10 อันดับ Humidifier เครื่องทำความชื้นที่ช่วยลดกลิ่นอับ พร้อมป้องกันเชื้อรา สำหรับบ้านและคอนโด

Humidifier

Humidifier หรือเครื่องทำความชื้น เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเพิ่มความชื้นในอากาศภายในอาคารหรือห้องปิด โดยจะช่วยป้องกันปัญหาอากาศแห้งเกินไป ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ได้ ในบทความนี้ จะมาแนะนำ 10 แบรนด์ humidifier ที่ดีที่สุด ที่ควรพิจารณา เพื่อช่วยลดอาการของโรคภูมิแพ้ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย โดยแต่ละแบรนด์จะมีรายละเอียดตามประเภท ขนาด และน้ำหนัก ซึ่งจะช่วยให้คุณเลือกเครื่องทำความชื้นที่เหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีหัวข้อเสริมที่จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการเลือกขนาดเครื่องทำความชื้นตามพื้นที่ใช้งาน วิธีการดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งาน และเทคนิคการใช้งานเครื่องทำความชื้นให้เหมาะกับสภาพอากาศต่าง ๆ พร้อมสรุปข้อมูลที่ได้นำเสนอไปให้ครบถ้วนและละเอียด ทั้งนี้ เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์และสามารถนำไปใช้ในการเลือกซื้อเครื่องทำความชื้นที่ดีที่สุดสำหรับบ้านได้ง่ายขึ้น

หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า

การจัดอันดับแบรนด์เครื่องทำความชื้นที่ดีที่สุด 10 อันดับ ได้ใช้หลักเกณฑ์การประเมินที่หลากหลาย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุมมากที่สุด วิธีการเลือกและจัดอันดับ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • ประเภทของเครื่องทำความชื้น: พิจารณาประเภทต่าง ๆ เช่น เครื่องทำความชื้นแบบอัลตร้าโซนิค ไอน้ำร้อน และไอเย็น เพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ ในบ้านหรือในสำนักงาน
  • ขนาดและความจุ: วัดขนาดและความจุของเครื่องทำความชื้นในหน่วยลิตรต่อวัน โดยพิจารณาว่าเหมาะสมกับพื้นที่ห้องขนาดเล็กหรือใหญ่ได้แค่ไหน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้เลือกเครื่องที่ตรงกับความต้องการ
  • น้ำหนักและความสะดวกในการเคลื่อนย้าย: เนื่องจากเครื่องทำความชื้นบางรุ่น อาจต้องการเคลื่อนย้ายบ่อยครั้ง เราจึงพิจารณาน้ำหนักและการออกแบบที่ทำให้เคลื่อนย้ายได้ง่าย
  • คุณสมบัติเพิ่มเติม: ฟังก์ชั่นการปิดเครื่องอัตโนมัติ ระบบกรองอากาศ และการควบคุมความชื้นแบบปรับได้ ฟีเจอร์เหล่านี้เป็นตัวช่วยให้เครื่องทำความชื้นน่าใช้งานยิ่งขึ้น
  • ความคงทนและการรับประกัน: ตรวจสอบความคงทนของผลิตภัณฑ์และเงื่อนไขการรับประกัน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้บริโภคจะได้รับความคุ้มค่ากับการลงทุน
  • ประสิทธิภาพในการทำความชื้น: ความสามารถในการรักษาความชื้นในอากาศที่ระดับที่เหมาะสมตามที่ผู้ใช้ต้องการ ซึ่งควรครอบคลุมพื้นที่ใช้งานที่เพียงพอตามขนาดของเครื่อง
  • ความเงียบขณะทำงาน: เครื่องทำความชื้นควรทำงานอย่างเงียบ เพื่อไม่รบกวนการพักผ่อนหรือกิจกรรมประจำวัน
  • ความง่ายในการบำรุงรักษา: เครื่องทำความชื้นควรทำความสะอาดง่าย โดยมีชิ้นส่วนที่สามารถถอดออกมาล้างได้ และมีคำแนะนำที่ชัดเจน

10 Humidifier ที่ดีที่สุด

1. Smart mi Evaporative Humidifier 2

smartmi Evaporative Humidifier 2

Smart mi Evaporative Humidifier 2 เป็นเครื่องทำความชื้นที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ไม่เกิดไอน้ำหรือหมอก เหมาะสำหรับห้องขนาด 10-15 ตารางเมตร มีเซนเซอร์ตรวจวัดระดับน้ำและความชื้นแบบเรียลไทม์ สามารถควบคุมผ่านแอป Mi Home

ประเภทไอระเหย
ขนาด240 x 240 x 363 มม.
น้ำหนัก4.30 กก.

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Smart mi Evaporative Humidifier 2 เป็นเครื่องทำความชื้นแบบไอระเหย ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทำความชื้นได้โดยไม่เกิดไอน้ำหรือหมอกจากการทำงาน เหมาะสำหรับใช้งานในห้องขนาด 10-15 ตารางเมตร มาพร้อมถังน้ำความจุ 4 ลิตร สามารถเติมน้ำได้ง่ายทางด้านบน การทำงานเงียบเพียง 34.4 เดซิเบล ด้วยมอเตอร์ DC Brushless ที่ใช้พลังงานเพียง 8 วัตต์ ความสามารถในการทำความชื้น 240 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง สามารถทำงานต่อเนื่องได้มากกว่า 24 ชั่วโมง

เครื่องมีเซนเซอร์ตรวจวัดระดับน้ำในถังและความชื้นในอากาศแบบเรียลไทม์ จึงสามารถปรับการทำงานได้อัตโนมัติ โดยสามารถกำหนดระดับความชื้นที่ต้องการผ่านแอป Mi Home บนสมาร์ทโฟนได้ มีหน้าจอ OLED ที่แสดงความชื้น อุณหภูมิ และระดับน้ำ ปรับความสว่างได้ เพื่อไม่ให้รบกวนตอนนอนหลับ ขนาดตัวเครื่อง 24 x 24 x 36.3 ซม. (กว้าง x ลึก x สูง) มีน้ำหนักเครื่อง 4.3 กก. ในกล่องมีตัวเครื่อง สายไฟ และคู่มือการใช้งาน รับประกันศูนย์ไทย 1 ปี ราคาเพียง 4,390 บาท

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Smart mi Evaporative Humidifier 2 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการทำความชื้นโดยไม่เกิดไอน้ำหรือหมอก เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กและกลาง ทำงานเงียบและประหยัดพลังงาน สามารถควบคุมการทำงานผ่านแอพ Mi Home และมีเซนเซอร์ตรวจวัดความชื้นแบบเรียลไทม์

2. Tiltle Product

DEERMA F628S

DEERMA F628S เป็นเครื่องทำความชื้นแบบไอเย็นที่มีขนาดกะทัดรัด ความจุถังน้ำ 5 ลิตร ใช้งานต่อเนื่องได้ 12 ชั่วโมง พร้อมระบบฆ่าเชื้อ UV-C และการทำงานเงียบเพียง 35 เดซิเบล

ประเภทไอน้ำแบบเย็น
ขนาด187 x 200 x 295 มม.
น้ำหนัก1.20 กก.

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

DEERMA F628S เป็นเครื่องทำความชื้นแบบไอเย็น ขนาด 187 x 200 x 295 มม. น้ำหนัก 1.2 กก. ความจุถังน้ำ 5 ลิตร ใช้งานต่อเนื่องได้ 12 ชั่วโมง เหมาะสำหรับห้องขนาด 25-30 ตร.ม. มีอัตราการทำความชื้น 300 มล./ชม. พร้อมระบบตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อน้ำหมด

เครื่องมีหน้าจอ LED แสดงสถานะการทำงาน ระดับความชื้น และปริมาณน้ำคงเหลือ ปรับความแรงของไอน้ำได้ 3 ระดับ มีฟังก์ชันใช้แสง UV-C ฆ่าเชื้อในน้ำ สามารถเติมน้ำมันหอมระเหยได้ การทำงานเงียบเพียง 35 เดซิเบล กำลังไฟ 25 วัตต์ แรงดันไฟฟ้า 220 โวลต์ 50 เฮิรตซ์ ตัวเครื่องผลิตจากพลาสติก ABS คุณภาพสูง ทำความสะอาดง่าย เซนเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้น ปุ่มควบคุมแบบสัมผัส รับประกัน 1 ปี ราคาขายอยู่ที่ 929 บาท

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

DEERMA F628S เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีความจุถังน้ำ 5 ลิตร ใช้งานต่อเนื่องได้ 12 ชั่วโมง เหมาะสำหรับห้องขนาด 25-30 ตร.ม. และมาพร้อมฟังก์ชันแสง UV-C ฆ่าเชื้อในน้ำ พร้อมการทำงานเงียบเพียง 35 เดซิเบล ในราคาย่อมเยาเพียง 929 บาท

3. Levoit Classic 300S

Levoit Classic 300S

Levoit Classic 300S เป็นเครื่องทำความชื้นอัลตราโซนิกที่มีความจุถังน้ำ 6 ลิตร ใช้งานได้นานถึง 60 ชั่วโมง รองรับการควบคุมผ่านแอป VeSync และสั่งงานด้วยเสียง Google Assistant และ Amazon Alexa

ประเภทอัลตราโซนิก
ขนาด245 x 192 x 340 มม.
น้ำหนัก2.00 กก.

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Levoit Classic 300S เป็นเครื่องทำความชื้นอัลตราโซนิก ขนาด 24.5 x 19.2 x 34 ซม. น้ำหนัก 2 กก. มีถังเก็บน้ำความจุ 6 ลิตร ใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 60 ชั่วโมงต่อการเติมน้ำหนึ่งครั้ง เหมาะกับการใช้งานในห้องขนาด 20-47 ตร.ม.

เครื่องทำความชื้นรุ่นนี้มาพร้อมกับระบบควบคุมอัจฉริยะผ่านแอป VeSync ที่สามารถปรับการตั้งค่า สร้างตารางการทำงาน เชื่อมต่อกับระบบสั่งงานด้วยเสียง Google Assistant และ Amazon Alexa ได้ สามารถเลือกระดับการพ่นไอน้ำได้ 3 ระดับ คือ ต่ำ กลาง สูง และโหมดอัตโนมัติที่จะปรับระดับการพ่นไอน้ำให้ได้ความชื้นสัมพัทธ์ 40-50% หรือตามที่ตั้งค่าไว้ มีระดับเสียงรบกวนต่ำเพียง 30 เดซิเบล

มีการออกแบบให้เติมน้ำทางด้านบนได้ง่าย โดยไม่ต้องพลิกเครื่อง มีช่องสำหรับใส่น้ำมันหอมระเหยเพื่อให้มีกลิ่นหอม ใช้แรงดันไฟฟ้า 220-240 โวลต์ กำลังไฟ 26 วัตต์ มีไฟกลางคืนเสริมติดตั้งมาด้วย ราคา 2,999 บาท ในกล่องประกอบด้วยตัวเครื่อง แผ่นอโรม่า 3 ชิ้น แปรงทำความสะอาด และคู่มือการใช้งาน

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Levoit Classic 300S เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีถังเก็บน้ำความจุ 6 ลิตร ใช้งานได้นานถึง 60 ชั่วโมง รองรับการควบคุมผ่านแอป VeSync และสั่งงานด้วยเสียง Google Assistant และ Amazon Alexa พร้อมฟังก์ชันเติมน้ำมันหอมระเหยและทำงานเงียบเพียง 30 เดซิเบล

4. MUJI Aroma Diffuser

MUJI Aroma Diffuser

MUJI Aroma Diffuser เป็นเครื่องพ่นไอน้ำและกระจายกลิ่นหอมด้วยคลื่นอัลตราโซนิก ขนาดกะทัดรัด ความจุ 100 มล. พร้อมไฟ LED ปรับความสว่างได้

ประเภทไอน้ำแบบเย็น
ขนาด80 x 140 มม.
น้ำหนัก0.65 กก.

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

MUJI Aroma Diffuser เป็นเครื่องพ่นไอน้ำและกระจายกลิ่นหอมไปในห้องด้วยคลื่นอัลตราโซนิก มีขนาด 8 x 14 ซม. และน้ำหนัก 0.22 กก. (ไม่รวมอะแดปเตอร์) ถังบรรจุน้ำมีความจุ 100 มล. สามารถใช้งานได้นานประมาณ 3 ชั่วโมง มีตัวตั้งเวลาในตัว 4 ระดับ คือ 30, 60, 120 และ 180 นาที ปริมาณไอน้ำที่พ่นออกมาใน 1 ชั่วโมง อยู่ที่ประมาณ 25-30 มล.

นอกจากฟังก์ชันพ่นไอน้ำแล้ว MUJI Aroma Diffuser ยังมีไฟ LED 6 ดวงในตัว ปรับความสว่างได้ 2 ระดับ เป็นแสงสีอบอุ่น ใช้พลังงานประมาณ 20 วัตต์ต่อชั่วโมง เหมาะวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงนอนหรือโต๊ะในห้องนั่งเล่น วัสดุของถังน้ำ ฝาครอบด้านนอกและใน รวมถึงถ้วยตวง ผลิตจากโพลีโพรพิลีน ภายในกล่องมีอะแดปเตอร์ ถ้วยตวง และคู่มือการใช้งาน รับประกัน 1 ปี ราคาขายอยู่ที่ 2,299 บาท

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

MUJI Aroma Diffuser เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีขนาดกะทัดรัด ความจุ 100 มล. ใช้งานได้นาน 3 ชั่วโมง พร้อมตั้งเวลาพ่นไอน้ำได้ 4 ระดับ และมีไฟ LED ปรับความสว่างได้ เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

5. Xiaomi Smart Humidifier 2

Xiaomi Smart Humidifier 2

Xiaomi Smart Humidifier 2 เป็นเครื่องทำความชื้นอัจฉริยะขนาด 4.5 ลิตร ที่รองรับการควบคุมผ่านแอป Mi Home มีฟังก์ชันฆ่าเชื้อด้วย UV-C และกล่องใส่น้ำมันหอมระเหย ปรับทิศทางการพ่นไอน้ำได้ 360 องศา

ประเภทไอน้ำแบบเย็น
ขนาด190 x 335 มม.
น้ำหนัก1.57 กก.

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Xiaomi Smart Humidifier 2 เป็นเครื่องทำความชื้นแบบไอเย็นอัจฉริยะที่รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และการควบคุมผ่านแอป Mi Home บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต มีขนาด 190 x 335 มม. และน้ำหนัก 1.57 กก. ใช้ไฟฟ้า 220 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิรตซ์ มีกำลังไฟ 28 วัตต์ และระดับเสียงไม่เกิน 32 เดซิเบล เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ 30-90 ตร.ม.

มีถังน้ำความจุ 4.5 ลิตร ทำความชื้นได้ 350 มล./ชั่วโมง สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นาน 32 ชั่วโมง มีหลอดไฟ UV-C เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียในน้ำ รวมทั้งมีกล่องใส่น้ำมันหอมระเหยเพื่อให้กลิ่นหอม มีเซนเซอร์วัดความชื้นในอากาศและสามารถตั้งค่าเป้าหมายความชื้นได้ผ่านแอป เครื่องจะรักษาระดับความชื้นให้คงที่โดยอัตโนมัติ และมีระบบป้องกันความชื้นเกิน หากความชื้นเกิน 85% นานกว่า 30 นาที เครื่องจะปิดการทำงานเอง

มี 3 ระดับการพ่นไอน้ำ โดยสามารถปรับทิศทางการพ่นได้รอบทิศ 360 องศา ในกล่องประกอบด้วยตัวเครื่อง คู่มือการใช้งาน และไส้กรองไฟเบอร์คอตตอน 3 ชิ้น ราคาขายอยู่ที่ 1,299 บาท

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Xiaomi Smart Humidifier 2 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีความจุถังน้ำ 4.5 ลิตร ใช้งานได้นาน 32 ชั่วโมง รองรับการควบคุมผ่านแอป Mi Home และมีฟังก์ชันฆ่าเชื้อด้วย UV-C พร้อมกล่องใส่น้ำมันหอมระเหย ทำงานเงียบเพียง 32 เดซิเบล ในราคาย่อมเยา 1,299 บาท

6. Daikin MCK55TVM6

Daikin MCK55TVM6

เครื่องฟอกอากาศและเพิ่มความชื้น Daikin MCK55TVM6 มาพร้อมเทคโนโลยี Streamer และประจุ Active Plasma Ion กรองฝุ่นขนาดเล็ก PM 0.3 ได้ 99.97% พร้อมฟิลเตอร์ดูดซับกลิ่น เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่เกิน 41 ตารางเมตร

ประเภทไอระเหย
ขนาด270 x 270 x 700 มม.
น้ำหนัก6.80 กก.

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

เครื่องฟอกอากาศและเพิ่มความชื้น Daikin MCK55TVM6 เป็นเครื่องที่ทำหน้าที่ฟอกอากาศและเพิ่มความชื้นไปพร้อมกัน โดยมาพร้อมกับเทคโนโลยี Streamer และประจุ Active Plasma Ion ที่ช่วยกำจัดสารแปลกปลอมในอากาศ มีฟิลเตอร์ HEPA ไฟฟ้าสถิตและฟิลเตอร์ดูดซับกลิ่น สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กถึง PM 0.3 ได้ 99.97% และกำจัดกลิ่นต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มีเซนเซอร์วัดระดับฝุ่นขนาดเล็กและใหญ่ พร้อมแสดงผลบนแถบสี สามารถปรับแรงลมได้ 4 ระดับ มีระบบควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล กำลังไฟที่ใช้คือ 56 วัตต์ ระดับเสียงขณะทำงานอยู่ที่ 53 เดซิเบล เครื่องผลิตจากพลาสติก ABS มีขนาด 270 x 270 x 700 มิลลิเมตร น้ำหนัก 6.8 กิโลกรัม เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่เกิน 41 ตารางเมตร ในเรื่องความปลอดภัย ตัวเครื่องมีระบบป้องกันไฟกระชากในช่วง 180-262 โวลต์ รับประกัน 1 ปี ราคาอยู่ที่ 14,990 บาท

ข้อควรระวังในการใช้งาน ไม่ควรใช้สารเคมีหรือสารติดไฟในการทำความสะอาด ไม่สอดนิ้วเข้าไปในช่องใต้เครื่อง ไม่ใช้แทนพัดลมดูดอากาศในครัว ไม่นำต้นไม้หรือสัตว์เลี้ยงมาอยู่ใกล้กระแสลมของเครื่อง และไม่นั่งหรือพิงตัวกับเครื่อง

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

เครื่องฟอกอากาศและเพิ่มความชื้น Daikin MCK55TVM6 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมาพร้อมเทคโนโลยี Streamer และประจุ Active Plasma Ion ที่ช่วยกำจัดฝุ่น PM 0.3 ได้ถึง 99.97% และมีฟิลเตอร์ดูดซับกลิ่นที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่เกิน 41 ตารางเมตร ทำให้มั่นใจได้ถึงอากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์

7. SHARP รุ่น KI-N40TA

SHARP รุ่น KI-N40TA

เครื่องฟอกอากาศระบบไอน้ำ SHARP รุ่น KI-N40TA ใช้เทคโนโลยี AIoT ควบคุมผ่านสมาร์ทโฟน มีระบบกรอง 3 ขั้นตอน และ Plasmacluster เพื่อยับยั้งไวรัสและแบคทีเรีย พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยระบบไอน้ำ

ประเภทไอน้ำแบบเย็น
ขนาด384 x 619 x 320 มม.
น้ำหนัก8.20 กก.

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

เครื่องฟอกอากาศระบบไอน้ำ SHARP รุ่น KI-N40TA มีขนาด 384 x 619 x 320 มม. และน้ำหนัก 8.2 กก. เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่เกิน 28 ตร.ม. มาพร้อมเทคโนโลยี AIoT ที่สามารถควบคุมการทำงานผ่านสมาร์ทโฟนได้ สะดวกสบายทุกที่ทุกเวลา

ระบบการกรองอากาศแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ แผ่นกรองชั้นแรก แผ่นกรองกลิ่น และแผ่นกรอง HEPA ที่ช่วยดักจับฝุ่นละอองและกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี Plasmacluster ที่ปล่อยอนุภาคพลาสม่าความเข้มข้นสูง ช่วยยับยั้งไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อราที่อยู่ภายในห้องได้แม้ว่าจะอยู่ห่างจากตัวเครื่อง

การเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับอากาศด้วยระบบไอน้ำ นอกจากจะช่วยให้หายใจสะดวกยามนอนหลับแล้ว ยังมีผลดีต่อสุขภาพผิวพรรณอีกด้วย ราคาของเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้อยู่ที่ 15,590 บาท

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

เครื่องฟอกอากาศระบบไอน้ำ SHARP รุ่น KI-N40TA เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีระบบกรอง 3 ขั้นตอนและเทคโนโลยี Plasmacluster ที่ช่วยยับยั้งไวรัสและแบคทีเรีย พร้อมระบบไอน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ ซึ่งดีต่อสุขภาพผิวและการหายใจ อีกทั้งยังควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนได้สะดวกสบายในทุกที่

8. Beurer LB 88

beurer LB 88

เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ Beurer LB 88 เป็นเครื่องทำความชื้นระบบอัลตราโซนิก ขนาด 6 ลิตร พร้อมฟังก์ชันฆ่าเชื้อโรคในน้ำ และช่องสำหรับน้ำมันหอมระเหย เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่เกิน 48 ตร.ม.

ประเภทอัลตราโซนิก
ขนาด195 x 295 x 280 มม.
น้ำหนัก2.24 กก.

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ Beurer LB 88 เป็นเครื่องทำความชื้นระบบอัลตราโซนิก ที่มีขนาด 19.5 x 29.5 x 28 ซม. และน้ำหนัก 2.24 กก. มาพร้อมถังน้ำความจุ 6 ลิตร ซึ่งสามารถถอดออกทำความสะอาดได้ง่าย โดยถังน้ำเป็นแบบใส มองเห็นระดับน้ำภายในได้ชัดเจน

การทำงานมีให้เลือกปรับระดับการพ่นละอองได้ตามต้องการ ผ่านปุ่มวงแหวนด้านหน้าตัวเครื่องที่มีไฟ LED แสดงสถานะ เครื่องจะตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อน้ำในถังหมด มีระบบทำความร้อนเพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำ และยังมีช่องสำหรับหยดน้ำมันหอมระเหยเพื่อให้กลิ่นหอมด้วย

เครื่องทำความชื้นรุ่นนี้เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ไม่เกิน 48 ตารางเมตร กำลังไฟที่ใช้อยู่ระหว่าง 16-280 วัตต์ การทำงานเงียบและประหยัดไฟ ภายในกล่องมีแปรงสำหรับทำความสะอาดให้ ราคาอยู่ที่ 4,700 บาท และรับประกันนาน 3 ปี

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ Beurer LB 88 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีถังน้ำความจุ 6 ลิตร ถอดออกทำความสะอาดได้ง่าย พร้อมระบบฆ่าเชื้อโรคในน้ำและช่องสำหรับน้ำมันหอมระเหย การทำงานเงียบและประหยัดไฟ เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่เกิน 48 ตารางเมตร

9. Hanky House Peace Aroma Diffuser

Hanky House Peace Aroma Diffuser

Hanky House Peace Aroma Diffuser เป็นเครื่องพ่นอโรม่าที่ใช้ระบบ Ultrasonic humidifier สำหรับเพิ่มความชื้น และกระจายกลิ่นหอมในพื้นที่ 10-30 ตร.ม. พร้อมฟังก์ชันไฟ LED และระบบตัดการทำงานอัตโนมัติ

ประเภทอัลตราโซนิก
ขนาด138 x 167 x 138 มม.
น้ำหนัก0.41 กก.

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Hanky House Peace Aroma Diffuser เป็นเครื่องพ่นอโรม่าที่ใช้ระบบ Ultrasonic humidifier ในการเพิ่มความชื้นและกระจายกลิ่นหอมไปทั่วห้อง มีขนาด 13.8 x 13.8 x 16.7 ซม. และมีน้ำหนักเพียง 0.41 กก. ถังบรรจุน้ำมีความจุ 300 มล. เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ 10-30 ตร.ม.

มีอัตราการพ่นไอน้ำอยู่ที่ 35 มล./ชม. โดยให้หยดน้ำมันหอมระเหยลงในน้ำ 3-4 หยดต่อน้ำ 100 มล. ควบคุมการทำงานด้วยการกดปุ่ม 1 ครั้งเพื่อเปิดเครื่อง และกดครั้งถัดไปเพื่อตั้งเวลาการทำงาน มีรีโมทคอนโทรลให้ใช้ควบคุมระยะไกลได้

ฟังก์ชันเพิ่มเติมได้แก่ ไฟ LED สำหรับใช้เป็นไฟกลางคืน, ระบบตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อน้ำหมด, และป้องกันน้ำเข้าเครื่องเพื่อความปลอดภัยและยืดอายุการใช้งาน ตัวเครื่องผลิตจากพลาสติก ABS และ PP ใช้ไฟ DC 24V กำลังไฟ 11 วัตต์ ราคาอยู่ที่ 624 บาท ข้อควรระวังคือ ห้ามใช้น้ำกลั่นและห้ามเทน้ำลงในช่องพ่นควัน เมื่อทำความสะอาดต้องระวังไม่ให้น้ำเข้าเครื่องเพื่อป้องกันการลัดวงจร หากมีปัญหาให้รีบติดต่อร้านค้าภายใน 1 สัปดาห์

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Hanky House Peace Aroma Diffuser เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีขนาดกะทัดรัด ความจุ 300 มล. เหมาะสำหรับห้องขนาด 10-30 ตร.ม. พร้อมฟังก์ชันการทำงานที่ครบครัน เช่น รีโมทคอนโทรล, ไฟ LED, และระบบตัดการทำงานอัตโนมัติ ในราคาย่อมเยาเพียง 624 บาท

10. OSIM uMist Dream

OSIM uMist Dream

เครื่องทำความชื้น OSIM uMist Dream ใช้เทคโนโลยี Ultrasonic ผลิตละอองน้ำขนาดนาโนเมตร ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่ายเพียงกดปุ่มเดียว เคลื่อนย้ายสะดวก

ประเภทอัลตราโซนิก
ขนาด212 x 200 x 135 มม.
น้ำหนัก0.85 กก.

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

เครื่องทำความชื้น OSIM uMist Dream ใช้เทคโนโลยี Ultrasonic ในการผลิตละอองน้ำขนาดเล็กระดับนาโนเมตร มีขนาดกะทัดรัด กว้าง 21.2 ซม. สูง 20 ซม. ลึก 13.5 ซม. และมีน้ำหนักเพียง 0.85 กก. จึงประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งและเคลื่อนย้ายได้สะดวก

การใช้งานทำได้ง่ายเพียงกดปุ่มเดียว สามารถปรับทิศทางการพ่นละอองน้ำได้ตามต้องการ แต่ไม่สามารถปรับระดับความเข้มข้นของละอองน้ำได้ สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุด 8 ชั่วโมง เครื่องจะมีไฟแจ้งเตือนเมื่อน้ำใกล้หมด โดยสามารถเติมน้ำได้ง่ายโดยการถอดฝาด้านบน

OSIM เป็นแบรนด์ชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ที่ใช้เทคโนโลยีการนวดที่ออกแบบโดยแพทย์ชาวญี่ปุ่น และมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ได้รับการรับรองจาก อย. และหลายประเทศทั่วโลก ปัจจุบันมีสาขากว่า 435 แห่งใน 20 ประเทศ จัดจำหน่ายในไทยโดยบริษัท โอซิม (ไทย) จำกัด และมีการรับประกันสินค้า 1 ปี ราคาขายอยู่ที่ 2,990 บาท

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

เครื่องทำความชื้น OSIM uMist Dream เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาเพียง 0.85 กก. ใช้งานง่ายด้วยการกดปุ่มเดียวและสามารถปรับทิศทางการพ่นละอองน้ำได้ เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด ในราคาย่อมเยา 2,990 บาท

วิธีการเลือกขนาดเครื่องทำความชื้นตามพื้นที่ใช้งาน

วิธีการเลือกขนาดเครื่องทำความชื้นตามพื้นที่ใช้งาน

การเลือกขนาดเครื่องทำความชื้นที่เหมาะสม สำหรับพื้นที่ใช้งานเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าเลือกขนาดที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เครื่องทำงานหนักเกินไป หรือไม่สามารถช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศได้ตามที่ต้องการ รวมทั้งควรพิจารณาเงื่อนไขอื่น ๆ เช่น ระดับความชื้นในอากาศและความถี่ในการใช้งานเครื่องด้วย เราจึงได้จัดทำข้อมูลเพื่อช่วยให้คุณเลือกขนาดของเครื่องทำความชื้นได้อย่างเหมาะสมตามขนาดของห้องต่าง ๆ ดังนี้

ห้องนอนขนาดเล็ก (น้อยกว่า 20 ตารางเมตร)

  • เลือกเครื่องทำความชื้นที่มีกำลังการผลิตระหว่าง 1-1.5 ลิตรต่อวัน
  • เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องที่ต้องการความเงียบ เช่น ห้องนอน

ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ (40-50 ตารางเมตร)

  • เครื่องทำความชื้นที่มีกำลังการผลิตอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน
  • ช่วยกระจายความชื้นในพื้นที่กว้างได้ดี

ห้องทำงานหรือห้องครัว

  • ควรใช้เครื่องทำความชื้นที่มีคุณสมบัติต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้นที่เกิดจากการทำอาหารหรือการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า

ตารางแสดงขนาดห้องและขนาดเครื่องทำความชื้นที่แนะนำ

ขนาดห้อง (ตารางเมตร)ขนาดเครื่องทำความชื้นที่แนะนำ (ลิตรต่อวัน)
น้อยกว่า 201 – 1.5
20 – 401.5 – 2.5
40 – 502 – 3
มากกว่า 503 ขึ้นไป


การดูแลรักษาเครื่องทำความชื้นเพื่อยืดอายุการใช้งาน

การดูแลรักษาเครื่องทำความชื้นเพื่อยืดอายุการใช้งาน

การดูแลรักษาเครื่องทำความชื้นอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาประสิทธิภาพของเครื่องให้ยังคงอยู่ในระดับที่ดีเสมอ การดูแลรักษาไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว แต่ยังช่วยให้เครื่องทำความชื้นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้ใช้งาน

การทำความสะอาดตัวเครื่องและถังน้ำ

  • ทำความสะอาดถังน้ำอย่างน้อยทุกสัปดาห์เพื่อป้องกันการสะสมของคราบและแบคทีเรีย
  • ใช้น้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อยในการทำความสะอาดเพื่อล้างคราบได้ดีขึ้น

การเปลี่ยนแผ่นกรอง

  • แผ่นกรองควรเปลี่ยนทุก ๆ 3 เดือนหรือตามคำแนะนำของผู้ผลิตเพื่อรักษาคุณภาพของอากาศที่ได้จากเครื่อง

การตรวจสอบส่วนประกอบต่าง ๆ ของเครื่อง

  • ตรวจสอบและทำความสะอาดส่วนที่เป็นเครื่องยนต์หรือมอเตอร์ หากเครื่องมีเสียงดังผิดปกติควรส่งเข้าศูนย์บริการ

ตารางด้านล่างนี้แสดงรายละเอียดการดูแลรักษาเครื่องทำความชื้น

กิจกรรมการดูแลรักษาความถี่การทำความสะอาด
ทำความสะอาดถังน้ำทุกสัปดาห์ใช้น้ำอุ่นผสมน้ำส้มสายชู
เปลี่ยนแผ่นกรองทุก 3 เดือนตามคำแนะนำของผู้ผลิต
ตรวจสอบส่วนประกอบเครื่องตามความจำเป็นตรวจสอบมอเตอร์และเสียงดังผิดปกติ

เทคนิคการใช้งานเครื่องทำความชื้นให้เหมาะกับสภาพอากาศ

เทคนิคการใช้งานเครื่องทำความชื้นให้เหมาะกับสภาพอากาศ

การปรับเครื่องทำความชื้นให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณใช้งานเครื่องได้มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ในที่นี้จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปรับใช้งานเครื่องทำความชื้นให้เข้ากับอากาศในแต่ละฤดูกาล พร้อมทั้งข้อควรระวังที่ควรทราบ

ฤดูร้อน

  • เพิ่มการใช้งานเครื่องทำความชื้น เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในห้อง
  • ตรวจสอบและรักษาความสะอาดของเครื่องเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคจากความชื้นสูง

ฤดูหนาว

  • ใช้เครื่องทำความชื้น เพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกอบอุ่นและป้องกันปัญหาผิวแห้ง
  • ปรับลดการใช้เครื่องทำความชื้นในวันที่อากาศชื้นเป็นพิเศษ

ฤดูฝน

  • ควรใช้เครื่องทำความชื้นน้อยลง เนื่องจากอากาศมักจะมีความชื้นสูงอยู่แล้ว
  • หลีกเลี่ยงการวางเครื่องใกล้กับหน้าต่างที่มีความชื้นจากฝนสูง

ตารางต่อไปนี้แสดงคำแนะนำในการใช้งานเครื่องทำความชื้นตามสภาพอากาศและฤดู

ฤดูกาล การปรับใช้งานเครื่องทำความชื้น ข้อควรระวัง
ฤดูร้อน เพิ่มการใช้งาน ตรวจสอบความสะอาดเครื่องบ่อยครั้ง
ฤดูหนาว เพิ่มความชื้นในอากาศ ปรับลดในวันชื้นเป็นพิเศษ
ฤดูฝน ลดการใช้งาน หลีกเลี่ยงการวางเครื่องใกล้หน้าต่าง

การปรับใช้เครื่องทำความชื้นให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ไม่เพียงช่วยให้เครื่องทำงานได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณใช้เครื่องได้อย่างปลอดภัยและประหยัดพลังงานอีกด้วย

การใช้งานเครื่องทำความชื้นกับเครื่องแอร์ inverter

การใช้งานเครื่องทำความชื้นร่วมกับเครื่องแอร์ inverter เป็นวิธีที่ดีในการปรับสภาพอากาศภายในบ้านให้เหมาะสม เครื่องทำความชื้นช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ ทำให้ผิวหนังและระบบทางเดินหายใจไม่แห้ง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยเมื่อใช้แอร์ inverter เนื่องจากแอร์ชนิดนี้มีการปรับอุณหภูมิอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน ทำให้อากาศในห้องเย็นสบายอย่างต่อเนื่อง การใช้เครื่องทำความชื้นจะช่วยรักษาระดับความชื้นในห้องให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ช่วยลดอาการแห้งของผิวหนังและตา รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่เกิดจากอากาศแห้ง การใช้งานเครื่องทำความชื้นควรคำนึงถึงการบำรุงรักษาและการทำความสะอาดเป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแอร์ inverter ยี่ห้อไหนดี ควรพิจารณาจากความสามารถในการประหยัดพลังงาน ความทนทาน และการรับประกัน

ควรใช้งานเครื่อง Diffuser กับ เครื่องทำความชื้นดีมั้ย?

เครื่อง Diffuser จะช่วยกระจายกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหย ทำให้บรรยากาศภายในห้องหอมสดชื่นและผ่อนคลาย การใช้น้ำมันหอมระเหยยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความรู้สึกสดชื่น เครื่องทำความชื้นทำหน้าที่เพิ่มความชื้นในอากาศ ช่วยป้องกันอาการผิวแห้งและปัญหาระบบทางเดินหายใจที่อาจเกิดจากอากาศแห้ง เมื่อใช้งานร่วมกับเครื่อง Diffuser จะได้ประโยชน์ทั้งจากความชื้นที่เพิ่มขึ้นและกลิ่นหอมที่กระจายไปทั่วห้อง อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังในการใช้น้ำมันหอมระเหยบางชนิดที่อาจมีผลต่อสุขภาพในระยะยาว สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแนะนำ Diffuser ควรพิจารณาจากประสิทธิภาพในการกระจายกลิ่น ความทนทาน และการออกแบบที่สวยงาม การเลือก Diffuser ที่ดีจะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศที่หอมสดชื่นและสุขภาพดีในทุกวัน

การเลือกใช้เครื่องทำความชื้นที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คนในบ้านมีสุขภาพดี มีสภาพแวดล้อมน่าอยู่ และยังชะลอความเสื่อมของวัสดุภายในบ้านอีกด้วย ในการรวบรวมรวบรวมข้อมูลของ 10 แบรนด์เครื่องทำความชื้นที่ดีที่สุดที่ให้รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับประเภท ขนาด และน้ำหนักของแต่ละเครื่อง ช่วยให้ผู้บริโภคเลือกเครื่องทำความชื้นที่ตรงกับความต้องการของพื้นที่ใช้สอยและการใช้งานที่แตกต่างกันได้อย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ ยังให้คำแนะนำสำคัญในการเลือกขนาดเครื่องทำความชื้นตามพื้นที่ใช้สอย การดูแลรักษาเครื่องทำความชื้นเพื่อยืดอายุการใช้งาน และเทคนิคการใช้งานเครื่องทำความชื้นให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและสภาพแวดล้อม คำแนะนำเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้ใช้เลือกซื้อเครื่องทำความชื้นได้เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูแลรักษาและใช้งานเครื่องทำความชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เครื่องทำความชื้นมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและทำงานได้ตามประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะช่วยให้บ้านของคุณมีอากาศที่สดชื่น ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

คำถามที่พบบ่อย

1. จะเลือกขนาดเครื่องทำความชื้นอย่างไรให้เหมาะกับห้องนอนขนาดเล็ก?

เครื่องทำความชื้นสำหรับห้องนอนขนาดเล็ก ควรมีกำลังการผลิตระหว่าง 1-1.5 ลิตรต่อวัน เพื่อช่วยให้ห้องมีความชื้นเหมาะสมโดยไม่เกินกำลังที่จำเป็น ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในห้องที่ต้องการความเงียบ

2. เครื่องทำความชื้นประเภทใดเหมาะกับห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่?

สำหรับห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ (40-50 ตารางเมตร) ควรเลือกเครื่องทำความชื้นที่มีกำลังการผลิตอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน เพื่อช่วยกระจายความชื้นในพื้นที่กว้างได้อย่างเพียงพอ

3. ควรทำความสะอาดเครื่องทำความชื้นบ่อยแค่ไหน?

ควรทำความสะอาดถังน้ำของเครื่องทำความชื้นอย่างน้อยทุกสัปดาห์ เพื่อป้องกันการสะสมของคราบและแบคทีเรีย และควรเปลี่ยนแผ่นกรองทุก 3 เดือน หรือตามคำแนะนำของผู้ผลิต

4. ควรใช้เครื่องทำความชื้นอย่างไรในฤดูร้อนเพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน?

ในฤดูร้อน ควรเพิ่มการใช้งานเครื่องทำความชื้น เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในห้อง แต่ควรตรวจสอบและรักษาความสะอาดของเครื่องอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรคที่อาจเกิดจากความชื้นสูง

Scroll to Top