้องล้างบ่อยแค่ไหน ก็แล้วแต่การใช้งานของแต่ละคนนะ แต่โดยทั่วไปแนะนำให้ล้างทุก 20,000 – 25,000 กิโล หรือประมาณปีละครั้ง ถึงปีครึ่ง จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มที่ ถ้าปล่อยไว้นานๆ ไม่ล้างเลย รถก็จะเริ่มมีปัญหาตามมา ทั้งเครื่องเดินไม่เรียบ สตาร์ทยาก กินน้ำมันเปลือง แถมยังส่งผลต่อชิ้นส่วนอื่นๆ ด้วย อย่าง แบตเตอรี่รถยนต์ยี่ห้อดัง ก็ต้องทำงานหนักขึ้นตอนสตาร์ทรถ ยิ่งถ้าปล่อยให้เผาไหม้ไม่สมบูรณ์นานๆ คราบก็จะสะสมในห้องเครื่อง ทำให้เครื่องพังเร็วขึ้นอีก นอกจากเครื่องยนต์แล้ว ยางรถยนต์ที่ดีที่สุด ก็สำคัญไม่แพ้กัน ถ้าหัวฉีดมีปัญหา เครื่องเร่งไม่ขึ้น มีอาการกระตุก ก็อาจทำให้ควบคุมรถยาก ยางเลยสึกไม่เท่ากัน เพราะงั้นการดูแลหัวฉีดให้สะอาดอยู่เสมอ จึงเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้รถวิ่งได้ดี และยืดอายุการใช้งานของอะไหล่ชิ้นอื่นๆ ไปในตัวน้ำยาล้างหัวฉีดเบนซินสำคัญแค่ไหนนะ?
กลไกการทำงานของหัวฉีด
น้ำยาล้างหัวฉีดเบนซินทำหน้าที่ทำความสะอาดระบบเชื้อเพลิง โดยเฉพาะบริเวณหัวฉีด ซึ่งเป็นจุดที่ฉีดน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้ เมื่อใช้รถไปนานๆ จะมีคราบสกปรกและเขม่าสะสม ทำให้น้ำมันฉีดไม่สม่ำเสมอ เครื่องยนต์เลยทำงานได้ไม่เต็มที่ทำไมต้องใช้น้ำยาล้างหัวฉีด
- ประหยัดน้ำมันได้จริง – พอหัวฉีดสะอาด น้ำมันก็ฉีดได้ดีขึ้น เผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น รถเลยกินน้ำมันน้อยลง ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าได้เยอะเลย
- เครื่องแรงขึ้นเห็นๆ – หัวฉีดสะอาดทำให้เครื่องเดินนุ่มขึ้น เร่งแล้วพุ่งปรู๊ด ไม่มีอาการกระตุกกระแทกให้รำคาญใจ ขับสนุกกว่าเดิมเยอะ
- เครื่องอยู่กับเรานานขึ้น – ดูแลให้ระบบเชื้อเพลิงสะอาดอยู่เสมอ ช่วยลดการสึกหรอ ไม่ต้องกลัวหัวฉีดอุดตัน เครื่องยนต์ก็อยู่กับเราได้นานๆ
- ประหยัดค่าซ่อม – ใช้น้ำยาล้างหัวฉีดบ้างเป็นประจำ ดีกว่าปล่อยให้หัวฉีดพังจนต้องควักเงินซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ทั้งชุด แพงกว่ากันเยอะ
มาดูกันว่าจะเลือกน้ำยาล้างหัวฉีดยังไงให้คุ้มสุด!
1. ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
ต้องบอกเลยว่าสิ่งแรกที่เราจะมาดูกันก็คือ เรื่องประสิทธิภาพในการทำความสะอาดนี่แหละครับ เพราะจุดประสงค์หลักของน้ำยาล้างหัวฉีด คือการทำความสะอาดระบบเชื้อเพลิงใช่ไหมล่ะ? น้ำยาที่ดีต้องสามารถขจัดคราบตะกอน สิ่งสกปรก และเขม่าที่สะสมอยู่ในระบบได้อย่างหมดจด ที่สำคัญ ต้องมีส่วนผสมที่ช่วยละลายคราบน้ำมันและป้องกันไม่ให้ตะกอนกลับมาสะสมใหม่ด้วยนะ จะได้ทำให้หัวฉีดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เครื่องยนต์ก็จะเดินเรียบลื่นขึ้นแบบรู้สึกได้เลยทีเดียว2. เรื่องความปลอดภัยก็สำคัญนะ
เวลาเลือกน้ำยาล้างหัวฉีด เราต้องดูด้วยว่าปลอดภัยกับชิ้นส่วนในเครื่องยนต์รึเปล่า โดยเฉพาะตัวหัวฉีดเองกับท่อน้ำมันต่างๆ ที่สำคัญ ต้องไม่มีฤทธิ์กัดกร่อนหรือทำลายชิ้นส่วนพวกนี้นะ เพราะถ้าเราดันไปใช้น้ำยาที่ฤทธิ์แรงเกินไป นอกจากจะไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังอาจทำให้อะไหล่พังเสียหายได้ด้วย แล้วพอเกิดปัญหาขึ้นมาทีนี้ละก็ ยุ่งยากแน่ๆ3. ช่วยรักษ์โลกของเราไปด้วย
ทุกวันนี้เราต้องคิดถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น น้ำยาล้างหัวฉีดที่ดีเลยไม่ใช่แค่ทำความสะอาดได้อย่างเดียว แต่ต้องช่วยลดมลพิษด้วยนะครับ ถ้าเราเลือกน้ำยาที่มีคุณภาพดี มันจะช่วยให้รถเราเผาไหม้น้ำมันได้ดีขึ้น ควันดำที่เคยพ่นออกมาจากท่อไอเสียก็จะลดลง แถมถ้าเป็นสูตรที่ไม่มีสารเคมีอันตราย ก็ยิ่งดีต่อสิ่งแวดล้อมไปอีก เรียกว่าได้ประโยชน์ครบถ้วนเลยล่ะครับ4. เลือกให้เหมาะกับรถที่เราใช้
เรื่องนี้สำคัญมากเลยนะครับ เพราะรถแต่ละคันไม่ได้ใช้น้ำมันเหมือนกันทั้งหมด บางคนใช้เบนซินธรรมดา บางคนก็ใช้แก๊สโซฮอล์ หรือบางคนก็ใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอลสูงๆ เพราะฉะนั้น เราก็ต้องเลือกน้ำยาล้างหัวฉีดให้เข้ากันได้ดีกับน้ำมันที่เราใช้อยู่เป็นประจำด้วย จะได้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพสุดๆ5. ใช้งานง่าย
ขั้นตอนการใช้น้ำยาล้างหัวฉีดเป็นเรื่องง่ายมากๆ ที่ใครก็ทำได้ แค่เติมลงในถังน้ำมันตามปริมาณที่ระบุไว้บนฉลาก ไม่ต้องยุ่งยากถอดประกอบชิ้นส่วนอะไรให้เสียเวลา แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะไม่ต้องนำรถเข้าอู่ให้ช่างทำ สามารถจัดการได้ด้วยตัวเองที่บ้านอย่างสบายๆ ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็เสร็จแล้ว6. มาตรฐานการรับรองก็ต้องมี
อย่าลืมเช็คนะครับว่าน้ำยาที่เราจะซื้อมีการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้รึเปล่า อย่างพวกมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม หรือมาตรฐานอุตสาหกรรม เพราะถ้ามีการรับรองพวกนี้ เราก็จะมั่นใจได้เลยว่าของดีจริง ปลอดภัยแน่นอนการใช้น้ำยาล้างหัวฉีดเบนซินเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่ช่วยดูแลเครื่องยนต์ของเราให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและอยู่กับเราไปได้นานๆ ใช้ง่าย ได้ผลชัวร์ โดยน้ำยาล้างหัวฉีดที่ดีจะช่วยขจัดคราบสกปรกและตะกอนในระบบเชื้อเพลิงได้อย่างหมดจด ทำให้หัวฉีดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พอเครื่องสะอาด ก็เดินเรียบ เร่งปุ๊บติดปั๊บ แถมยังช่วยประหยัดน้ำมันในระยะยาวด้วยนะ นอกจากนี้ ยังช่วยบูสต์สมรรถนะเครื่องยนต์ให้แรงเหมือนรถใหม่ป้ายแดง ลดการสึกหรอของชิ้นส่วนข้างใน แถมยังป้องกันไม่ให้หัวฉีดอุดตันด้วย ไม่ต้องเสียเงินซ่อมแพงๆ ให้ปวดหัว ใครที่ยังไม่เคยลองใช้ แนะนำให้หามาลองดูครับ รับประกันว่าคุ้มค่าแน่นอน มีข้อสงสัยหรืออยากแชร์ประสบการณ์ดูแลรถ ทักมาคุยกันได้เลยนะครับ ยินดีแลกเปลี่ยนความรู้กัน สุดท้ายนี้ อย่าลืมดูแลรถกันด้วยนะครับ จะได้ขับกันไปได้อีกยาวๆ
คำถามที่พบบ่อย
1. เราควรล้างหัวฉีดบ่อยแค่ไหนดี?
ถ้าขับรถปกติ แนะนำให้ล้างทุก 20,000 – 25,000 กิโลเมตร หรือประมาณปีละครั้ง-สองครั้ง เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่ถ้าคุณขับรถในเมืองบ่อยๆ ต้องเจอรถติดเป็นประจำ หรือใช้น้ำมันประเภท E20, E85 อาจจำเป็นต้องล้างถี่ขึ้นหน่อย อาจเป็นทุก 15,000 – 20,000 กิโลเมตร เพราะการขับรถในสภาพการจราจรติดขัดและการใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของเอทานอลสูงจะทำให้เกิดคราบสะสมในระบบหัวฉีดได้เร็วกว่าปกติ ซึ่งอาจส่งผลต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์ในระยะยาว
2. เราจะสังเกตยังไงว่าต้องล้างหัวฉีดแล้ว?
เครื่องเดินไม่เรียบ สั่น ๆ สตาร์ทติดยาก เร่งไม่ค่อยขึ้น หรือรู้สึกว่ากำลังเครื่องหายไป นั่นแหละ สัญญาณว่าต้องล้างแล้ว! อีกอย่าง ถ้าสังเกตว่ากินน้ำมันเปลืองขึ้น มีควันดำ หรือได้กลิ่นน้ำมันแปลกๆ ก็ควรรีบเช็คระบบหัวฉีดนะครับ
3. ล้างหัวฉีดช่วยประหยัดน้ำมันจริงมั้ย?
ช่วยได้จริงอย่างแน่นอน! เพราะเมื่อหัวฉีดสะอาด การฉีดน้ำมันจะแม่นยำและละเอียดมากขึ้น ส่งผลให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูงสุด ในหลายกรณีสามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 5-10% เลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้จะแตกต่างกันไปตามปัจจัยหลายอย่าง
4. เราล้างเองดีกว่า หรือเอาเข้าศูนย์ดี?
ถ้ายังไม่มีปัญหาอะไรมาก แนะนำให้ใช้น้ำยาล้างหัวฉีดแบบเติมถังเป็นประจำ เพราะเป็นวิธีที่สะดวก ประหยัด และทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน เหมาะสำหรับการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน แต่ถ้าเริ่มมีอาการผิดปกติแล้ว เช่น เครื่องกระตุก เร่งไม่ขึ้น รอบเดินไม่เรียบ หรือสตาร์ทติดยาก แนะนำให้เข้าศูนย์บริการดีกว่า เพราะที่ศูนย์จะมีเครื่องมือพิเศษและอุปกรณ์ทันสมัยที่สามารถล้างทำความสะอาดได้ลึกและทั่วถึงกว่า