สวัสดีค่าทุกคน วันนี้เรามาพูดถึงปัญหาที่สาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ หลายคนกำลังเผชิญกันอยู่ นั่นก็ คือ เรื่องฝ้าและจุดด่างดำบนใบหน้านั่นเองค่ะ ด้วยความที่เราต้องเจอแสงแดด มลภาวะทุกวัน ผิวเราก็เลยต้องรับผลกระทบโดยตรง แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะวันนี้เรามีวิธีดูแลผิวด้วยครีมทาฝ้าคุณภาพดีมาแนะนำกัน รับรองว่าช่วยทั้งลดเลือนรอยฝ้าที่มีอยู่ และป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ได้อย่างแน่นอนค่ะ
ครีมทาฝ้าที่ดีนั้น จะต้องมีส่วนผสมที่ช่วยควบคุมการสร้างเมลานิน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้านั่นเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซีที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส กรดโคจิกที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสี หรืออาร์บูตินที่ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และที่สำคัญ ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพยังมีสารบำรุงที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวให้เนียนนุ่ม กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ
และวันนี้ เราได้รวบรวม 10 ครีมทาฝ้าสุดพรีเมียม ลดฝ้า ลดกระ จุดด่างดำผิวกระจ่างใส ที่สาวๆ ต้องมีไว้ครอบครองค่ะ แต่ละตัวเราได้คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ทั้งในแง่ของส่วนผสม ปริมาณ และประสิทธิภาพในการดูแลผิว นอกจากนี้ เรายังมีความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนผสมสำคัญ การเลือก SPF ที่เหมาะสม และเทคนิคการใช้ครีมให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้สาวๆ มั่นใจได้ว่าจะได้ครีมที่ใช่และเหมาะกับผิวของคุณที่สุดค่ะ
หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า
- รูปแบบผลิตภัณฑ์: เรามองว่าการเลือกเนื้อสัมผัสของครีมทาฝ้าเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ เลยนะคะ เพราะมันส่งผลต่อความชอบในการใช้งานจริง ๆ ของคนไทยเรา บางคนชอบเนื้อเจลที่เบาสบายผิว ซึมซาบไว ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา แต่บางคนก็ชอบเนื้อครีมที่ให้ความรู้สึกเข้มข้น ชุ่มชื้น เหมือนได้บำรุงผิวเต็มที่ เราเลยต้องดูว่าแต่ละแบรนด์เขาคิดค้นเนื้อสัมผัสมาได้ดีแค่ไหน ตอบโจทย์การใช้งานจริงของคนไทยมากน้อยเพียงใด
- ประสิทธิภาพของส่วนผสม: เรื่องนี้สำคัญมากเลยค่ะ เพราะเราให้ความสำคัญกับการคัดสรรส่วนผสมที่มีงานวิจัยรองรับชัดเจน โดยเฉพาะตัวยาสำคัญอย่างวิตามินซีที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส กรดโคจิกที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์สร้างเม็ดสี อาร์บูตินที่ช่วยลดการสร้างเมลานิน และไนอาซินาไมด์ที่ช่วยฟื้นฟูผิว เราจะดูด้วยว่าส่วนผสมพวกนี้ถูกผสมผสานกันมาในสัดส่วนที่เหมาะสม และทำงานเสริมฤทธิ์กันได้ดีแค่ไหน
- ปริมาณผลิตภัณฑ์: เรื่องปริมาณนี่เราคิดถึงความคุ้มค่าเป็นหลักเลยค่ะ เพราะการรักษาฝ้าต้องใช้เวลาและความต่อเนื่อง เราจึงดูว่าปริมาณที่ให้มาต้องเพียงพอกับการใช้งานจริงอย่างน้อย 1-2 เดือน และต้องคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป บางผลิตภัณฑ์อาจดูเหมือนราคาถูก แต่ปริมาณน้อยมาก ใช้ได้ไม่กี่วันก็หมด เราก็จะหักคะแนนในส่วนนี้
- คุณสมบัติการบำรุงเพิ่มเติม: สมัยนี้ไม่ว่าใครก็ต้องการผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่า ใช้แล้วได้ประโยชน์หลายอย่าง เราเลยให้คะแนนพิเศษกับครีมที่มีคุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ ด้วย เช่น มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนผสมที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น หรือมีสารบำรุงผิวที่ช่วยฟื้นฟูผิวไปในตัว แบบนี้ใช้ครีมเดียวก็ครบ ไม่ต้องทาหลายตัวให้ยุ่งยาก
- ความปลอดภัยและความอ่อนโยนต่อผิว: เรื่องนี้เราให้ความสำคัญมากที่สุดเลยค่ะ เพราะผิวหน้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาฝ้า ผิวมักจะบอบบางและแพ้ง่าย เราจึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าผลิตภัณฑ์ปลอดภัย ไม่มีส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น พาราเบน แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารที่อันตรายอย่างไฮโดรควิโนน นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง และเหมาะกับผิวบอบบางด้วย
- ค่าป้องกันแสงแดด (SPF): เรารู้ดีว่าแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ฝ้ากลับมาเป็นซ้ำหรือแย่ลง เราจึงให้ความสำคัญกับค่า SPF ในผลิตภัณฑ์มาก ๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ใช้ตอนกลางวัน ต้องมี SPF อย่างน้อย 30 และที่สำคัญต้องป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB ยิ่งถ้ามีสารกันแดดที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และไม่ทำให้หน้ามัน เราก็จะให้คะแนนเป็นพิเศษ เพราะเข้าใจว่าคนไทยเราอยู่ในเมืองร้อน ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วสบายผิวจริง ๆ
10 อันดับ ครีมทาฝ้า
1. Clinique Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter
Clinique เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชั้นนำที่เน้นการพัฒนาสูตรเฉพาะสำหรับปัญหาผิวต่างๆ ด้วยส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพและผ่านการทดสอบทางวิทยาศาสตร์
รูปแบบผลิตภัณฑ์ | เจล |
สรรพคุณของครีม | ลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้าและกระ |
ปริมาณ | 50 ml. |
ส่วนผสม | กลูโคซามีน / แอสคอร์บิล กลูโคไซด์ /สารสกัดยีสต์ / กรดซาลิซีลิค |
ข้อดี
- ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยสูตร CL-302 Complex
- ผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 8-12 สัปดาห์
- ผ่านการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง
ข้อควรพิจารณา
- ต้องใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้กรดซาลิซีลิค
Clinique Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter เป็นผลิตภัณฑ์เจลที่ออกแบบมาเพื่อลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า และกระ โดยใช้สูตร CL-302 Complex ซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของแบรนด์ Clinique ส่วนประกอบหลัก ได้แก่ กลูโคซามีน แอสคอร์บิล กลูโคไซด์ สารสกัดยีสต์ และกรดซาลิซีลิค ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก เพื่อลดเลือนจุดด่างดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ UP302 ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีในสูตรนี้ ช่วยให้ฝ้าจางลงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ากรด Kojic ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดภายใน 8 สัปดาห์คือ 94% ของผู้ใช้พบว่าผิวมีความกระจ่างใสขึ้น จุดด่างดำลดลงอย่างชัดเจน -39% ใน 12 สัปดาห์ ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการทดสอบ Ex vivo และพบว่าเจลนี้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวชั้นในได้ลึกถึง 21 ชั้น ช่วยยับยั้งการเกิดจุดด่างดำในอนาคต ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและเรียบเนียน การใช้ผลิตภัณฑ์นี้ควรใช้วันละสองครั้งอย่างต่อเนื่องเพื่อเห็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ขนาด 50 มิลลิลิตร ราคา 4,100 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Clinique Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า และกระ ด้วยสูตร CL-302 Complex ที่มีประสิทธิภาพในการปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและช่วยยับยั้งการเกิดจุดด่างดำในอนาคต ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นอย่างชัดเจนในเวลา 8-12 สัปดาห์
2. Kiehl's Clearly Corrective Dark Spot Solution
"Kiehl's เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติและพัฒนาเพื่อให้เหมาะกับทุกสภาพผิว รวมถึงผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย"
รูปแบบผลิตภัณฑ์ | เจล |
สรรพคุณของครีม | ลดเลือนฝ้า จุดด่างดำ |
ปริมาณ | 50 ml. |
ส่วนผสม | Activated C / White Birch / สารสกัดจากดอกโบตั๋น |
ข้อดี
- ลดเลือนจุดด่างดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายเพราะไม่มีซิลิโคน สารกันเสีย น้ำหอม และสีสังเคราะห์
- ผลลัพธ์ชัดเจนใน 2-8 สัปดาห์
ข้อควรพิจารณา
- ต้องใช้ต่อเนื่องเช้าและเย็นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่านี้
Kiehl’s Clearly Corrective Dark Spot Solution เป็นเซรั่มเจลที่ออกแบบมาเพื่อลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า และกระได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยส่วนผสมหลัก Activated C สารสกัดจาก White Birch และสารสกัดจากดอกโบตั๋น ผลิตภัณฑ์นี้ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและป้องกันการเกิดจุดด่างดำใหม่ๆ ได้ ผลลัพธ์เริ่มเห็นได้ชัดภายใน 2 สัปดาห์ โดย 55% ของผู้เข้ารับการทดสอบพบว่าจุดด่างดำลดลงอย่างชัดเจน และใน 8 สัปดาห์ 87% ของผู้เข้ารับการทดสอบมีสีผิวที่สม่ำเสมอและกระจ่างใสมากขึ้น เซรั่มนี้ไม่มีซิลิโคน สารกันเสีย น้ำหอม และสีสังเคราะห์ จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย การใช้ผลิตภัณฑ์นี้ควรใช้ทั้งเช้าและเย็นในขั้นตอนการบำรุงผิวก่อนการทาครีมกันแดดในตอนกลางวัน ขนาด 50 มิลลิลิตร ราคา 2,700 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Kiehl’s Clearly Corrective Dark Spot Solution เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า และกระ เนื่องจากมีส่วนผสมจากธรรมชาติที่ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอและปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่าย โดยไม่มีซิลิโคน สารกันเสีย น้ำหอม และสีสังเคราะห์
3. Eucerin Spotless Brightening Booster Serum
Eucerin เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นการใช้วิทยาศาสตร์ในการพัฒนาสูตรเพื่อแก้ปัญหาผิวอย่างตรงจุด โดยเฉพาะการดูแลปัญหาผิวบอบบางและไวต่อการระคายเคือง
รูปแบบผลิตภัณฑ์ | เนื้อครีม |
สรรพคุณของครีม | ฝ้าแดด และจุดด่างดำ |
ปริมาณ | 30 ml. |
ส่วนผสม | Aqua, Alcohol Denat., Butylene Glycol, Glycerin, Panthenol, PEG-40 Hydrogenated Castor Oil, Sodium Ascorbyl Phosphate, Sodium Hyaluronate, Pantolactone, 1,2-Hexanediol, Citric Acid, Parfum |
ข้อดี
- ลดเลือนฝ้าแดดและจุดด่างดำได้ถึง 75% ด้วยสาร Thiamidol
- ไม่ทำให้ผิวไวต่อการเกิดจุดด่างดำซ้ำ
- เนื้อสัมผัสเบาบาง ซึมซาบเร็ว ไม่เหนอะหนะ
ข้อควรพิจารณา
- ต้องใช้เป็นประจำเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
- ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิว
Eucerin Spotless Brightening Booster Serum เป็นเซรั่มที่ช่วยลดเลือนฝ้าแดดและจุดด่างดำ ด้วยนวัตกรรมสาร Thiamidol ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการฝ้าแดดหนาลึกและจุดด่างดำ โดยไม่ทำให้ผิวไวต่อการเกิดจุดด่างดำหรือกลับมาเป็นซ้ำอีก ส่วนผสมของ Hyaluronic Acid ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้นใน 2 สัปดาห์ เซรั่มนี้มีเนื้อสัมผัสเบาบาง ซึมซาบได้รวดเร็ว ไม่เหนอะหนะ ผลลัพธ์จากการใช้อย่างต่อเนื่องพบว่าจุดด่างดำ กระ และฝ้าแดดลดลงได้ถึง 75% ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการพิสูจน์แล้วจากผู้ใช้งานจริงว่าช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและกระจ่างใส ราคา 1,890 บาท สำหรับขนาด 30 มิลลิลิตร
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Eucerin Spotless Brightening Booster Serum เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนฝ้าแดดและจุดด่างดำ เนื่องจากมีสาร Thiamidol ที่จัดการปัญหาฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ทำให้ผิวไวต่อการเกิดจุดด่างดำซ้ำอีก พร้อมทั้งเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย Hyaluronic Acid ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและเรียบเนียนภายใน 2 สัปดาห์
4. NIVEA Luminous 630 Spotclear Treatment
NIVEA เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพในการบำรุงและแก้ปัญหาผิวอย่างอ่อนโยน เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
รูปแบบผลิตภัณฑ์ | เนื้อครีม |
สรรพคุณของครีม | ลดเลือนจุดด่างดำและฝ้าจากแสงแดดที่ฝังลึก |
ปริมาณ | 30 ml. |
ส่วนผสม | Hyaluron, Vitamin C และ Vitamin E |
ข้อดี
- ลดเลือนจุดด่างดำและฝ้าแดดใน 2 สัปดาห์ด้วย Hyaluron, Vitamin C และ Vitamin E
- เนื้อครีมบางเบา ซึมเร็ว ไม่ทำให้ผิวบางหรือระคายเคือง
- ผลลัพธ์ได้รับการยืนยันจากผู้ใช้จริง 94% ว่าผิวดูกระจ่างใสขึ้น
ข้อควรพิจารณา
- ต้องใช้ต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วกว่านี้
NIVEA Luminous 630 Spotclear Treatment เป็นครีมทรีทเม้นท์ที่ออกแบบมาเพื่อลดเลือนจุดด่างดำและฝ้าที่เกิดจากแสงแดด ด้วยส่วนผสมของ Hyaluron, Vitamin C และ Vitamin E ซึ่งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปกป้องผิว ผลิตภัณฑ์นี้เคลมว่าสามารถลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำฝังลึกได้ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ โดยไม่ทำให้ผิวบางหรือเกิดผลข้างเคียง เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง 94% ของผู้ใช้ยืนยันว่าเห็นการเปลี่ยนแปลงในทุกเดือน สีผิวดูกระจ่างใสขึ้นและจุดด่างดำลดลง การทดสอบนี้เกิดขึ้นกับอาสาสมัครจำนวน 43 คน อายุ 30-65 ปี ในระยะเวลา 2 เดือน ครีมนี้มีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบเข้าสู่ผิวอย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับใช้ทั้งเช้าและเย็น โดยขนาดบรรจุ 30 มิลลิลิตร และราคา 719 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
NIVEA Luminous 630 Spotclear Treatment เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนจุดด่างดำและฝ้าแดด เพราะมีส่วนผสมของ Hyaluron, Vitamin C และ Vitamin E ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปกป้องผิว โดยไม่ทำให้ผิวบางหรือเกิดผลข้างเคียง ผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์และได้รับการยืนยันจากผู้ใช้งานจริง
5. SMOOTH E White Babyface Serum Plus
SMOOTH E เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อบำรุงผิวอย่างล้ำลึกและอ่อนโยน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง
รูปแบบผลิตภัณฑ์ | เนื้อครีมเซรั่ม |
สรรพคุณของครีม | ลดฝ้า จุดด่างดำ ผิวขาวเนียน |
ปริมาณ | 0.8 Oz |
ส่วนผสม | Bearberry / Vitamin E / Vitamin A / Aloe Vera / Jojoba Oil |
ข้อดี
- มีส่วนผสมจากธรรมชาติที่ช่วยลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีเทคโนโลยี Multi-layer Emulsion System ช่วยให้เซรั่มซึมซาบลึกและบำรุงผิวได้ดี
- มี SPF44+ ป้องกันแสงแดดไม่ให้เกิดฝ้าเพิ่มขึ้น
ข้อควรพิจารณา
- ปริมาณค่อนข้างน้อยเพียง 0.8 ออนซ์
- อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
SMOOTH E White Babyface Serum Plus เป็นเซรั่มที่ออกแบบมาเพื่อลดเลือนฝ้า จุดด่างดำ และช่วยให้ผิวขาวเนียน มีส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจาก Bearberry ที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน Vitamin E ที่ช่วยลดริ้วรอยและจุดด่างดำ รวมถึงสารสกัดจาก Aloe Vera, Jojoba Oil และ Vitamin A ซึ่งช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิวให้มีสุขภาพดี นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี Multi-layer Emulsion System ที่ช่วยให้เนื้อเซรั่มซึมซาบสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก พร้อม SPF44+ ที่ช่วยป้องกันแสงแดดไม่ให้เกิดฝ้าเพิ่มขึ้น การใช้งานควรทาลงบนผิวหน้าที่สะอาดทุกเช้า ขนาดบรรจุ 0.8 ออนซ์ ราคา 520 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
SMOOTH E White Babyface Serum Plus เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำ เนื่องจากมีส่วนผสมจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึกและป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ด้วย SPF44+ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับผิวให้เรียบเนียนด้วยเทคโนโลยี Multi-layer Emulsion System
6. Concept Anti-Melasma Cream
Concept เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติและปราศจากสารอันตราย เพื่อช่วยลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำอย่างปลอดภัย เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
รูปแบบผลิตภัณฑ์ | น้ำตบ |
สรรพคุณของครีม | ฝ้า กระ จุดด่างดำ แลดูจางลง |
ปริมาณ | 30 กรัม |
ส่วนผสม | Vitamin E ,Aloe Vera Poder Cogongrass Extract Vitamin B3 ,Pea Seed Extract ,Octadecenedioic Acid ,Licorice Extract |
ข้อดี
- มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น Alpha Arbutin และสารสกัดจากชะเอมเทศ ที่ช่วยลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำ
- ปราศจากสารพาราเบน ไฮโดรควิโนน และสารปรอท ปลอดภัยต่อผิว
- ได้รับการรับรองจากแพทย์ผิวหนัง เหมาะสำหรับการใช้ระยะยาว
ข้อควรพิจารณา
- ผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์
- ปริมาณ 30 กรัมอาจหมดเร็วเมื่อใช้เป็นประจำ
Concept Anti-Melasma Cream เป็นครีมทาฝ้าที่ออกแบบมาเพื่อลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำ ด้วยส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากชะเอมเทศ, เมล็ดถั่ว, และ Alpha Arbutin ที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้ฝ้าและจุดด่างดำแลดูจางลงได้ภายใน 3 สัปดาห์ สารสกัดจากว่านหางจระเข้และวิตามินอีช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว อีกทั้งยังมี Niacinamide (Vitamin B3) ที่ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส ครีมนี้ได้รับการรับรองจากแพทย์ผิวหนัง และปราศจากสารพาราเบน ไฮโดรควิโนน และสารปรอท จึงใช้ได้อย่างปลอดภัย ปริมาณ 30 กรัม ราคา 350 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Concept Anti-Melasma Cream เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำ เนื่องจากมีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น Alpha Arbutin และสารสกัดจากชะเอมเทศ ที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานินอย่างปลอดภัย โดยปราศจากสารพาราเบน ไฮโดรควิโนน และสารปรอท ทำให้มั่นใจในการใช้ได้อย่างปลอดภัย
7. KA Expert Anti-Melasma Serum
KA เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติและเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
รูปแบบผลิตภัณฑ์ | เนื้อครีม |
สรรพคุณของครีม | ฝ้า กระ จุดดำ ผิวหมองคล้ำ |
ปริมาณ | 15 กรัม |
ส่วนผสม | Alpha Arbutin / Bear Berry / Organic Aloe Vera |
ข้อดี
- มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น Alpha Arbutin และ Organic Aloe Vera ที่ช่วยลดเลือนฝ้าและเพิ่มความชุ่มชื้น
- ใช้เทคโนโลยี INNO MelanoOff™ เพื่อเสริมการทำงานในการลดจุดด่างดำ
- ปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน และสารไฮโดรควิโนน ปลอดภัยต่อผิว
ข้อควรพิจารณา
- ผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อให้เห็นชัดเจน
- ควรใช้ควบคู่กับครีมกันแดดเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
KA Expert Anti-Melasma Serum เป็นเซรั่มเนื้อบางเบาที่ออกแบบมาเพื่อลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำ ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น Alpha Arbutin จาก Bearberry ซึ่งมีประสิทธิภาพในการลดเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้ฝ้าค่อยๆจางลง นอกจากนี้ยังมี Organic Aloe Vera ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และ Peptide ที่ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวที่เคยเสื่อมสภาพ เทคโนโลยี INNO MelanoOff™ ช่วยเสริมการทำงานของเซรั่มในการลดเลือนจุดด่างดำและฟื้นฟูผิวโดยไม่ทำให้ผิวบางหรือเกิดการระคายเคือง ผลิตภัณฑ์นี้ปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน และสารไฮโดรควิโนน เหมาะสำหรับใช้ทุกเช้าและก่อนนอน โดยควรใช้ควบคู่กับครีมกันแดดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ขนาดบรรจุ 15 กรัม ราคา 189 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
KA Expert Anti-Melasma Serum เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำ เพราะมีส่วนผสมจากธรรมชาติอย่าง Alpha Arbutin และ Organic Aloe Vera ที่ช่วยฟื้นฟูผิวโดยไม่ทำให้ผิวบางหรือระคายเคือง อีกทั้งยังปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน และสารไฮโดรควิโนน จึงปลอดภัยสำหรับการใช้ระยะยาว
8. Melamii Anti-Melasma Perfect White Serum And Spot Corrector
Melamii เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นการพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะในการลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำ พร้อมทั้งบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง
รูปแบบผลิตภัณฑ์ | เนื้อครีม |
สรรพคุณของครีม | ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ฝ้า กระ และจุดด่างดำ |
ปริมาณ | 8 กรัม |
ส่วนผสม | เมลาตินเอ็กซ์ / โบทานิคอล เอ็กซ์แทรก คอมเพล็กซ์ บี / วิตามิน บี 3 / ไฮยารูลอนิค แอซิด |
ข้อดี
- มีเทคโนโลยี Melasmiin X4 TM ที่ช่วยลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ประกอบด้วยส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- ผ่านการทดสอบจากแพทย์แล้วว่าอ่อนโยน เหมาะสำหรับผิวบอบบาง
ข้อควรพิจารณา
- ผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน
- ต้องใช้ควบคู่กับครีมกันแดดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
Melamii Anti-Melasma Perfect White Serum And Spot Corrector เป็นครีมทาฝ้าที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับฝ้า กระ และจุดด่างดำ โดยใช้เทคโนโลยี Melasmiin X4 TM ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของแบรนด์ ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานิน ลดเลือนฝ้าเก่าและป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ ครีมนี้ยังมีส่วนผสมของโบทานิคอล เอ็กซ์แทรก คอมเพล็กซ์ บี, วิตามินบี 3 และไฮยารูลอนิค แอซิด ที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการทดสอบจากแพทย์แล้วว่าอ่อนโยน ปราศจากการระคายเคือง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง ขนาดบรรจุ 8 กรัม ราคา 229 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Melamii Anti-Melasma Perfect White Serum And Spot Corrector เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนฝ้า กระ และจุดด่างดำ เนื่องจากมีเทคโนโลยี Melasmiin X4 TM ที่ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินและป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ พร้อมทั้งมีส่วนผสมที่บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและอ่อนโยน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง
9. ยันฮี เมล่าครีม
ยันฮี เมล่าครีม เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่เน้นการลดเลือนฝ้า กระ และผิวหมองคล้ำด้วยส่วนผสมจากสารที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้การปกป้องผิวในราคาที่เข้าถึงได้
รูปแบบผลิตภัณฑ์ | เนื้อครีม |
สรรพคุณของครีม | แก้ไขปัญหาฝ้า กระ ผิวที่มีความหมองคล้ำ |
ปริมาณ | 20 กรัม |
ส่วนผสม | Tranexamic Acid, Glycolic Acid และ Licorice Extract |
ข้อดี
- มีส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพ เช่น Tranexamic Acid และ Glycolic Acid ที่ช่วยลดเลือนฝ้าและกระ
- ราคาเข้าถึงได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวในงบประมาณจำกัด
- ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะในขณะที่ผลัดเซลล์ผิวเก่า
ข้อควรพิจารณา
- ผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์เพื่อเห็นผลชัดเจน
- อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เนื่องจากมีสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว
ยันฮี เมล่าครีม เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาฝ้า กระ และผิวหมองคล้ำ ด้วยส่วนผสมหลักจาก Tranexamic Acid, Glycolic Acid และสารสกัดจาก Licorice ที่ช่วยลดเลือนฝ้า กระ และยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินในผิว ผลิตภัณฑ์นี้ยังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าพร้อมปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ การใช้งานควรทาบริเวณใบหน้าวันละ 1 ครั้งก่อนนอน ครีมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวในราคาย่อมเยา โดยขนาดบรรจุ 20 กรัม ราคา 149 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
ยันฮี เมล่าครีม เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนฝ้า กระ และผิวหมองคล้ำในราคาย่อมเยา ด้วยส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพอย่าง Tranexamic Acid และ Glycolic Acid ที่ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินและผลัดเซลล์ผิวเก่า พร้อมปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะ
10. PROVAMED Anti-Melasma Spot Corrector
PROVAMED เป็นแบรนด์ที่เน้นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณที่มีประสิทธิภาพในการลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำ พร้อมให้ความชุ่มชื้นและอ่อนโยนต่อผิว เหมาะสำหรับผิวบอบบาง
รูปแบบผลิตภัณฑ์ | เนื้อครีม |
สรรพคุณของครีม | ลดการเกิดฝ้าและจุดด่างดำ ให้ความชุ่มชื้น |
ปริมาณ | 15 กรัม |
ส่วนผสม | Tranexamic Acid, Alpha Arbutin, Niacinamide, Tyrostat |
ข้อดี
- มีส่วนผสมของ Tranexamic Acid และ Alpha Arbutin ที่ช่วยลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำอย่างมีประสิทธิภาพ
- ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวด้วย Hyaluronic Acid ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและยืดหยุ่น
- อ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้ผิวบาง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
ข้อควรพิจารณา
- ผลลัพธ์อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน
- จำเป็นต้องใช้ควบคู่กับครีมกันแดดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
PROVAMED Anti-Melasma Spot Corrector เป็นครีมที่ออกแบบมาเพื่อลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำ พร้อมให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ด้วยส่วนผสมสำคัญอย่าง Tranexamic Acid, Alpha Arbutin, Niacinamide และ Tyrostat ที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินและลดการเกิดฝ้า นอกจากนี้ยังมี Hyaluronic Acid ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและยืดหยุ่น ครีมนี้มีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำให้ผิวบาง และเหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย การใช้งานควรทาเป็นประจำทุกเช้าและก่อนนอน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ควรใช้ร่วมกับครีมกันแดด ขนาดบรรจุ 15 กรัม ราคา 274 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
PROVAMED Anti-Melasma Spot Corrector เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำ เนื่องจากมีส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพอย่าง Tranexamic Acid และ Alpha Arbutin พร้อมให้ความชุ่มชื้นด้วย Hyaluronic Acid ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและไม่ทำให้ผิวบาง
ส่วนผสมสำคัญที่ควรมองหาในครีมทาฝ้า
เราเข้าใจนะคะว่าปัญหาฝ้านี่เป็นปัญหาที่กวนใจสาวๆ มากๆ เลย แต่อย่าเพิ่งท้อนะคะ เพราะวันนี้เรามีวิธีเลือกครีมทาฝ้าที่ใช่มาฝากกัน! รู้มั้ยคะว่าฝ้าเกิดขึ้นเพราะผิวของเราผลิตเม็ดสีเมลานินเยอะเกินไป ซึ่งมีหลายสาเหตุเลย ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ฮอร์โมน หรือแม้แต่อายุที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะถ้าเราเลือกครีมที่มีส่วนผสมที่ใช่ ก็สามารถช่วยยับยั้งการสร้างเมลานิน พร้อมทั้งบำรุงผิวให้แข็งแรง ลดเลือนฝ้า และป้องกันไม่ให้ฝ้าใหม่มาเยือนได้แน่นอนค่ะ
และที่สำคัญเลย นอกจากการลดฝ้าแล้ว เราต้องเลือกครีมที่มีส่วนผสมที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย เพราะผิวที่ชุ่มชื้น แข็งแรง มีสุขภาพดี จะช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้าและจุดด่างดำได้ดีมากๆ เลยค่ะ
วิตามินซี (Vitamin C) – ตัวเด็ดที่ขาดไม่ได้
เริ่มกันที่ตัวแรกที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ นั่นก็คือวิตามินซี! ตัวนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เริ่ดมากๆ ช่วยยับยั้งการสร้างเมลานินที่ทำให้เกิดฝ้า และยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนด้วยนะคะ ทำให้ผิวดูกระจ่างใส ลดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ แถมยังช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม สุขภาพดีสุดๆ
กรดโคจิก (Kojic Acid) – สารสกัดธรรมชาติสุดเลิศ
ต่อกันที่กรดโคจิกค่ะ สารตัวนี้สกัดมาจากธรรมชาติ จากข้าวหมักนะคะ ช่วยลดการผลิตเมลานินได้ดีมาก ทำให้ฝ้าค่อยๆ จางลง ผิวสม่ำเสมอขึ้น และที่เซอร์ไพรส์คือยังช่วยลดความหมองคล้ำจากแดดได้ด้วย ผิวจะดูกระจ่างใสแบบธรรมชาติสุดๆ
อาร์บูติน (Arbutin) – สารซุปเปอร์สตาร์ตัวใหม่
มาถึงตัวเด็ดอีกตัวค่ะ อาร์บูตินเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ จากใบแบร์เบอร์รี่ ตัวนี้เป็นที่รู้จักในวงการความงามว่าช่วยลดฝ้าได้ดีมากๆ ด้วยการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ที่เป็นตัวการสำคัญในการผลิตเมลานิน ใช้เป็นประจำ รับรองว่าฝ้าจางแน่นอนค่ะ
ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) – สารบำรุงพื้นฐานของผิว
และตัวสุดท้ายที่เลิฟมากๆ คือไนอาซินาไมด์ หรือวิตามินบี 3 ค่ะ ตัวนี้เรียกว่าครบเครื่องมากๆ ทั้งช่วยลดการอักเสบ ลดการระคายเคือง เติมความชุ่มชื้น ลดฝ้า จุดด่างดำ ควบคุมความมัน ป้องกันสิว สรุปคือดีงามครบจบในตัวเดียวเลยค่ะ
ส่วนผสมสำคัญในครีมทาฝ้า | ประโยชน์ที่ได้รับ | ผลลัพธ์ต่อผิว |
---|---|---|
วิตามินซี | ยับยั้งการสร้างเมลานิน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน | ผิวกระจ่างใส ฝ้าจางลง ผิวเรียบเนียน |
กรดโคจิก | ลดการผลิตเมลานินจากธรรมชาติ | ฝ้าและจุดด่างดำลดลง สีผิวสม่ำเสมอ |
อาร์บูติน | ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ลดฝ้าและรอยด่างดำ | ผิวดูกระจ่างใสและสม่ำเสมอขึ้น |
ไนอาซินาไมด์ | เพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ | ผิวอ่อนเยาว์ นุ่มชุ่มชื้น ฝ้าลดลง |
การเลือกครีมทาฝ้าที่มีส่วนผสมเหล่านี้จะช่วยให้ผิวของคุณได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึก ไม่เพียงแค่ช่วยลดฝ้าและจุดด่างดำ แต่ยังช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงและปกป้องผิวจากการเกิดฝ้าในอนาคตได้อีกด้วย
ความสำคัญของ SPF ในครีมทาฝ้า
สาวๆ คนไหนที่กำลังรักษาฝ้าอยู่ต้องฟังเลยนะคะ! การปกป้องผิวจากแสงแดดสำคัญมากๆ เพราะแสงแดดนี่แหละค่ะที่เป็นตัวการทำให้ฝ้าและจุดด่างดำของเราเข้มขึ้น เลือกครีมทาฝ้าที่มี SPF นอกจากจะช่วยให้ฝ้าจางลงแล้ว ยังป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าใหม่ด้วยนะคะ ถือว่าเป็นขั้นตอนที่ขาดไม่ได้เลยในการดูแลผิวของสาวๆ ค่ะ
มารู้จักรังสี UVA และ UVB กัน
แสงแดดมีทั้งรังสี UVA และ UVB นะคะ ซึ่งแต่ละตัวก็มีผลต่อผิวสวยของเราต่างกัน UVA เป็นตัวร้ายที่ทำให้ผิวเราแก่เร็ว และกระตุ้นให้ผิวสร้างเม็ดสีเมลานินเยอะเกินไป ส่วน UVB ก็ไม่ใช่เล่นๆ เพราะทำให้ผิวไหม้และฝ้าเข้มขึ้นได้ การเลือกครีมทาฝ้าที่มี SPF จึงเป็นเกราะป้องกันผิวสวยของเราจากรังสีทั้งสองตัวนี้ได้อย่างดีเลยค่ะ
เลือก SPF อย่างไรให้เหมาะกับตัวเรา
ค่า SPF บนครีมบอกถึงระดับการปกป้องผิวจากรังสี UVB นะคะ สำหรับชีวิตประจำวันทั่วไป แนะนำให้ใช้ SPF 30 ขึ้นไป แต่ถ้าวันไหนต้องออกแดดนานๆ ควรเลือก SPF 50 หรือมากกว่านั้นค่ะ และอย่าลืมมองหาคำว่า “broad spectrum” บนฉลากด้วยนะคะ เพราะนี่คือการการันตีว่าครีมของเราปกป้องได้ทั้ง UVA และ UVB เลยค่ะ
วิธีใช้ครีมกันแดดคู่กับการรักษาฝ้า
ถึงครีมทาฝ้าจะดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่ป้องกันแสงแดด ฝ้าก็อาจกลับมาเยือนได้อีก หรือการรักษาอาจไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร การใช้ครีมที่มี SPF ควบคู่กับครีมทาฝ้าจะช่วยให้การรักษาของเราได้ผลดียิ่งขึ้นค่ะ
เคล็ดลับการใช้ให้ปัง!
- ทาให้ทั่วถึง: ใช้ครีมให้เพียงพอนะคะ ประมาณ 2 ข้อนิ้วมือสำหรับใบหน้า จะได้การปกป้องที่สมบูรณ์แบบ
- ทาซ้ำบ่อยๆ: ถ้าต้องเจอแดดนานๆ อย่าลืมทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงค่ะ เพื่อการปกป้องที่ต่อเนื่อง
- เสริมการป้องกัน: ใส่หมวก พกร่ม เป็นการเพิ่มการปกป้องผิวสวยของเราอีกชั้นค่ะ
สรุปแล้วนะคะ การดูแลฝ้าให้ได้ผลดี ไม่ใช่แค่ทาครีมลดฝ้าอย่างเดียว แต่ต้องป้องกันแสงแดดด้วยค่ะ เลือกครีมที่มี SPF และใช้ควบคู่กับครีมบำรุงที่ใช่ ผิวของเราจะค่อยๆ กระจ่างใสขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าฝ้าจะกลับมากวนใจอีกค่ะ
การเลือกใช้ครีมกันแดดเพื่อการป้องกันฝ้าและจุดด่างดำ
คุณรู้ไหมคะว่า การทาครีมกันแดดทุกวันนั้นเป็นความลับสำคัญที่สุดในการปกป้องผิวสวยของเราจากฝ้าและจุดด่างดำเลยนะคะ ครีมกันแดดไม่ได้แค่ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ที่เป็นตัวการทำให้เกิดฝ้าเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าใหม่ๆ อีกด้วยค่ะ สำหรับสาวๆ ที่กำลังมองหาครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี เราแนะนำว่าให้เลือกที่มีค่า SPF สูงๆ นะคะ จะได้มั่นใจว่าผิวสวยของเราจะได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ และที่สำคัญ ต้องมองหาครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างวิตามิน E หรือ C ด้วยค่ะ เพราะจะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหายในระยะยาวได้อย่างดี นอกจากนี้ การเลือกใช้ครีมทาฝ้าที่มี SPF ก็เป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ เพราะนอกจากจะช่วยให้ฝ้าจางลงแล้ว ยังปกป้องผิวจากแสงแดดได้ด้วยค่ะ เมื่อเราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช่ ผิวสวยๆ ก็จะอยู่กับเราไปนานๆ ค่ะ
วิธีใช้ครีมทาฝ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
การดูแลผิวให้สวยต้องทำอย่างถูกวิธี เพราะนอกจากจะช่วยให้ครีมทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแล้ว เพราะการจะเปลี่ยนผิวหน้าให้กระจ่างใสไร้ฝ้า ไม่ใช่แค่การทาครีมลงไปเฉยๆ แต่ต้องมีเทคนิคพิเศษค่ะ
- ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด: สาวๆ ต้องล้างหน้าให้สะอาดก่อนทาครีมทุกครั้งนะคะ เพราะสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินจะทำให้ครีมซึมไม่ดี แนะนำให้ใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน เพื่อให้ผิวพร้อมรับการบำรุงอย่างล้ำลึกค่ะ
- ทาครีมบาง ๆ บริเวณที่มีปัญหา: เคล็ดลับสำคัญคือต้องทาครีมแค่บริเวณที่เป็นฝ้าหรือรอยด่างดำเท่านั้นนะคะ ใช้ครีมแต่พอดี ไม่ต้องเยอะ และค่อยๆ นวดเบาๆ ให้ซึมลงผิว วิธีนี้จะช่วยให้ครีมทำงานได้ดีที่สุดค่ะ
- ใช้ครีมในช่วงกลางคืน: คุณสาวๆ ทราบไหมคะว่า การทาครีมฝ้าตอนกลางคืนดีที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ผิวพักผ่อนและฟื้นฟูตัวเอง ทำให้ครีมทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีแสงแดดหรือสิ่งรบกวนภายนอกมารังควานค่ะ
- อย่าลืมครีมกันแดดในตอนเช้า: สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการทาครีมกันแดดตอนเช้าค่ะ ถึงแม้จะทาครีมฝ้าตอนกลางคืนแล้ว แต่แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ฝ้าเข้มขึ้น การปกป้องผิวจากแสงแดดจึงช่วยให้การรักษาฝ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น และป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ได้ด้วยค่ะ
เลือกครีมบำรุงที่ใช้คู่กับครีมทาฝ้า
การเลือกครีมบำรุงที่ใช่ จะช่วยให้การรักษาฝ้าของเราได้ผลดียิ่งขึ้น และช่วยให้ผิวสวยสุขภาพดีด้วยนะคะ เราแนะนำให้เลือก 10 อันดับครีมบำรุงผิวหน้า ที่มีส่วนผสมเด็ดๆ อย่างสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน C และ E ที่จะมาช่วยปกป้องผิวสวยของเราจากความเสียหายที่เกิดจากแสงแดดและมลภาวะค่ะ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด ตัวเด็ดที่จะมาเติมความชุ่มชื้นให้ผิวเราดูอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว การใช้ครีมบำรุงที่ใช่จะช่วยเสริมให้ผิวแข็งแรง ลดการระคายเคืองจากครีมทาฝ้า และทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เปล่งประกายมากขึ้น เมื่อผิวของเราแข็งแรงดี ก็จะเป็นฐานที่ดีสำหรับการรักษาฝ้าให้เห็นผลชัดเจนและยาวนาน แต่อย่าลืมนะคะว่า การใช้ครีมกันแดดก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะแสงแดดคือตัวการสำคัญที่ทำให้ฝ้ากลับมาเยือนได้อีก ดังนั้น สูตรลับในการดูแลผิวให้สวยใสแบบองค์หญิงก็คือ ต้องใช้ทั้งครีมทาฝ้า ครีมบำรุง และครีมกันแดงให้ครบเซ็ตค่ะ
คำถามที่พบบ่อย
1. ส่วนผสมสำคัญที่ควรมองหาในครีมทาฝ้ามีอะไรบ้าง?
ส่วนผสมสำคัญที่ควรมองหา ได้แก่ วิตามินซี ซึ่งช่วยลดการสร้างเมลานินและทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น, กรดโคจิกที่สกัดจากธรรมชาติและช่วยลดเลือนจุดด่างดำ, อาร์บูตินที่ช่วยยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนสที่กระตุ้นการผลิตเมลานิน ทำให้ฝ้าและจุดด่างดำจางลง และไนอาซินาไมด์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ และปรับผิวให้สม่ำเสมอ
2. ทำไม SPF ถึงมีความสำคัญในครีมทาฝ้า?
SPF สำคัญเพราะแสงแดด โดยเฉพาะรังสี UVA และ UVB สามารถกระตุ้นการสร้างเมลานินในผิว ทำให้ฝ้าแย่ลงได้ การใช้ครีมทาฝ้าที่มี SPF จะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและป้องกันไม่ให้ฝ้าเข้มขึ้น รวมถึงลดโอกาสการเกิดฝ้าใหม่ในอนาคต
3. วิธีการทาครีมทาฝ้าอย่างถูกต้องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรทำอย่างไร?
ควรล้างหน้าให้สะอาดก่อนทาครีม จากนั้นทาครีมบาง ๆ บริเวณที่เป็นฝ้าและนวดเบา ๆ เพื่อให้ครีมซึมเข้าสู่ผิว ควรใช้ครีมทาฝ้าในช่วงกลางคืน และในตอนเช้าต้องทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดกระตุ้นการเกิดฝ้าใหม่
4. ใช้เวลานานเท่าไรจึงจะเห็นผลจากการใช้ครีมทาฝ้า?
ระยะเวลาในการเห็นผลจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล แต่ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ภายใน 4-8 สัปดาห์ หากใช้ครีมทาฝ้าอย่างสม่ำเสมอและมีการป้องกันแสงแดดอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นตามระยะเวลาที่ใช้อย่างต่อเนื่อง