Android TV อุปกรณ์ที่ช่วยเปลี่ยนทีวีธรรมดาของคุณให้กลายเป็นสมาร์ททีวี ด้วยการใช้ระบบปฏิบัติการ Android ทำให้การใช้งานง่ายและสามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้ คุณจะสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันนับพันแอป เช่น การสตรีมภาพยนตร์ รายการทีวี หรือการเล่นเกม ได้อย่างสะดวกบนจอทีวีขนาดใหญ่ในบ้านของคุณ ในบทความนี้ เราจะนำเสนอ 10 อันดับ Android TV ที่มีราคาคุ้มค่า ใช้งานง่าย และเหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ เราจะรีวิว 10 แบรนด์ที่น่าสนใจ พร้อมข้อมูลสำคัญ เช่น คุณภาพของภาพและเสียง และความสะดวกในการใช้งานระบบ เพื่อให้คุณมีข้อมูลในการตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างชัดเจน
หลังจากที่เราได้รีวิวแบรนด์ต่างๆ แล้ว เรายังมีข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ เช่น วิธีการเลือก Android TV ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ คำแนะนำแอปพลิเคชันที่ควรมีสำหรับผู้ใช้ Android TV และวิธีการแก้ปัญหาเบื้องต้นที่มักพบใน Android TV หากคุณพร้อมแล้ว เราไปดูกันเลย!
หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า
ในการเลือกและจัดอันดับแบรนด์ Android TV ที่ดีที่สุด 10 อันดับ เราได้พิจารณาหลายปัจจัยที่มีผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ ซึ่งหลักเกณฑ์เหล่านี้ถูกจัดเรียงตามลำดับความสำคัญ ดังนี้
- คุณภาพของภาพ: เราเน้นที่ความละเอียดและความคมชัดของภาพ ทีวีที่ให้ภาพคมชัด สดใส และมีสีสันสมจริง เช่น 4K และ HDR (High Dynamic Range) จะได้รับคะแนนสูง
- เวอร์ชันระบบปฏิบัติการ Android: รุ่นของระบบปฏิบัติการ Android มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากกำหนดขอบเขตของฟีเจอร์และแอปที่สามารถใช้งานได้ เราให้ความสำคัญกับทีวีที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันล่าสุด เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้จะได้รับการอัปเดตและฟีเจอร์ใหม่ๆ
- การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Android และ iOS: ความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Android และ iOS ได้อย่างง่ายดายเป็นสิ่งสำคัญ เราชื่นชมทีวีที่สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบาย
- ฟีเจอร์สมาร์ทและอินเตอร์เฟสผู้ใช้: ทีวีสมาร์ทที่ดีควรมีอินเตอร์เฟสที่ใช้งานง่าย เรามองหาทีวีที่มีอินเตอร์เฟสที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ การควบคุมด้วยเสียงและการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สมาร์ทต่างๆ ก็เป็นปัจจัยสำคัญ
- คุณภาพเสียง: คุณภาพเสียงเป็นปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม เราพิจารณาทีวีที่มีระบบเสียงที่ดี รวมถึงลำโพงในตัวที่ให้เสียงชัดเจนและมีคุณภาพ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพา soundbars ภายนอก
- แอปพลิเคชันและบริการที่รองรับ: ความหลากหลายของแอปและบริการที่ทีวีรองรับเป็นสิ่งสำคัญ เราให้คะแนนสูงกับทีวีที่มีการรองรับแอปสตรีมมิ่ง เกม และแอปอื่นๆ ที่หลากหลาย
- การออกแบบและวัสดุ: การออกแบบที่สวยงามและการใช้วัสดุคุณภาพสูงไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความทนทานของทีวี แต่ยังเพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่ใช้งาน เรามองหาทีวีที่มีดีไซน์บางเบาและใช้วัสดุคุณภาพดี
- ราคาและความคุ้มค่า: เราพิจารณาราคาเมื่อเปรียบเทียบกับฟีเจอร์และประสิทธิภาพที่ได้รับ เรามองหา Android TV ที่ให้ความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
1. SONY KD-55X80L
Sony KD-55X80L เป็น Android TV ขนาด 55 นิ้ว ที่มาพร้อมความละเอียด 4K Ultra HD รองรับ HDR มีเทคโนโลยีลำโพง X-Balanced Speaker และระบบปฏิบัติการ Google TV เพื่อประสบการณ์การรับชมและเล่นเกมที่เหนือระดับ
ขนาดสินค้า | 1,396 x 832 x 182 มิลลิเมตร |
---|---|
น้ำหนัก | 26.5 กิโลกรัม |
ขนาดหน้าจอ | 55 นิ้ว |
ความละเอียดในการแสดงผ | 4K |
อัตรารีเฟรชหน้าจอ | 60Hz |
ระบบปฏิบัติการ | Android |
ข้อดี
- ความละเอียดภาพสูง: ด้วยความละเอียด 4K Ultra HD และรองรับ HDR, KD-55X80L มอบภาพที่ชัดเจนและสมจริงพร้อมความสว่างและความมืดที่เหมาะสม
- เสียงคุณภาพสูง: เทคโนโลยีลำโพง X-Balanced Speaker และการรองรับ Dolby Vision และ Dolby Atmos ช่วยให้เสียงที่ชัดเจนและเบสลึก เสมือนมีโรงภาพยนตร์ส่วนตัว
- ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีเยี่ยม: มีฟีเจอร์ Game Menu และรองรับ VRR/ALLM/4K 120, ทำให้เกมมีความสมจริงและการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล
- การเข้าถึงเนื้อหาง่ายดาย: ด้วยระบบปฏิบัติการ Google TV สามารถค้นหาเนื้อหาบันเทิงและข้อมูลได้อย่างง่ายดายผ่านการออกคำสั่งเสียง
ข้อควรพิจารณา
- ราคาอาจสูง: เนื่องจากเป็นรุ่นระดับสูงที่มาพร้อมคุณสมบัติครบครัน ราคาของ KD-55X80L อาจสูงกว่ารุ่นอื่นๆ ในตลาด
- ความซับซ้อนของการตั้งค่า: ด้วยคุณสมบัติและเทคโนโลยีมากมาย การตั้งค่าและการปรับแต่งต่างๆ อาจมีความซับซ้อนสำหรับผู้ใช้บางกลุ่ม
- ขนาดและน้ำหนัก: ด้วยหน้าจอขนาด 55 นิ้ว อาจต้องพิจารณาพื้นที่ในการวางตั้งทีวีให้เหมาะสมและอาจต้องใช้ความช่วยเหลือในการติดตั้ง
- การใช้งานฟีเจอร์บางอย่างต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: ฟีเจอร์อย่าง Google TV และการสตรีมเนื้อหาต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มั่นคง ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่การเชื่อมต่อไม่แข็งแรง
Sony รุ่น KD-55X80L มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 55 นิ้ว ให้ความละเอียดระดับ 4K Ultra HD (3,840×2,160 พิกเซล) และรองรับ High Dynamic Range (HDR) ซึ่งช่วยให้ภาพมีความสมจริงยิ่งขึ้นด้วยการปรับความมืดความสว่างและสีสันให้เหมือนกับที่ตามนุษย์เห็น ด้วยชิพประมวลผล 4K HDR processor X1 ทำให้ภาพมีชีวิตชีวา ในขณะที่เทคโนโลยี Triluminos Pro สามารถแสดงภาพกว่าพันล้านสีได้ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยี 4K X-Reality Pro ช่วยปรับปรุงคุณภาพของภาพ 2K และ HD ให้ใกล้เคียงกับความละเอียด 4K ทำให้ทุกภาพที่แสดงผ่านหน้าจอนี้มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น Motionflow™ XR สร้างเฟรมภาพต่อวินาทีเพิ่มขึ้น ช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวลื่นไหลและคมชัด
ด้านเสียง รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีลำโพง X-Balanced Speaker ที่มอบคุณภาพเสียงชัดเจนและเบสลึก นอกจากนี้ยังรองรับ Dolby Vision และ Dolby Atmos เพื่อประสบการณ์การรับชมที่เหมือนมีโรงภาพยนตร์ส่วนตัว ในส่วนของการเล่นเกม มีฟีเจอร์ Game Menu และรองรับ VRR/ALLM/4K 120 ที่ช่วยให้การเล่นเกมมีความสมจริงมากขึ้น ด้วยระบบปฏิบัติการ Google TV ช่วยให้ค้นหาข้อมูลและความบันเทิงได้ง่ายโดยการออกคำสั่งเสียงภาษาไทย อีกทั้งยังสามารถส่งเนื้อหาจากโทรศัพท์มือถือไปยังหน้าจอทีวีได้ง่ายๆ ผ่าน Chromecast และ Apple Airplay และยังสามารถควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ในบ้านผ่าน Apple Homekit
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
Sony KD-55X80L เป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากมาพร้อมคุณสมบัติที่ครบครัน ตั้งแต่ความละเอียดภาพ 4K Ultra HD ที่มอบภาพชัดเจนและสมจริง รองรับ HDR ซึ่งช่วยให้ภาพมีความสว่างและความมืดที่ถูกต้อง และชิพประมวลผล 4K HDR processor X1 ที่ทำให้ภาพมีชีวิตชีวา นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีลำโพง X-Balanced Speaker ที่มอบเสียงที่ชัดเจนและเบสลึก
2. XIAOMI MI TV Q1
Xiaomi TV Q1 75" ทีวีไร้ขอบ QLED 4K ขนาด 75 นิ้ว ที่มาพร้อมกับอัตรารีเฟรช 120Hz รองรับมาตรฐานภาพ HDR หลายรูปแบบ และเสียงคุณภาพสูงจากลำโพงและวูเฟอร์หลายตัว ทำงานบน Android TV 10 พร้อมการควบคุมด้วยเสียง
ขนาดสินค้า | 230 x 1,840 x 1,103 มิลลิเมตร |
---|---|
น้ำหนัก | 43.9 กิโลกรัม |
ขนาดหน้าจอ | 75 นิ้ว |
ความละเอียดในการแสดงผ | 4K |
อัตรารีเฟรชหน้าจอ | 120 เฮิรตช์ |
ระบบปฏิบัติการ | Android 10 |
ข้อดี
- ขนาดหน้าจอใหญ่: ทีวีมีขนาดหน้าจอ 75 นิ้ว ที่เหมาะสำหรับการรับชมในพื้นที่ขนาดใหญ่ มอบประสบการณ์การดูที่ดื่มด่ำและสมจริง
- คุณภาพภาพสูง: ด้วยจอแสดงผล QLED 4K และรองรับอัตรารีเฟรช 120Hz, มอบภาพที่คมชัดพร้อมการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล
- การรองรับ HDR หลายรูปแบบ: สามารถถอดรหัสภาพในมาตรฐาน Dolby Vision, HDR10+, HDR10 และ HLG ทำให้ภาพมีความลึกและมีมิติ
- เสียงคุณภาพสูง: มีลำโพงสเตอรีโอพร้อมทวีตเตอร์และวูเฟอร์หลายตัว มอบเสียงที่คมชัดและเต็มเรื่อง
- ระบบปฏิบัติการ Android TV 10: ให้การเข้าถึงแอพพลิเคชั่นและบริการสตรีมมิ่งยอดนิยมอย่างง่ายดาย รองรับการควบคุมด้วยเสียงผ่าน Google Assistant
ข้อควรพิจารณา
- ไม่รองรับ 4K 120fps เนทีฟ: แม้จะมีเทคโนโลยี MEMC เพื่อเพิ่มความละเอียดภาพ แต่ไม่รองรับการถอดรหัสเนื้อหา 4K 120fps แบบเนทีฟ ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับเนื้อหาบางประเภท
- ข้อจำกัดของ HDMI: รองรับ HDMI 2.1 eARC/ALLM แต่ไม่รองรับ HDMI ใน 4K 120Hz/VRR, ซึ่งอาจจำกัดประสบการณ์การเล่นเกมที่เต็มประสิทธิภาพบนบางอุปกรณ์
- การใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่: ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่มาก อาจต้องพิจารณาให้ดีว่าพื้นที่ในการวางตั้งเหมาะสมหรือไม่ และอาจต้องมีการจัดการเรื่องพื้นที่ใช้สอย
Xiaomi TV Q1 75″ ทีวีไร้ขอบที่มีจอแสดงผล QLED 4K ขนาด 75 นิ้ว ซึ่งมีความสามารถในการอัปเดตภาพด้วยอัตรารีเฟรช 120Hz และรับประกันสินค้า 3 ปี ทีวีนี้สามารถแสดงผลได้มากถึง 1.07 พันล้านสี ครอบคลุม 95% ของสเปกตรัม DCI-P3 และ 100% ของ NTSC ทำให้สีที่แสดงออกมาใกล้เคียงกับสิ่งที่ดวงตามนุษย์มองเห็น มีมุมมองกว้างถึง 178 องศา และสามารถทำความสว่างสูงสุดได้ถึง 1,000nt เครื่องนี้รองรับการถอดรหัสภาพทั้ง Dolby Vision, HDR10+, HDR10 และ HLG ซึ่งเพิ่มคุณภาพของภาพให้มีความลึกและมีมิติมากขึ้น ด้านเสียง, มีลำโพงสเตอรีโอขนาด 15W จำนวน 2 ตัว รวมเป็น 30W เสริมด้วยทวีตเตอร์ 2 ตัว สำหรับขับเสียงสูง และวูเฟอร์ 4 ตัว สำหรับขับเสียงต่ำ ทำให้เสียงที่ได้รับมีความคมชัดและเต็มเรื่อง
นอกจากนี้ยังทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android TV 10 ที่มีแอปพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง YouTube, Netflix และ Amazon Prime ติดตั้งมาให้และยังสามารถดาวน์โหลดแอปเพิ่มเติมได้จาก Play Store รองรับการควบคุมด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และสามารถควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมได้ เทคโนโลยีหรี่แสงเฉพาะจุดได้ถึง 192 โซน ทำให้ภาพมีความสมดุลยิ่งขึ้น
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
Xiaomi TV Q1 75″ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาทีวีขนาดใหญ่เพื่อประสบการณ์การรับชมที่ยอดเยี่ยมในพื้นที่ขนาดใหญ่ เนื่องจากมีหน้าจอ QLED 4K ขนาด 75 นิ้วที่มอบภาพคมชัดและสีสันที่สมจริง อัตรารีเฟรช 120Hz ช่วยให้การเคลื่อนไหวในภาพลื่นไหลมากขึ้น การรองรับมาตรฐานภาพ HDR หลายรูปแบบทำให้ภาพมีความลึกและมิติมากขึ้น ส่วนเสียงที่ได้จากลำโพงและวูเฟอร์หลายตัวช่วยให้เสียงมีคุณภาพ ครบถ้วนทั้งความชัดเจนและความลึกของเสียง
3.Panasonic TH-65HX720T
Panasonic TH-65HX720T มีขนาด 65 นิ้วที่มาพร้อมความละเอียด 4K รองรับ HDR10 เทคโนโลยีเสริมสี Hexa Chroma Drive ระบบเสียง Surround จาก Dolby Audio และ DTS Truesurround และการเชื่อมต่อสะดวกผ่าน Chromecast built-in พร้อมการรับประกัน 3 ปี
ขนาดสินค้า | 909 x 1,447 x 292 มิลลิเมตร |
---|---|
น้ำหนัก | 17.9 กิโลกรัม |
ขนาดหน้าจอ | 65 นิ้ว |
ความละเอียดในการแสดงผ | 4K |
อัตรารีเฟรชหน้าจอ | 120 Hz |
ระบบปฏิบัติการ | Android |
ข้อดี
- หน้าจอขนาดใหญ่ 65 นิ้ว: ให้ประสบการณ์การรับชมที่ดื่มด่ำและสมจริงมากขึ้น โดยเฉพาะกับเนื้อหาความละเอียดสูง
- ความละเอียด 4K และ HDR10: มอบภาพที่คมชัด พร้อมสีสันที่สดใสและรายละเอียดที่ลึกลับ ช่วยเพิ่มมิติให้กับเนื้อหาที่รับชม
- ระบบเสียง Surround จาก Dolby Audio และ DTS Truesurround: สร้างประสบการณ์เสียงที่ชัดเจนและล้อมรอบ ทำให้การรับชมหนังหรือเล่นเกมมีอรรถรสยิ่งขึ้น
- การออกแบบที่ไร้ขอบ: เพิ่มความสมจริงให้กับภาพ ทำให้ผู้รับชมรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อหา
- ระบบปฏิบัติการ Android TV: ให้การเข้าถึงเนื้อหาบันเทิงจากบริการสตรีมมิ่งต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ข้อควรพิจารณา
- ความสามารถในการรับ HDR อาจจำกัด: แม้ว่าจะรองรับ HDR10 แต่ก็ไม่ได้เพิ่มความสว่างสูงสุดของแผงหน้าจอ ซึ่งอาจทำให้ประสบการณ์ HDR ไม่เต็มที่เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ที่มีความสว่างสูงกว่า
- รองรับ HDCP 1.4 เท่านั้น: อาจมีข้อจำกัดในการเล่นเนื้อหา HDR จากแหล่งที่ต้องการ HDCP 2.2 เช่น 4K Blu-ray discs
- การเชื่อมต่อ Bluetooth อาจมีความล่าช้า: เมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ Bluetooth กับทีวี อาจพบกับปัญหาความล่าช้าของเสียงไม่ซิงค์กับภาพ
- การรับประกัน 3 ปี ต้องลงทะเบียน: ผู้ใช้ต้องทำการลงทะเบียนเพื่อขยายระยะเวลารับประกันจาก 2 ปี เป็น 3 ปี ซึ่งอาจถือว่าเป็นขั้นตอนเพิ่มเติมที่ไม่สะดวก
Panasonic TH-65HX720T โทรทัศน์ Android TV ที่มาพร้อมกับหน้าจอ LED LCD ขนาด 65 นิ้ว มีความละเอียดหน้าจอ 3,840 x 2,160 พิกเซล และรองรับ HDR 10 ให้ความคมชัดและสีสันที่สมจริงด้วยเทคโนโลยี 4K Colour Engine และ Hexa Chroma Drive ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Panasonic ที่เสริมความสดใสให้กับภาพถ่ายทอดออกมาได้เป็นธรรมชาติ พร้อมด้วยการออกแบบที่ไร้ขอบเพื่อเพิ่มความสมจริงและละเอียดยิ่งขึ้นในทุกฉากที่รับชม ด้วยระบบเสียง Surround จาก Dolby Audio และ DTS Truesurround และช่องสัญญาณลำโพง 20 W (10 W x 2) ทำให้เสียงที่ได้มีความชัดเจนและล้อมรอบ โดยมีโหมดเสียงที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง หรือการชมกีฬา
การใช้งานกับระบบ Android TV ช่วยให้การค้นหาเนื้อหาบันเทิงต่างๆ ทั้งภาพยนตร์และรายการจากบริการสตรีมมิ่งได้สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น โดยมีบริการให้เลือกมากกว่า 500,000 รายการ นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Chromecast built-in ทำให้สามารถสตรีมเนื้อหาจากอุปกรณ์อื่นๆ ไปยังหน้าจอทีวีได้อย่างง่ายดาย ตัวเครื่องมาพร้อมการรับประกัน 3 ปี ซึ่งเป็นการรับประกันที่ยืดยาว ช่วยให้ผู้ใช้มีความมั่นใจในคุณภาพและบริการหลังการขาย
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
สาเหตุที่เราเลือกเพราะ Panasonic TH-65HX720T มีหน้าจอขนาดใหญ่ 65 นิ้วพร้อมความละเอียด 4K และเทคโนโลยี HDR10 ที่นำเสนอภาพที่คมชัดและสีสันที่สดใส รวมถึงระบบเสียง Surround จาก Dolby Audio และ DTS Truesurround ที่มอบเสียงคุณภาพสูง และด้วยการรันบนระบบปฏิบัติการ Android TV ทำให้เข้าถึงเนื้อหาบันเทิงได้ง่ายดาย ทั้งยังมาพร้อมการออกแบบที่ไร้ขอบเพื่อประสบการณ์การรับชมที่สมจริงยิ่งขึ้น จึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการอัปเกรดประสบการณ์ความบันเทิงในบ้านที่น่าสนใจ
4.SHARP 4T-C70CK3X
SHARP 4T-C70CK3X มีขนาด 70 นิ้วที่มาพร้อมความละเอียด 4K เทคโนโลยีลดนอยส์ X4 Master Engine Pro II ระบบเสียง Dolby Audio และรองรับการใช้งานผ่าน Google Assistant, Netflix, Google Play และ YouTube ให้ประสบการณ์การรับชมที่คมชัดและสมจริง
ขนาดสินค้า | 1,564 x 904 x 77 มิลลิเมตร |
---|---|
น้ำหนัก | 24.5 กิโลกรัม |
ขนาดหน้าจอ | 70 นิ้ว |
ความละเอียดในการแสดงผ | 4K |
อัตรารีเฟรชหน้าจอ | 75HZ |
ระบบปฏิบัติการ | Android 9.0 |
ข้อดี
- ขนาดหน้าจอใหญ่: มีหน้าจอขนาด 70 นิ้ว ทำให้เหมาะสำหรับการรับชมในห้องที่มีพื้นที่กว้างขวาง เพิ่มประสบการณ์การรับชมให้ดื่มด่ำและสมจริงยิ่งขึ้น
- ความละเอียดสูง 4K: ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล ช่วยให้ภาพที่แสดงมีความคมชัด เต็มไปด้วยรายละเอียด และสีสันที่สมจริง
- ระบบเสียง Dolby Audio: มอบคุณภาพเสียงที่ดีเยี่ยม รองรับการกระจายเสียงไปยังทุกทิศทาง ทำให้ได้รับอรรถรสในการรับชมเนื้อหาต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
- รองรับ Android TV: ช่วยให้เข้าถึงเนื้อหาบันเทิงมากมายจากแอปพลิเคชันต่างๆ อาทิ Netflix, Google Play, YouTube ได้อย่างง่ายดาย
ข้อควรพิจารณา
- น้ำหนักของเครื่องค่อนข้างมาก: ด้วยน้ำหนัก 24.5 กิโลกรัม อาจทำให้การติดตั้งหรือย้ายทีวีเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความระมัดระวัง
- การรับประกัน 1 ปี: บางผลิตภัณฑ์ในตลาดเดียวกันอาจมีระยะเวลาการรับประกันที่ยาวนานกว่า ซึ่งอาจเป็นข้อพิจารณาสำหรับผู้บริโภคบางกลุ่ม
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0: แม้ว่าจะให้ประสิทธิภาพที่ดี แต่เนื่องจากเป็นระบบปฏิบัติการที่ไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานแอปพลิเคชันบางอย่างที่ต้องการเวอร์ชันสูงกว่า
- จำนวนช่องเสียบ USB และ HDMI: แม้ว่าจะมีช่องเสียบ HDMI 3 ช่องและ USB 2 ช่อง แต่สำหรับผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อหลายเครื่องอาจพบว่าไม่เพียงพอ
SHARP 4T-C70CK3X มีขนาดหน้าจอ 70 นิ้ว ความละเอียด 3840 x 2160 พิกเซล (4K Ultra HD) ใช้เทคโนโลยี X4 Master Engine Pro II ในการปรับปรุงคุณภาพภาพให้มีความคมชัดและลดนอยส์รบกวน รองรับ HDR ซึ่งช่วยเพิ่มรายละเอียดและความสมจริงในแต่ละฉากที่แสดงผ่านหน้าจอ มีระบบเสียง Dolby Audio ที่มอบประสบการณ์เสียงรอบทิศทาง และมีกำลังเสียงลำโพง 10W + 10W ที่ช่วยให้เสียงที่ได้ยินนั้นชัดเจนและมีมิติ ด้วยการใช้งานระบบ Android 9.0, ทีวีรุ่นนี้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันต่างๆ จาก Google Play ได้อย่างสะดวก เช่น Netflix, YouTube และอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 ที่ช่วยให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ง่ายดาย, มีช่องต่อ USB จำนวน 2 ช่องสำหรับเล่นสื่อหรือการจัดเก็บข้อมูลจากแหล่งภายนอก และช่องต่อ HDMI จำนวน 3 ช่องสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่น คอนโซลเกมหรือเครื่องเล่น Blu-ray เป็นต้น ตัวสินค้ารับประกัน 1 ปี ทำให้ SHARP 4T-C70CK3X เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการ Android TV ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ คุณภาพภาพและเสียงที่ดี และมีความสามารถในการเชื่อมต่อหลากหลาย
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
เราเลือก SHARP 4T-C70CK3X เพราะเป็นโทรทัศน์ Android TV ขนาด 70 นิ้วที่มอบประสบการณ์การรับชมระดับ 4K คมชัดพร้อมเทคโนโลยีเสียง Dolby Audio และมีความสามารถในการเชื่อมต่อหลากหลาย ทำให้เหมาะสำหรับการเพลิดเพลินกับเนื้อหาบันเทิงในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับชมภาพยนตร์ ฟังเพลง หรือเล่นเกม ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ได้อย่างไม่จำกัด
5. TCL 65C725
TCL ทีวีรุ่น 55T6G ขนาด 55 นิ้วที่มาพร้อมเทคโนโลยี Quantum Dot, รองรับ Dolby Vision และ HDR 10+ และมีระบบเสียง Dolby Atmos พร้อมระบบปฏิบัติการ Google TV ที่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบายและหลากหลาย
ขนาดสินค้า | 145.67 X 89.7 X 31.97 ซม. |
---|---|
น้ำหนัก | 18.3 |
ขนาดหน้าจอ | 65 นิ้ว |
ความละเอียดในการแสดงผ | 4K |
อัตรารีเฟรชหน้าจอ | 120 hz |
ระบบปฏิบัติการ | Android 11 |
ข้อดี
- ความละเอียดระดับ 4K พร้อมเทคโนโลยี Quantum Dot: ทำให้ภาพที่แสดงมีความคมชัดสูงพร้อมสีสันที่สมจริงและสดใส ครอบคลุมสเปกตรัมสีได้ถึง 93% DCI-P3
- รองรับ HDR 10+ และ Dolby Vision: เพิ่มคุณภาพของภาพให้มีความสว่าง ความมืด และรายละเอียดที่ดีเยี่ยม
- ระบบเสียง Dolby Atmos/DTS HD: มอบประสบการณ์เสียงที่รอบทิศทาง สร้างอรรถรสในการรับชมได้อย่างเต็มที่
- ระบบปฏิบัติการ Google TV: ให้การเข้าถึงแอปพลิเคชั่นและบริการสตรีมมิ่งต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย
- การออกแบบที่ไม่มีขอบและวัสดุเมทัลลิค: ให้รูปลักษณ์ที่ทันสมัยและหรูหรา เพิ่มความสมจริงในการรับชม
ข้อควรพิจารณา
- ระบบประมวลผลอาจไม่เร็วที่สุด: ด้วย CPU CA55*4 @1.3GHz max อาจพบข้อจำกัดในการประมวลผลกับการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง
- ระยะเวลาการรับประกัน: มีเพียง 1 ปีซึ่งอาจน้อยกว่าเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในตลาดที่เสนอระยะเวลาการรับประกันที่ยาวนานกว่า
- กำลังเสียงลำโพง: ที่ 10W*2 สำหรับรุ่น 43/50/55/65 นิ้ว อาจไม่เพียงพอสำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่หรือต้องการเสียงที่มีพลังมากขึ้น
TCL ทีวีรุ่น 55T6G มีความละเอียดหน้าจอ 3840 x 2160 พิกเซล ให้สีสันที่สมจริงด้วยเทคโนโลยี Quantum Dot และ Wide Color Gamut ทำให้สามารถครอบคลุมสีได้ถึง 93% DCI-P3 พร้อมด้วยอัตราความคมชัดสูงและความลึกของสีที่ดียิ่งขึ้นด้วย 8 bit + FRC Color Depth ตัวเครื่องมาพร้อมกับ Google TV OS ที่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่สะดวกสบาย รองรับการควบคุมด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และเข้าถึงแอปพลิเคชั่นต่างๆ เช่น Netflix, YouTube และ Google Play ได้อย่างง่ายดาย
ด้วยการออกแบบที่ไม่มีขอบด้วยวัสดุเมทัลลิค ให้รูปลักษณ์ที่ทันสมัยและหรูหรา คุณสมบัติเพิ่มเติมเช่น Dolby Vision และ HDR 10+ ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพให้มีรายละเอียดที่เหนือกว่า ขณะที่ระบบเสียง Dolby Atmos/DTS HD & Vitual-x Sound system มอบประสบการณ์เสียงที่ดีเยี่ยม ทีวีมีความจำในตัวของ 2GB RAM และ 16GB ROM พร้อมการเชื่อมต่อหลายช่องทางผ่าน Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi Dual Band รวมถึงช่องต่อ HDMI 2.1/2.0 และ USB 3.0 เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ทีวีนี้ยังรองรับ Game Bar + Free Sync + Dolby Vision Gaming เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมที่สมบูรณ์แบบ
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
TCL ทีวีรุ่น 55T6G เป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ทำให้โดดเด่น รวมถึงความละเอียดระดับ 4K ที่ให้ภาพคมชัดและสีสันที่สดใสด้วยเทคโนโลยี Quantum Dot และ Wide Color Gamut ช่วยให้สามารถแสดงผลภาพที่สมจริงในทุกมุมมอง การรองรับ HDR 10+ และ Dolby Vision ยกระดับความสว่าง ความมืด และรายละเอียดของภาพได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้เนื้อหาที่คุณชมมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น
6.Haier LE65K8000UA
Haier LE65K8000UA มีขนาด 65 นิ้วที่มาพร้อมความละเอียด 4K ใช้ระบบ Android 9.0 การออกแบบไร้ขอบหน้าจอ รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 และมีระบบเสียง Dolby Digital Decoding ที่สร้างประสบการณ์การรับชมและการฟังที่ยอดเยี่ยม
ขนาดสินค้า | 145 X 90 X 30 ซม. |
---|---|
น้ำหนัก | 25 |
ขนาดหน้าจอ | 65 นิ้ว |
ความละเอียดในการแสดงผ | 4K |
อัตรารีเฟรชหน้าจอ | 60hz |
ระบบปฏิบัติการ | Android 9 |
ข้อดี
- ความละเอียดระดับ 4K: มอบภาพคมชัดและสมจริงที่สุด เหมาะสำหรับการรับชมเนื้อหาความละเอียดสูง.
- การออกแบบไร้ขอบ: ให้ประสบการณ์การรับชมที่ไม่ถูกจำกัดด้วยขอบของหน้าจอ ช่วยเพิ่มความลึกและความสมจริงให้กับภาพ.
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0: ทำให้เข้าถึงแอปพลิเคชั่นและบริการสตรีมมิ่งได้ง่าย รองรับแอปพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง Netflix และ YouTube.
- เชื่อมต่อ Bluetooth 5.0: สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ง่ายดาย ทำให้การใช้งานมีความสะดวกสบายมากขึ้น.
- รับประกันนาน: 3 ปีสำหรับจอภาพและ 1 ปีสำหรับตัวเครื่อง เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ.
ข้อควรพิจารณา
- อัตราการรีเฟรช 60Hz: อาจไม่เพียงพอสำหรับเนื้อหาที่ต้องการการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว เช่น การเล่นเกมบางประเภท.
- การตอบสนอง 8ms: อาจพบกับการล่าช้าในการตอบสนองเล็กน้อยสำหรับการใช้งานที่ต้องการความเร็วสูง.
- ความสว่าง 300 cd/m2: อาจไม่เพียงพอในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างมาก ซึ่งอาจทำให้การรับชมในเวลากลางวันลดลง.
- ระบบเสียง: ไม่ได้มีการระบุเกี่ยวกับคุณภาพเสียงอย่างชัดเจน ซึ่งอาจต้องพิจารณาเพิ่มเติมสำหรับความต้องการเสียงที่ดีเยี่ยม.
- การใช้ Android 9.0: แม้จะรองรับแอปพลิเคชั่นหลายอย่าง แต่เนื่องจากไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด อาจมีข้อจำกัดในการเข้าถึงฟีเจอร์หรือแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ.
Haier LE65K8000UA มีขนาด 65 นิ้วที่มาพร้อมความละเอียด 4K (3840 * 2160) และระบบ Android 9.0 ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและหลากหลาย ด้วยการออกแบบที่ไร้ขอบ มอบภาพที่สมจริงและชัดเจนพร้อมอัตราการรีเฟรช 60Hz ที่ช่วยให้การเคลื่อนไหวในภาพนุ่มนวล ความสว่างที่ 300 cd/m2 และอัตราส่วนความคมชัด 5000:1 ช่วยเพิ่มความลึกและรายละเอียดให้กับภาพ การเชื่อมต่อไม่ว่าจะเป็น Bluetooth 5.0, HDMI, USB, LAN และอินพุตคอมโพสิต ทำให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์นอกได้ง่ายดาย
ด้วยการติดตั้งแอปพลิเคชั่นยอดนิยมอย่าง Netflix และ YouTube ได้จากร้านค้าของ Google Play ทำให้สามารถเข้าถึงเนื้อหาบันเทิงได้อย่างไม่จำกัด นอกจากนี้ยังมีระบบ AI Voice System ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานสามารถสั่งการด้วยเสียงได้ ซึ่งรวมถึง Dolby Digital Decoding ที่นำเสนอประสบการณ์เสียงสมจริง มีการรับประกัน 3 ปีสำหรับจอภาพและ 1 ปีสำหรับตัวเครื่อง ซึ่งเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อ
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
เราเลือก Haier LE65K8000UA เพราะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหา Android TV ขนาดใหญ่ด้วยหลายเหตุผล รวมถึงความละเอียดระดับ 4K ที่มอบภาพคมชัดและสมจริง ช่วยให้ทุกรายละเอียดปรากฏอย่างชัดเจน การออกแบบไร้ขอบทำให้เครื่องดูสวยงามและทันสมัย พร้อมเพิ่มความลึกและความมีชีวิตชีวาให้กับภาพที่แสดงอยู่บนหน้าจอ ด้วยระบบปฏิบัติการ Android 9.0 ทำให้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชั่นและบริการต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย
7.PHILIPS 55PUT8215/67
PHILIPS 55PUT8215/67 ทีวีความละเอียด 4K ขนาด 55 นิ้วที่มาพร้อมกับคุณสมบัติเด่นเช่น Philips P5 Engine, Dolby Vision และ Atmos มีระบบเสียงแบบ Multi-room ในราคาคุ้มค่าพร้อมการรับประกัน 1 ปี
ขนาดสินค้า | 1,226.8 x 718.8 x 86.6 มิลลิเมตร |
---|---|
น้ำหนัก | 11.5 กิโลกรัม |
ขนาดหน้าจอ | 55 นิ้ว |
ความละเอียดในการแสดงผ | 4K |
อัตรารีเฟรชหน้าจอ | 60hz |
ระบบปฏิบัติการ | Android |
ข้อดี
- หน้าจอขนาดใหญ่ 55 นิ้ว: พร้อมความละเอียดระดับ 4K ทำให้ภาพที่แสดงสว่างสดใสและคมชัดเป็นพิเศษ
- ระบบเสียง Dolby Atmos และ Dolby Vision: มอบประสบการณ์เสียงและภาพระดับโรงภาพยนตร์
- Philips P5 Perfect Picture Engine: ช่วยให้ทุกรายละเอียดของภาพสมบูรณ์แบบไม่ว่าจะมีแหล่งที่มาของภาพจากที่ใด
- ระบบเสียงแบบ Multi-room ด้วย DTS Play-Fi: ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับลำโพงในห้องอื่นได้ สร้างประสบการณ์การฟังที่ไร้รอยต่อ
ข้อควรพิจารณา
- ราคาอาจสูงสำหรับบางคน: เนื่องจากมีคุณสมบัติและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้ราคาอาจสูงเกินไปสำหรับบางคน
- ความซับซ้อนในการตั้งค่าเริ่มต้น: สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับ Android TV อาจพบว่าการตั้งค่าและการปรับแต่งเริ่มต้นมีความซับซ้อน
- ความต้องการพื้นที่ติดตั้ง เนื่องจากเป็นทีวีขนาดใหญ่ 55 นิ้ว จึงต้องการพื้นที่ติดตั้งที่เพียงพอและเหมาะสมในห้อง
PHILIPS 55PUT8215/67 เป็นทีวี Android ที่มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 55 นิ้ว ความละเอียดระดับ 4K ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานแอปพลิเคชันได้อย่างหลากหลายผ่าน Google Play Store และ Philips App Gallery รุ่นนี้มีคุณสมบัติเด่นหลายประการ เช่น ระบบเสียง Dolby Atmos และ Dolby Vision ที่มอบประสบการณ์เสียงและภาพระดับโรงภาพยนตร์ รวมถึงระบบเสียงแบบ Multi-room ด้วย DTS Play-Fi ที่ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับลำโพงในห้องอื่นๆ ได้
ด้วย Philips P5 Perfect Picture Engine ทีวีรุ่นนี้สามารถปรับแต่งภาพให้สว่าง สีสันสมจริง และมีความลึกที่น่าประทับใจ ไม่ว่าจะมีแหล่งที่มาของภาพจากที่ใดก็ตาม ทีวีนี้ยังเสริมความสามารถด้วย Google Assistant ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ควบคุมทีวีด้วยเสียงของตัวเอง นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบให้มีความบาง พร้อมแสงสวยงาม ทำให้เหมาะกับการตกแต่งห้องในแบบที่ต้องการ
PHILIPS 55PUT8215/67 มีการรับประกันสินค้า 1 ปี ซึ่งยืนยันถึงคุณภาพและความมั่นใจที่แบรนด์มอบให้กับผู้บริโภค การเชื่อมต่อและการใช้งานที่ง่ายดายผ่านระบบ Android TV ทำให้สามารถเข้าถึงเนื้อหาต่างๆ ตามที่ต้องการได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ หรือเกมออนไลน์ ด้วยคุณสมบัติและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ทำให้ PHILIPS 55PUT8215/67 เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหาทีวี Android คุณภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า.
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
เราเลือก PHILIPS 55PUT8215/67 เพราะเป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากมีหน้าจอขนาดใหญ่ 55 นิ้ว พร้อมความละเอียดระดับ 4K ที่มอบภาพสว่างสดใสและคมชัด รองรับด้วยเทคโนโลยี Philips P5 Perfect Picture Engine ที่ปรับแต่งภาพให้มีคุณภาพสูงสุด นอกจากนี้ ยังมีระบบเสียง Dolby Atmos และ Dolby Vision ที่ให้ประสบการณ์เสียงและภาพระดับโรงภาพยนตร์ รวมถึงความสามารถในการเชื่อมต่อเสียงแบบ Multi-room ผ่าน DTS Play-Fi ทำให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานในบ้านที่ต้องการความบันเทิงครบวงจร
8. Aconatic 43HS100AN
Aconatic LED Android TV รุ่น 50US100AN มีขนาด 50 นิ้วที่มาพร้อมความละเอียด 4K, HDR 10+, ระบบเสียงที่ชัดเจน และระบบปฏิบัติการ Android 10 พร้อมการสั่งการด้วยเสียง และรับประกันศูนย์ 3 ปี
ขนาดสินค้า | 605 x 967 x 209 มิลลิเมตร |
---|---|
น้ำหนัก | 8.9 กิโลกรัม |
ขนาดหน้าจอ | 43 นิ้ว |
ความละเอียดในการแสดงผ | Full HD |
อัตรารีเฟรชหน้าจอ | 60 hz |
ระบบปฏิบัติการ | Android 9 |
ข้อดี
- ความละเอียดสูง: ด้วยความละเอียด 3840 x 2160 (4K) ช่วยให้ภาพที่แสดงออกมามีความคมชัดสูงและรายละเอียดที่คมชัด
- ระบบปฏิบัติการ Android 10: ให้การเข้าถึงแอปพลิเคชั่นและเนื้อหาออนไลน์ได้ง่ายดาย พร้อมรองรับการสั่งการด้วยเสียงได้หลายภาษา
- HDR 10+ และสีสันที่สดใส: เทคโนโลยี HDR 10+ และความสามารถในการแสดงสีที่สมจริง ช่วยเพิ่มประสบการณ์การรับชมให้ดียิ่งขึ้น
- การเชื่อมต่อที่ครอบคลุม: มีพอร์ต HDMI, USB, Bluetooth และ Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ง่าย
- รับประกันศูนย์ 3 ปี: ให้ความมั่นใจในคุณภาพและการบริการหลังการขาย
ข้อควรพิจารณา
- การใช้พลังงาน: ด้วยกำลังไฟฟ้าที่ใช้สูงถึง 150W อาจส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้น
- ขนาดและน้ำหนัก: ทีวีมีขนาดใหญ่และน้ำหนัก 11.5 กก. อาจไม่เหมาะกับพื้นที่จำกัดหรือต้องการย้ายที่บ่อยครั้ง
- ระบบเสียงมาตรฐาน: แม้ว่าจะมีกำลังขับ 8W x 2 แต่สำหรับห้องขนาดใหญ่อาจต้องการระบบเสียงเสริมเพื่อประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น
Aconatic LED Android TV รุ่น 50US100AN เป็นหนึ่งในตัวเลือกทีวี Android ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 50 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอ 3840 x 2160 ทำให้ภาพที่แสดงออกมามีความคมชัดสูง และสามารถแสดงสีสันที่สดใสและสมจริง ด้วยความสว่าง 250cd/m2 และการรองรับ HDR 10+ ทำให้ภาพมีความมืดและความสว่างที่ดีกว่าปกติ ระบบปฏิบัติการ Android 10 ช่วยให้สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชั่นหลากหลาย รวมถึงการสั่งการด้วยเสียงได้หลายภาษา รวมถึงภาษาไทย ทีวีรุ่นนี้มีการเชื่อมต่อที่ครอบคลุม รวมถึง HDMI 4 พอร์ต, USB 2 พอร์ต, และ Bluetooth รองรับฟังก์ชั่น Mirroring เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นแบบไร้สายได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ยังมีระบบเสียงที่มีกำลังขับ 8W x 2 สามารถให้เสียงที่สมดุลและชัดเจน ด้วยน้ำหนักทั้งหมด 11.5 กิโลกรัม และมิติของเครื่องที่ 111.3 x 8.5 x 71.7 ซม. ทำให้เหมาะกับการตั้งวางในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนขนาดกลางถึงใหญ่ ตัวเครื่องรับประกันศูนย์ 3 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาทีวี Android ที่มีคุณภาพการแสดงผลที่ดีเยี่ยม พร้อมการเชื่อมต่อที่หลากหลายและการใช้งานที่ง่ายดาย
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
Aconatic LED Android TV รุ่น 50US100AN ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากมีขนาดหน้าจอที่เหมาะสม 50 นิ้ว พร้อมความละเอียดสูง 4K และการรองรับ HDR 10+ ทำให้ภาพที่แสดงออกมามีคุณภาพสูง, สีสันสดใส และคมชัด เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ ระบบปฏิบัติการ Android 10 ช่วยให้การเข้าถึงแอปพลิเคชั่นและเนื้อหาต่างๆ ทำได้ง่ายและสะดวกสบาย โดยเฉพาะการสั่งการด้วยเสียงที่รองรับหลายภาษา รวมถึงภาษาไทย ทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างลื่นไหล
9. Toshiba 75C350KP
TOSHIBA ทีวี UHD LED รุ่น 75C350KP ทีวี Android 4K ขนาด 75 นิ้วที่มาพร้อมฟังก์ชันครบครัน การเชื่อมต่อที่หลากหลาย ระบบเสียงที่มีคุณภาพ และการควบคุมด้วยเสียงผ่านรีโมท
ขนาดสินค้า | 167.70 W x 101.80 H x 36.40 D |
---|---|
น้ำหนัก | 8.9 กิโลกรัม |
ขนาดหน้าจอ | 75 นิ้ว |
ความละเอียดในการแสดงผ | 4K |
อัตรารีเฟรชหน้าจอ | 120 hz |
ระบบปฏิบัติการ | Android 8.0 |
ข้อดี
- ขนาดหน้าจอใหญ่ 75 นิ้ว: เหมาะสำหรับการรับชมในห้องที่มีขนาดใหญ่ มอบประสบการณ์การรับชมที่เต็มตาและสมจริง
- ความละเอียด 4K: ให้ภาพที่คมชัด สีสันสดใส และรายละเอียดที่ละเอียดอ่อน
- ระบบเสียงคุณภาพสูง: เทคโนโลยี DBX / Dolby มอบเสียงที่ทรงพลังและครอบคลุมทุกทิศทาง
- การเชื่อมต่อที่หลากหลาย: รองรับทั้งการเชื่อมต่อแบบมีสายและไร้สาย มี HDMI 3 ช่อง และ USB 2 ช่อง พร้อมด้วยการเชื่อมต่อ Internet ไร้สาย
ข้อควรพิจารณา
- ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันเก่า: ใช้ Android 8.0 ซึ่งอาจไม่ได้รับการอัปเดตหรือสนับสนุนฟีเจอร์ใหม่ๆ ในอนาคต
- ระยะรับประกันสั้น: มีระยะเวลาการรับประกันเพียง 3 เดือน ซึ่งอาจน้อยกว่าทีวีรุ่นอื่นๆ ในตลาด
- การใช้พลังงาน: ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่และความสามารถสูง อาจนำไปสู่การใช้พลังงานที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับทีวีขนาดเล็กหรือทีวีที่มีคุณสมบัติน้อยกว่า
TOSHIBA ทีวี UHD LED รุ่น 75C350KP โทรทัศน์ Android ขนาด 75 นิ้วที่มาพร้อมความละเอียดระดับ 4K (3840 x 2160 พิกเซล) สร้างภาพคมชัดสมจริงด้วยเทคโนโลยี HDR 10+ และมุมมองกว้าง 178 องศา ทำให้สามารถรับชมได้อย่างชัดเจนจากทุกมุม ด้านการเชื่อมต่อรองรับทั้งแบบมีสายและไร้สาย โดยมีพอร์ต HDMI 3 ช่อง และ USB 2 ช่อง สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หลายชนิดได้สะดวก ในส่วนของระบบเสียง ทีวีมาพร้อมเทคโนโลยีเสียง DBX/Dolby ที่สร้างประสบการณ์เสียงทรงพลัง สามารถให้ผู้ชมฟังเสียงรอบทิศทางได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ทีวีรุ่นนี้ยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.0 ที่เข้าถึง Google Play Store, Netflix, YouTube และ Amazon Prime Video ได้ง่าย รองรับ Google Assistant และมี Chromecast ในตัว เพื่อการสตรีมคอนเทนต์จากอุปกรณ์มือถือไปยังหน้าจอทีวีได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ 75 นิ้ว และคุณภาพภาพและเสียงที่ดีเยี่ยม ทีวีรุ่นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ หรือห้องที่ต้องการประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์และการเล่นเกมที่สมจริง
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
TOSHIBA ทีวี UHD LED รุ่น 75C350KP เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีหน้าจอขนาดใหญ่ 75 นิ้ว พร้อมความละเอียด 4K ที่มอบภาพคมชัดและสีสันสมจริง ให้ประสบการณ์การรับชมที่เต็มอิ่ม มีฟีเจอร์ HDR 10+ เพิ่มความสามารถในการแสดงสีสันและรายละเอียดภาพที่ดียิ่งขึ้น ระบบเสียงคุณภาพสูงจากเทคโนโลยี DBX / Dolby สร้างเสียงที่รอบทิศทางและทรงพลัง นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายและมีสาย และมีแอปพลิเคชันยอดนิยม
10. Hisense 65E7G
Hisense 65E7G ทีวี 4K UHD ขนาด 65 นิ้วที่มีการออกแบบที่หรูหรา พร้อมด้วยฟังก์ชันและการเชื่อมต่อที่หลากหลาย รองรับการรับชมและการใช้งานที่ครอบคลุมและมีคุณภาพ
ขนาดสินค้า | 1448×894×290 (มม.) |
---|---|
น้ำหนัก | 27.5 (กิโลกรัม) |
ขนาดหน้าจอ | 65 นิ้ว |
ความละเอียดในการแสดงผ | 4K |
อัตรารีเฟรชหน้าจอ | 60 hz |
ระบบปฏิบัติการ | Android 9 |
ข้อดี
- คุณภาพภาพและเสียงระดับสูง: ด้วยความละเอียด 4K และการรองรับ Dolby Vision™ HDR, HDR10+, DTS Virtual:X™ และ Dolby Audio ทำให้การรับชมมีความประทับใจด้วยภาพที่คมชัดและเสียงที่มีมิติเสมือนจริง
- การออกแบบที่หรูหรา: ดีไซน์ Bezelless หรือขอบหน้าจอที่บางเป็นพิเศษ ทำให้ดูสวยงามและทันสมัย น่าใช้งานในทุกสภาพแวดล้อม
- การเชื่อมต่อที่หลากหลาย: มีการเชื่อมต่อ WiFi ทั้ง 2.4 และ 5G, Bluetooth Version 5, USB, และ HDMI ทำให้สะดวกในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ และเข้าถึงเนื้อหาออนไลน์ได้ง่าย
ข้อควรพิจารณา
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0: แม้ว่าจะรองรับแอปพลิเคชันได้หลากหลาย แต่ก็เป็นเวอร์ชันที่ไม่ใช่เวอร์ชันล่าสุด อาจมีข้อจำกัดในการอัพเดทฟีเจอร์หรือแอปพลิเคชันในอนาคต
- น้ำหนักและขนาด: ด้วยน้ำหนัก 27.5 กิโลกรัมและขนาดที่ใหญ่ อาจทำให้การติดตั้งหรือการย้ายทีวีเป็นเรื่องที่ลำบาก
Hisense 65E7G ทีวีดิจิตอล 4K UHD Android TV ขนาดหน้าจอ 65 นิ้วที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่หลากหลายและการออกแบบที่สวยงามและหรูหรา ด้วยขอบหน้าจอที่บางเป็นพิเศษ ทำให้มีลักษณะเด่นในเรื่องของการแสดงผลภาพและเสียงที่คมชัด ทีวีรองรับการใช้งานแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้หลากหลายผ่านระบบปฏิบัติการ Android 9.0 รวมถึงมีการใช้งานโต้ตอบด้วยเสียงผ่าน Google Assistant ในด้านคุณภาพเสียงและภาพ ทีวีนี้รองรับ Dolby Vision™ HDR, HDR10+, DTS Virtual:X™ และ Dolby Audio ทำให้การรับชมมีความเสมือนจริงและมีมิติเสียงที่ดีเยี่ยม
สำหรับการเชื่อมต่อ มีทั้ง WiFi Built-in ที่รองรับ 2.4 และ 5G, LAN Port, Bluetooth Version 5, USB Ports 2 ช่อง และ HDMI Ports 2 ช่อง ขนาดของทีวีพร้อมขาตั้งคือ 1448x894x290 มม. และไม่มีขาตั้งคือ 1448x834x81 มม. สำหรับการติดตั้งบนผนังใช้มาตรฐาน VESA 200×300 มม. และมีน้ำหนักอยู่ที่ 27.5 กิโลกรัม นอกจากนี้ การรับประกันสินค้า 3 ปี พร้อมบริการที่บ้านและศูนย์บริการที่พร้อมให้ความช่วยเหลือ
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
เราเลือก Hisense 65E7G เพราะมาพร้อมกับคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในหลาย ๆ ด้าน หนึ่งในจุดเด่นคือการออกแบบที่มีความสวยงามและหรูหรา ด้วยขอบหน้าจอที่บางเป็นพิเศษ ช่วยให้การรับชมมีความสมจริงและไม่มีสิ่งกีดขวาง นอกจากนี้ คุณภาพภาพและเสียงที่ได้รับการพัฒนาเพื่อความคมชัดและมีมิติ เช่น Dolby Vision™ HDR, HDR10+, DTS Virtual:X™ และ Dolby Audio ทำให้การรับชมมีความประทับใจและเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ดี
วิธีเลือก Android TV อย่างไรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
การเลือก Android TV ที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในบ้านของคุณสามารถเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาหลายปัจจัย เนื่องจากมีหลากหลายแบรนด์และรุ่นให้เลือกใช้ ต่อไปนี้คือวิธีที่คุณสามารถใช้พิจารณาเพื่อเลือก Android TV ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณ
- ขนาดหน้าจอที่เหมาะสม: เลือกขนาดหน้าจอที่เหมาะสมกับขนาดของห้องและระยะห่างในการชม ปกติแล้วห้องที่มีขนาดใหญ่จะเหมาะกับทีวีที่มีหน้าจอขนาดใหญ่เช่น 55 นิ้วขึ้นไป ส่วนห้องที่มีขนาดเล็กกว่าอาจจะเหมาะกับทีวีขนาด 32-43 นิ้ว
- ความละเอียดของหน้าจอ: ความละเอียดเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกทีวี เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดและสดใส ควรเลือกทีวีที่มีความละเอียดอย่างน้อย Full HD (1080p) แต่ถ้าต้องการประสบการณ์การรับชมที่ยอดเยี่ยม แนะนำให้เลือกทีวีที่มีความละเอียด 4K UHD
- ฟีเจอร์สมาร์ททีวี: ตรวจสอบว่าทีวีรองรับฟีเจอร์สมาร์ททีวี เช่น การสตรีมภาพยนตร์และรายการทีวีจากแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง Netflix, YouTube, และ Amazon Prime Video นอกจากนี้ การควบคุมด้วยเสียงและการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สมาร์ทอื่นๆ ก็ควรพิจารณา
- ระบบเสียง: คุณภาพเสียงเป็นสิ่งสำคัญ เลือกทีวีที่มีระบบเสียงที่ดี มีลำโพงในตัวที่สามารถให้เสียงที่ชัดเจนและมีคุณภาพ หากเป็นไปได้ ควรเลือกทีวีที่รองรับระบบเสียง Dolby Atmos หรือ DTS
- ความสามารถในการเชื่อมต่อ: ตรวจสอบว่าทีวีมีพอร์ตเชื่อมต่อที่เพียงพอ เช่น HDMI, USB, และ Optical Audio เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องเล่นเกม ลำโพง และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้อย่างสะดวก
- การอัปเดตและการรองรับ: เลือกทีวีที่มีการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้คุณได้รับฟีเจอร์ใหม่ๆ และการปรับปรุงประสิทธิภาพ รวมถึงการรองรับแอปพลิเคชันใหม่ๆ ที่อาจจะออกมาในอนาคต
- งบประมาณ: กำหนดงบประมาณในการซื้อทีวี และพิจารณาทีวีที่ให้ความคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป ไม่ควรเสียเงินเกินความจำเป็นหากคุณไม่ต้องการฟีเจอร์ที่มากเกินไป
- รีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้: อ่านรีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้ที่เคยซื้อทีวีรุ่นนั้นๆ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสบการณ์การใช้งานจริง
ตารางเปรียบเทียบ
คุณสมบัติ | ความสำคัญ | หมายเหตุ |
---|---|---|
ขนาดหน้าจอ | สูง | ขนาดใหญ่สำหรับห้องใหญ่ ความละเอียด 4K สำหรับภาพที่ชัดเจน |
การเชื่อมต่อ | สูง | อย่างน้อย 3 พอร์ต HDMI, WiFi และ Bluetooth |
คุณสมบัติอัจฉริยะ | กลาง | Google Assistant และ Chromecast เพิ่มความสะดวก |
คุณภาพเสียง | กลาง | ลำโพงในตัวควรมีคุณภาพสูง, Dolby Atmos สำหรับเสียงมีมิติ |
ราคา | ตามความสมเหตุสมผล | งบประมาณกับคุณสมบัติที่จำเป็นต้องสมดุล |
โดยการพิจารณาจากประเด็นเหล่านี้และอ้างอิงจากตารางเปรียบเทียบ คุณสามารถหา Android TV ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ชื่นชอบการดูหนัง, เล่นเกม หรือแค่ต้องการตัวเลือกความบันเทิงสำหรับครอบครัว
อุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์
การเลือกใช้อุปกรณ์เสริมต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งาน Android TV ของคุณได้ เช่น
- พัดลมไอเย็น: สำหรับการดูทีวีในห้องที่อากาศร้อน พัดลมไอเย็นแบรนด์ที่ดีที่สุดเป็นตัวเลือกที่ดีในการช่วยให้ห้องเย็นสบาย การดูทีวีในห้องที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมจะทำให้คุณรู้สึกสบายและผ่อนคลายมากขึ้น พัดลมไอเย็นไม่เพียงแค่ทำให้อากาศเย็นสบาย แต่ยังช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ ทำให้ห้องไม่แห้งเกินไป
- เครื่องบดกาแฟ: เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบจิบกาแฟในขณะดูทีวี การมีเครื่องบดกาแฟแบรนด์คุณภาพอยู่ที่บ้านช่วยให้คุณได้กาแฟสดใหม่ทุกครั้งที่ต้องการ ความสดของกาแฟที่บดใหม่จะเพิ่มประสบการณ์การดื่มกาแฟของคุณให้ดียิ่งขึ้น คุณสามารถเพลิดเพลินกับการดูทีวีพร้อมกับกาแฟถ้วยโปรดของคุณ
การเลือกอุปกรณ์เสริมที่เหมาะสมจะช่วยให้การดูทีวีของคุณมีความสุขและสนุกมากยิ่งขึ้น
แนะนำแอปพลิเคชันน่าใช้สำหรับผู้ใช้ Android TV
Android TV มีตัวเลือกแอปพลิเคชันมากมายที่จะช่วยเพิ่มประสบการณ์การดูและความบันเทิงของคุณ แอปเหล่านี้ สามารถเปลี่ยนทีวีของคุณให้กลายเป็นศูนย์กลางของทีวีอัจฉริยะ, คอนโซลเกม, หรือสวรรค์ของการสตรีม การเข้าใจว่าแอปพลิเคชันไหนน่าใช้งาน สามารถช่วยปรับปรุงการใช้งานและความสนุกสนานได้อย่างมากสำหรับรายการแอปพลิเคชันที่เราอยากแนะนำมีดังนี้
- บริการสตรีมมิ่ง: แอปเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเข้าถึงภาพยนตร์ รายการทีวี และสารคดีมากมาย
- Netflix: มีคลังเนื้อหาขนาดใหญ่ รวมถึงรายการและภาพยนตร์เฉพาะที่ Netflix
- Amazon Prime Video: ให้บริการภาพยนตร์ รายการทีวี และ Amazon Originals มากมาย
- Disney+: แอปสำหรับเนื้อหาจาก Disney, Pixar, Marvel, Star Wars และ National Geographic
- ทีวีสดและกีฬา: สำหรับผู้ที่ชื่นชอบทีวีสดและกีฬา
- YouTube TV: ให้บริการทีวีสดจากทั่วโลก รวมถึงข่าวและกีฬา
- ESPN: สำหรับแฟนกีฬา ให้บริการการสตรีมเกมส์และข่าวกีฬาสด
- เพลงและเสียง: เปลี่ยน Android TV ของคุณให้เป็นคอนเสิร์ตในบ้านด้วยแอปสตรีมเพลงเหล่านี้
- Spotify: สตรีมเพลงและพอดแคสต์ได้หลายล้านเพลง
- Pandora: ให้บริการสถานีวิทยุที่ปรับแต่งตามความชอบของคุณ
- เกมมิ่ง: เปลี่ยนทีวีของคุณให้เป็นคอนโซลเกมด้วยแอปเหล่านี้
- NVIDIA GeForce Now: สตรีมเกม PC ได้โดยตรงบนทีวีของคุณ
- Steam Link: สตรีมเกมจากคลัง Steam ของคุณมายังทีวี
ตารางแอปพลิเคชันที่แนะนำ:
ประเภทแอป | ชื่อแอป | คุณสมบัติหลัก |
---|---|---|
บริการสตรีมมิ่ง | Netflix | คลังเนื้อหาขนาดใหญ่พร้อมเนื้อหาเฉพาะทาง |
Amazon Prime Video | ภาพยนตร์และรายการทีวีหลากหลายพร้อม Amazon Originals | |
Disney+ | เนื้อหาจาก Disney, Marvel และอื่นๆ | |
ทีวีสดและกีฬา | YouTube TV | ช่องทีวีสดมากกว่า 70 ช่อง |
ESPN | สตรีมกีฬาและข่าวกีฬาสด | |
เพลงและเสียง | Spotify | เพลงและพอดแคสต์ |
Pandora | สถานีวิทยุที่ปรับแต่งตามความชอบ | |
เกมมิ่ง | NVIDIA GeForce Now | สตรีมเกม PC ได้โดยตรงบนทีวี |
Steam Link | สตรีมเกมจากคลัง Steam ของคุณ |
โดยการสำรวจแอปเหล่านี้ คุณสามารถปลดล็อคศักยภาพเต็มรูปแบบของ Android TV ของคุณ ทำให้ทีวีกลายเป็นศูนย์กลางความบันเทิงหลักในบ้านของคุณ ไม่ว่าคุณจะสนใจในภาพยนตร์ กีฬา เพลง หรือแม้แต่การเล่นเกม
วิธีแก้ปัญหาที่พบบ่อยเบื้องต้นใน Android TV
การใช้งาน Android TV บางครั้งก็อาจพบปัญหาได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเชื่อมต่อ, ปัญหากับแอปพลิเคชั่น, หรือแม้แต่การทำงานของตัวเครื่องที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง การรู้วิธีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวเองสามารถช่วยให้คุณประหยัดเวลาและลดความหงุดหงิดได้ สำหรับการแก้ไขปัญหาทั่วไปที่คุณอาจพบเจอกับ Android TV ของคุณ มีวิธีการดังนี้
1. ปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อ Wi-Fi: ตรวจสอบว่า Android TV ของคุณเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่สามารถเชื่อมต่อได้ ให้ลองรีสตาร์ทเราเตอร์และทีวี
- เชื่อมต่อผ่านสาย LAN: ถ้าการเชื่อมต่อ Wi-Fi ยังมีปัญหา ลองใช้สาย LAN เชื่อมต่อทีวีเข้ากับเราเตอร์เพื่อให้ได้การเชื่อมต่อที่เสถียรกว่า
- ตรวจสอบความแรงของสัญญาณ: ตรวจสอบความแรงของสัญญาณ Wi-Fi หากสัญญาณอ่อน ให้ลองย้ายเราเตอร์หรือใช้ Wi-Fi range extender เพื่อขยายสัญญาณ
2. แอปพลิเคชันค้างหรือไม่ตอบสนอง
- รีสตาร์ททีวี: กดปุ่ม Power บนรีโมทค้างไว้เพื่อรีสตาร์ททีวี หรือถอดปลั๊กทีวีแล้วเสียบใหม่
- ล้างแคชและข้อมูลของแอป: ไปที่ การตั้งค่า > แอปพลิเคชัน > เลือกแอปที่มีปัญหา > ล้างแคชและข้อมูล
- อัปเดตแอปพลิเคชัน: ตรวจสอบว่าแอปพลิเคชันที่ใช้อยู่เป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ให้ทำการอัปเดต
3. การสตรีมมิ่งมีปัญหา ภาพกระตุกหรือหยุดชะงัก
- ลดความละเอียดในการสตรีม: ถ้าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่เสถียร ลองลดความละเอียดของการสตรีมลง เช่น จาก 4K เป็น 1080p หรือ 720p
- ปิดแอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง: ไปที่ การตั้งค่า > แอปพลิเคชัน > ปิดแอปที่ไม่จำเป็นเพื่อลดการใช้ทรัพยากร
- ตรวจสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต: ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต หากความเร็วต่ำเกินไปให้ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
4. รีโมทคอนโทรลไม่ทำงาน
- ตรวจสอบแบตเตอรี่: ตรวจสอบว่าแบตเตอรี่ในรีโมทยังมีพลังงานเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่ให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
- รีเซ็ตรีโมท: ลองรีเซ็ตรีโมทโดยการกดปุ่ม Home และปุ่ม Back พร้อมกันค้างไว้ประมาณ 10 วินาที
- จับคู่รีโมทใหม่: ไปที่ การตั้งค่า > รีโมทและอุปกรณ์เสริม > จับคู่รีโมทใหม่
5. ปัญหาภาพหรือเสียงไม่ตรงกัน
- รีสตาร์ททีวีและอุปกรณ์เสริม: ปิดทีวีและอุปกรณ์เสริมทั้งหมดแล้วเปิดใหม่
- ตรวจสอบการตั้งค่าเสียง: ไปที่ การตั้งค่า > เสียง > เลือกอุปกรณ์เสียงที่ถูกต้อง
- อัปเดตซอฟต์แวร์: ตรวจสอบว่าเฟิร์มแวร์ของทีวีเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ให้ทำการอัปเดต
6. ทีวีไม่ตอบสนองต่อการควบคุมด้วยเสียง
- ตรวจสอบไมโครโฟน: ตรวจสอบว่าไมโครโฟนบนรีโมทหรือทีวีไม่ได้ปิดเสียง
- ตั้งค่าใหม่: ไปที่ การตั้งค่า > เสียง > ตั้งค่าใหม่สำหรับการควบคุมด้วยเสียง
- ตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: การควบคุมด้วยเสียงต้องการการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร
การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่พบเจอในการใช้งาน Android TV ได้ด้วยตัวเอง หากปัญหายังคงอยู่ ควรติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของผู้ผลิตเพื่อขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม
จากบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการช่วยคุณเลือก Android TV ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบ้านและไลฟ์สไตล์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณภาพของภาพ เสียงที่คมชัด หรือความสะดวกสบายในการใช้งาน เราเชื่อว่าคำแนะนำของเราจะช่วยให้คุณพบทีวีที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการได้ อย่าลืมเลือกแอปพลิเคชันที่เหมาะสมและรู้วิธีแก้ไขปัญหาเบื้องต้น เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น และที่สำคัญ การศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมและการเปรียบเทียบสินค้าจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
คำถามที่พบบ่อย
1.Android TV คืออะไร?
Android TV เป็นระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาสำหรับทีวีและอุปกรณ์สตรีมมิ่ง ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชัน, เกม, บริการสตรีมมิ่งวิดีโอ และเนื้อหาอื่นๆ ผ่านทีวีของคุณได้ง่ายๆ โดยใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
2.ฉันควรพิจารณาอะไรบ้างเมื่อเลือกซื้อ Android TV?
คุณควรพิจารณาคุณภาพภาพ, คุณภาพเสียง, ความง่ายในการใช้งาน, การเข้าถึงแอปพลิเคชัน และการสนับสนุนการอัปเดตซอฟต์แวร์ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ Android TV ที่ตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณ
3.มีแอปพลิเคชันไหนบ้างที่ควรมีบน Android TV?
นอกเหนือจากแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งวิดีโอยอดนิยม เช่น Netflix, YouTube และ Hulu คุณอาจต้องการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันสำหรับการออกกำลังกาย, เกม, หรือแม้แต่แอปพลิเคชันการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของคุณ
4.ฉันควรทำอย่างไรหากพบปัญหาในการใช้งาน Android TV?
สำหรับการแก้ปัญหาพื้นฐาน ลองรีสตาร์ท Android TV ของคุณและตรวจสอบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต หากปัญหายังคงอยู่ คุณสามารถค้นหาคำแนะนำการแก้ไขปัญหาบนเว็บไซต์ของผู้ผลิตหรือในฟอรัมชุมชนออนไลน์ สำหรับปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น และอาจต้องติดต่อทางแบรนด์เพื่อสอบถามเพิ่มเติม