10 พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ยี่ห้อไหนดี ลายสวยเป็นธรรมชาติ แข็งแรงคงทน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

Cover-405-พื้นไม้เอ็นจิเนียร์

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์เป็นพื้นไม้ที่ผลิตจากชั้นของไม้หลายชั้นที่ประกอบกัน เพื่อเพิ่มความทนทานและความสามารถในการต้านทานการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้นได้ดีกว่าไม้ทั่วไป ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับบ้านหลายแห่ง เพราะมีลักษณะที่สวยงามและให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนพื้นไม้จริง ในบทความนี้จะแนะนำ 10 แบรนด์พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ดีที่สุด ที่คัดสรรมาอย่างดี เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการของพื้นที่ในบ้านของคุณ แต่ละแบรนด์จะมีได้เลือกจากหลักเกณฑ์ที่สำคัญ เช่น วัสดุที่ใช้ในการผลิต ซึ่งมีผลต่อความทนทาน ขนาดหน้ากว้างของพื้นไม้ และความเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ใช้งาน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของทุกสไตล์บ้าน นอกจากนี้ ยังมีหัวข้อเสริมที่จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าวัสดุที่ใช้ผลิตพื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีผลต่อความทนทานอย่างไร วิธีการเลือกพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ให้เหมาะกับสไตล์บ้านของคุณ และข้อควรระวังในการติดตั้งเพื่อความทนทาน เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นที่คุณจะได้รับทั้งความสวยงามและคุณภาพที่ยาวนาน

หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า

ในการจัดอันดับแบรนด์พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ดีที่สุดมาเสนอให้กับผู้อ่าน ได้พิจารณาจากหลักเกณฑ์ที่สำคัญ เพื่อให้ทุกคนสามารถเลือกใช้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการและเหมาะสมกับบ้านของตนเองมากที่สุด ดังนี้

  • คุณภาพของวัสดุ: เราพิจารณาคุณภาพของวัสดุที่ใช้ผลิต รวมถึงชนิดของไม้และความแข็งแรงของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ในแต่ละแบรนด์ เช่น ไม้จริง ไม้โอ๊ค และไม้เมเปิ้ล เป็นต้น
  • ความทนทานต่อสภาพแวดล้อม: การทดสอบความสามารถในการทนต่อความชื้นและการขีดข่วน เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นไม้สามารถใช้งานได้ยาวนานและรักษาคุณสมบัติเดิมได้ดี
  • การรับรองมาตรฐาน: แบรนด์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ เช่น FSC สำหรับการจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน และมาตรฐานสิ่งแวดล้อมอื่นๆ
  • ความสวยงามและลวดลายของไม้: การเลือกลวดลายที่สวยงามและเหมือนไม้จริงมากที่สุด โดยมองหาความละเอียดและความเป็นธรรมชาติของผิวไม้
  • ขนาดหน้ากว้างของพื้นไม้: การเลือกหน้ากว้างที่เหมาะสมกับขนาดและสไตล์ของห้อง เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานและความต้องการของพื้นที่
  • ความยืดหยุ่นในการติดตั้ง: พื้นไม้ที่สามารถติดตั้งได้หลายรูปแบบ เช่น การติดตั้งแบบลอย การติดตั้งแบบใช้กาว หรือการติดตั้งแบบตะปู เพื่อความง่ายในการใช้งาน
  • ราคาและความคุ้มค่า: เปรียบเทียบราคาของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์จากแต่ละแบรนด์ เพื่อให้เหมาะสมกับงบประมาณและคุ้มค่ากับคุณภาพที่ได้รับ
  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: พิจารณาว่าวัสดุที่ใช้มาจากแหล่งที่ยั่งยืนและกระบวนการผลิตที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม

10 อันดับ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์

1. THE BIG PLANK รุ่น EB01 White Oak

1-THE-BIG-PLANK-รุ่น-EB01-White-Oak

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ THE BIG PLANK รุ่น EB01 White Oak เป็นพื้นไม้จริงที่ทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง และความชื้น มีคุณสมบัติกันปลวก 100% และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

วัสดุที่ใช้ผลิตไม้จริง
เหมาะกับขนาดพื้นที่2.888 ตร.ม.
หน้ากว้าง8 นิ้ว

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

THE BIG PLANK รุ่น EB01 White Oak เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้จริง โดยมีขนาดหน้ากว้าง 8 นิ้ว (ประมาณ 190 มิลลิเมตร) และมีพื้นที่การใช้งานที่เหมาะสมกับขนาด 2.888 ตารางเมตร ตัวพื้นไม้ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง และความชื้นได้ดี พร้อมคุณสมบัติกันปลวก 100% โดยมีผิว veneer หนาถึง 3 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยเพิ่มความทนทานในการใช้งานภายในบ้าน พื้นไม้รุ่นนี้ได้รับการรับรองมาตรฐานกาว D3/D4 และมาตรฐาน E0 ซึ่งปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต ราคาอยู่ที่ 10,044 บาท นอกจากนี้ พื้นไม้ THE BIG PLANK ยังมาจากฟาร์มปิดที่ปลูกไม้เพื่อใช้ทำพื้นไม้โดยเฉพาะ ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเหมาะสำหรับการตกแต่งภายในที่ต้องการความคงทนและสวยงามตามธรรมชาติ

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

พื้นไม้ THE BIG PLANK รุ่น EB01 White Oak เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีความทนทานสูงต่อสารเคมี กรด ด่าง และความชื้น พร้อมคุณสมบัติกันปลวก 100% และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เหมาะสำหรับการตกแต่งภายในที่ต้องการความสวยงามและความคงทนในระยะยาว

2. A LA CARTE รุ่น E09

2-A-LA-CARTE-รุ่น-E09

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ A LA CARTE รุ่น E09 ผลิตจากไม้บีชเนื้อแข็งที่ทนทานต่อความชื้น สารเคมี และความร้อน พร้อมคุณสมบัติกันปลวกและน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการติดตั้งภายในบ้าน

วัสดุที่ใช้ผลิตไม้บีชเนื้อแข็ง
เหมาะกับขนาดพื้นที่2.275 ตร.ม.
หน้ากว้าง5 นิ้ว

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

A LA CARTE รุ่น E09 เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้บีช (Beech) เนื้อแข็ง โดยมีขนาดหน้ากว้าง 5 นิ้ว (ประมาณ 125 มิลลิเมตร) และเหมาะกับขนาดพื้นที่ 2.275 ตารางเมตร ไม้พื้นรุ่นนี้มีคุณสมบัติทนต่อความชื้นด้วยสารเคลือบพิเศษที่ช่วยป้องกันความชื้นเข้าสู่เนื้อไม้ชั้นกลาง และยังมีการเคลือบน้ำยากันปลวกเพื่อยืดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีความทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง และความร้อน โดยได้รับการรับรองมาตรฐานกาว D3/D4 และมาตรฐาน E0 ที่ปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต ไม้พื้น A LA CARTE รุ่น E09 มาพร้อมกับความหนาของผิว veneer 2-3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเบากว่าไม้โอ๊ค ซึ่งทำให้สะดวกในการติดตั้งภายใน ราคาอยู่ที่ 7,490 บาท

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

พื้นไม้ A LA CARTE รุ่น E09 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะทนทานต่อความชื้น สารเคมี กรด ด่าง และความร้อน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติกันปลวกและน้ำหนักเบากว่าไม้โอ๊ค ทำให้ติดตั้งง่ายและใช้งานได้ยาวนานในราคาที่คุ้มค่า

3. BUMRUNGTHAI Golden Thai Teak รุ่น SKU: 1175307

3-BUMRUNGTHAI-Golden-Thai-Teak

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ BUMRUNGTHAI Golden Thai Teak รุ่น SKU: 1175307 โดดเด่นด้วยผิวไม้สักแท้ที่ทนทานและสวยงาม มีการป้องกันปลวกอย่างดี

วัสดุที่ใช้ผลิตผิวไม้สักแท้ที่เคลือบสียูวีอะคริลิก
เหมาะกับขนาดพื้นที่2.275 ตร.ม.
หน้ากว้าง12.5 ซม.

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

BUMRUNGTHAI Golden Thai Teak รุ่น SKU: 1175307 เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากผิวไม้สักแท้ เคลือบด้วยสียูวีอะคริลิกแล็กเกอร์ 8-11 ชั้น เพื่อเพิ่มความทนทานต่อรอยขีดข่วน แรงกดทับ และแรงกระแทก พื้นไม้รุ่นนี้มีขนาดหน้ากว้าง 12.5 เซนติเมตร และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 2.275 ตารางเมตร โครงสร้างไม้อัดสลับเสี้ยนช่วยป้องกันการบิดโก่ง และได้รับการอบไม้และทาน้ำยากันปลวกอย่างดี ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยเน้นใช้งานภายในบ้านหรืออาคารเท่านั้น ราคาอยู่ที่ 6,600 บาท พื้นไม้ BUMRUNGTHAI รุ่นนี้มาพร้อมลวดลายและสีสันของไม้สักไทยที่ดูเป็นธรรมชาติ ทำให้บ้านหรืออาคารดูมีสไตล์และสวยงาม

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

พื้นไม้ BUMRUNGTHAI Golden Thai Teak รุ่น SKU: 1175307 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะผลิตจากผิวไม้สักแท้ที่มีความทนทานสูงต่อรอยขีดข่วน แรงกดทับ และแรงกระแทก อีกทั้งยังมีการป้องกันปลวกอย่างดี ทำให้ใช้งานได้ยาวนาน และเพิ่มความสวยงามแบบธรรมชาติให้กับพื้นที่ภายในบ้านหรืออาคาร

4. Leowood iWood รุ่น Walnut Oak 125

4-Leowood-iWood-รุ่น-Walnut-Oak-125

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Leowood iWood รุ่น Walnut Oak 125 ผลิตจากไม้มะค่าเกรด AAA ที่มีคุณสมบัติกันปลวกและมอดได้ยาวนานถึง 5 ปี มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกระแทกสูง

วัสดุที่ใช้ผลิตไม้มะค่า
เหมาะกับขนาดพื้นที่2.87 ตร.ม.
หน้ากว้าง198 ซม.

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Leowood iWood รุ่น Walnut Oak 125 เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้มะค่าเกรด AAA จากแอฟริกา โดยมีขนาดหน้ากว้าง 198 มิลลิเมตร และเหมาะกับพื้นที่ขนาด 2.87 ตารางเมตร พื้นไม้รุ่นนี้มีคุณสมบัติ Anti-Termite โดยการอัดน้ำยากันปลวกในทุกชั้นไม้ รับประกันการป้องกันปลวกและมอดได้นานถึง 5 ปี ตัวพื้นไม้ยังผ่านการเก็บรายละเอียดด้วยการลบมุมขอบข้างรอบแผ่นไม้ เพื่อเพิ่มความสวยงาม และมีระบบร่องลิ้น (Tongue & Groove) ช่วยเพิ่มการยึดติดของชั้นเนื้อไม้ ลดการเลื่อนหลุด ผิวหน้ามีความทนทานต่อรอยขีดข่วนสูงระดับ AC3 และรองรับแรงกระแทกได้สูงระดับ IC 2-3 พื้นไม้รุ่นนี้ผลิตจาก HDF Board ความหนาแน่นสูงถึง 830 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และมีอัตราบวมน้ำต่ำกว่า 12% เพื่อลดปัญหาจากน้ำและความชื้น ราคาอยู่ที่ 2,385 บาท

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

พื้นไม้ Leowood iWood รุ่น Walnut Oak 125 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะผลิตจากไม้มะค่าเกรด AAA ที่มีคุณสมบัติกันปลวกและมอดได้นานถึง 5 ปี พร้อมความทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกระแทกสูง ทำให้มั่นใจได้ในความคงทนและการใช้งานที่ยาวนานในราคาที่คุ้มค่า

5. THE BIG PLANK รุ่น EBP05 White Oak

5-THE-BIG-PLANK-รุ่น-EBP05-White-Oak

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ THE BIG PLANK รุ่น EBP05 White Oak โดดเด่นด้วยลวดลายไม้โอ๊คธรรมชาติ ผิว veneer หนา 4 มิลลิเมตร และคุณสมบัติกันปลวก 100% พร้อมความทนทานต่อสารเคมีและความร้อน

วัสดุที่ใช้ผลิตไม้โอ๊ค
เหมาะกับขนาดพื้นที่2.888 ตร.ม.
หน้ากว้าง8 นิ้ว

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

THE BIG PLANK รุ่น EBP05 White Oak เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้โอ๊ค (Oak) โดยมีขนาดหน้ากว้าง 8 นิ้ว (ประมาณ 190 มิลลิเมตร) และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 2.888 ตารางเมตร รุ่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ Plus+ ซึ่งเน้นการดึงความสวยงามของไม้โอ๊คออกมาให้เด่นชัด โดยใช้เทคโนโลยีการทำสีพิเศษด้วยมือบนผิว veneer ที่หนาถึง 4 มิลลิเมตร เพื่อรักษาความงามที่เป็นธรรมชาติของลวดลายไม้ นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติกันปลวก 100% ทนต่อสารเคมี กรด ด่าง และความร้อน พื้นไม้รุ่นนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐานกาว D3/D4 และมาตรฐาน E0 ซึ่งปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต ราคาอยู่ที่ 11,743 บาท โดยมีสี B-Heritage Gray เป็นสีหลัก พร้อมตัวเลือกสีอื่น ๆ อีก 5 สีในซีรีส์เดียวกัน

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

พื้นไม้ THE BIG PLANK รุ่น EBP05 White Oak เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะเน้นความสวยงามของลวดลายไม้โอ๊คธรรมชาติ มีผิว veneer หนาถึง 4 มิลลิเมตร ทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง และความร้อน พร้อมคุณสมบัติกันปลวก 100% ทำให้มั่นใจได้ในความคงทนและความปลอดภัยในการใช้งาน

6. A LA CARTE รุ่น E19-1 SB-Coffee

6-A-LA-CARTE-รุ่น-E19-1-SB-Cofee

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ A LA CARTE รุ่น E19-1 SB-Coffee โดดเด่นด้วยลายไม้สีเข้มแบบกาแฟดำ พร้อมการเคลือบ UV Oil และ Aluminium Oxide เพื่อความทนทาน มีคุณสมบัติป้องกันความชื้นและปลวก ติดตั้งง่ายและปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต

วัสดุที่ใช้ผลิตไม้บีชเนื้อแข็ง
เหมาะกับขนาดพื้นที่2.888 ตร.ม.
หน้ากว้าง5 นิ้ว

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

A LA CARTE รุ่น E19-1 SB-Coffee เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้บีชเนื้อแข็ง มีขนาดหน้ากว้าง 5 นิ้ว (ประมาณ 125 มิลลิเมตร) และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 2.888 ตารางเมตร พื้นไม้รุ่นนี้โดดเด่นด้วยลายไม้สีเข้มแบบกาแฟดำ (SB-Coffee) ที่คมชัดและไม่ซ้ำกันในแต่ละแผ่น หน้าไม้ถูกเคลือบด้วย UV Oil และ Aluminium Oxide เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันการหลุดร่อนของหน้าไม้ นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติป้องกันความชื้นและทาน้ำยากันปลวกเพื่อยืดอายุการใช้งาน พื้นไม้รุ่นนี้ติดตั้งง่ายด้วยระบบลิ้น (Tongue & Groove) และได้รับการรับรองมาตรฐานกาว D3/D4 และมาตรฐาน E0 ซึ่งปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต ราคาอยู่ที่ 6,599 บาท

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

พื้นไม้ A LA CARTE รุ่น E19-1 SB-Coffee เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีลายไม้สีเข้มที่คมชัดและไม่ซ้ำกันในแต่ละแผ่น พร้อมการเคลือบ UV Oil และ Aluminium Oxide เพื่อความทนทาน ป้องกันความชื้นและปลวกได้ดี ทำให้มั่นใจในความแข็งแรงและการใช้งานที่ยาวนานในราคาที่คุ้มค่า

7. BUMRUNGTHAI Cloudy Oak รุ่น SKU: 1175423

7-BUMRUNGTHAI-Cloudy-Oak-รุ่น-SKU-1175423

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ BUMRUNGTHAI Cloudy Oak รุ่น SKU: 1175423 ผลิตจากไม้โอ๊คคุณภาพสูง มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกระแทก พร้อมสีโทนอ่อนที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศสบายตาภายในบ้าน

วัสดุที่ใช้ผลิตไม้โอ๊ค
เหมาะกับขนาดพื้นที่2.275 ตร.ม.
หน้ากว้าง12.5 ซม.

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

BUMRUNGTHAI Cloudy Oak รุ่น SKU: 1175423 เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้โอ๊คคุณภาพสูง โดยมีขนาดหน้ากว้าง 12.5 เซนติเมตร และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 2.275 ตารางเมตร พื้นไม้รุ่นนี้มีผิวหน้าที่เคลือบด้วยสียูวีอะคริลิกแล็กเกอร์ 8-11 ชั้น เพื่อเพิ่มความทนทานต่อรอยขีดข่วน แรงกด และแรงกระแทก โครงสร้างไม้อัดสลับเสี้ยนช่วยป้องกันการบิดโก่ง และผ่านกระบวนการอบไม้และอัดน้ำยากันปลวกอย่างดี สี Cloudy Oak เป็นสีโทนอ่อนที่ช่วยเพิ่มความสบายตาและบรรยากาศที่น่าอยู่ภายในบ้าน ราคาอยู่ที่ 4,500 บาท พื้นไม้รุ่นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ภายในบ้านหรืออาคาร และควรติดตั้งบนพื้นที่เรียบ แห้งสนิท และสะอาดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

พื้นไม้ BUMRUNGTHAI Cloudy Oak รุ่น SKU: 1175423 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะผลิตจากไม้โอ๊คคุณภาพสูง มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกระแทก อีกทั้งยังมีสีโทนอ่อนที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศสบายตาภายในบ้าน ในราคาที่คุ้มค่า

8. Naturwood Grey Oak รุ่น SKU 10102190

8-Naturwood-Grey-Oak-รุ่น-SKU-10102190

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Naturwood Grey Oak รุ่น SKU 10102190 ผลิตจากไม้โอ๊คยุโรปเกรด A+++ มีผิวหน้าหนาถึง 3 มิลลิเมตร ทนทานต่อการพองตัวและบิดโก่ง

วัสดุที่ใช้ผลิตไม้โอ๊ค
เหมาะกับขนาดพื้นที่1.35 ตร.ม.
หน้ากว้าง5 นิ้ว

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Naturwood Grey Oak รุ่น SKU 10102190 เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้โอ๊คยุโรปเกรด A+++ โดยมีขนาดหน้ากว้าง 5 นิ้ว (ประมาณ 12.5 เซนติเมตร) และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 1.35 ตารางเมตร พื้นไม้รุ่นนี้มีความหนาผิวหน้า 3 มิลลิเมตร ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานพื้นไม้ทั่วไปในตลาด ทำให้สามารถขัดสีใหม่ได้หลายรอบ ผิวไม้ถูกเคลือบด้วย UV Lacquer 8 ชั้น ช่วยเพิ่มความทนทานและป้องกันการพองตัวและบิดโก่ง ทำให้พื้นไม้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทย พื้นไม้รุ่นนี้ยังติดตั้งง่ายด้วยระบบลิ้นรางและผ่านการอบแห้งที่ได้มาตรฐาน โครงสร้าง HDF มีความแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งาน ราคาอยู่ที่ 2,897 บาท

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

พื้นไม้ Naturwood Grey Oak รุ่น SKU 10102190 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะผลิตจากไม้โอ๊คยุโรปเกรด A+++ ที่มีผิวหน้าหนาถึง 3 มิลลิเมตร สามารถขัดสีใหม่ได้หลายรอบ พร้อมเคลือบ UV Lacquer 8 ชั้น ทำให้ทนทานต่อการพองตัวและบิดโก่ง เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทย ในราคาที่คุ้มค่า

9. Leowood iWood รุ่น Prestige

9-Leowood-iWood-รุ่น-Prestige

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Leowood iWood รุ่น Prestige ผลิตจากไม้โอ๊คเนื้อดีนำเข้าจากอเมริกา มีความทนทานสูงต่อรอยขีดข่วน ติดตั้งง่าย และรับประกันการป้องกันปลวกและมอดยาวนานถึง 5 ปี

วัสดุที่ใช้ผลิตผิวหน้าเนื้อไม้โอ๊ค
เหมาะกับขนาดพื้นที่2.7 ตร.ม.
หน้ากว้าง15.00cm

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Leowood iWood รุ่น Prestige เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่มีผิวหน้าเนื้อไม้โอ๊ค (White Oak) นำเข้าจากอเมริกา ขนาดหน้ากว้าง 15 เซนติเมตร และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 2.7 ตารางเมตร ผิวหน้าไม้เคลือบด้วยสียูวีอะคริลิคแล็กเกอร์ 8 ชั้น เพื่อเพิ่มความทนทานและป้องกันรอยขีดข่วน สามารถขัดทำสีใหม่ได้หากมีรอยเกิดขึ้นหลังการใช้งานหลายปี นอกจากนี้ พื้นไม้รุ่นนี้ยังติดตั้งง่ายด้วยระบบคลิกล็อกและมีลักษณะขอบเหลี่ยม 90 องศา เหมาะสำหรับการตกแต่งบ้านในสไตล์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องครัว หรือห้องนั่งเล่น ราคาอยู่ที่ 1,226 บาท พื้นไม้รุ่นนี้ยังคงรับประกันคุณภาพการป้องกันปลวกและมอดยาวนานถึง 5 ปี

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

พื้นไม้ Leowood iWood รุ่น Prestige เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะผลิตจากไม้โอ๊คเนื้อดีนำเข้าจากอเมริกา เคลือบด้วยสียูวีอะคริลิคแล็กเกอร์ 8 ชั้น เพื่อเพิ่มความทนทานและป้องกันรอยขีดข่วน อีกทั้งยังติดตั้งง่ายด้วยระบบคลิกล็อก และรับประกันการป้องกันปลวกและมอดนานถึง 5 ปี ทำให้มั่นใจได้ในความคุ้มค่าและความทนทานในการใช้งาน

10. TAPIO สีไม้โอ๊ค รุ่น PH047

10-TAPIO-สีไม้โอ๊ค-รุ่น-PH-047

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ TAPIO สีไม้โอ๊ค รุ่น PH047 ผลิตจากไม้แท้ที่มีความทนทานต่อการขีดข่วนและป้องกันการบิดโก่ง ด้วยโครงสร้างไม้อัดสลับเสี้ยน

วัสดุที่ใช้ผลิตไม้แท้
เหมาะกับขนาดพื้นที่1.22 ตร.ม.
หน้ากว้าง45 cm

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

TAPIO สีไม้โอ๊ค รุ่น PH047 เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้แท้ โดยมีขนาดหน้ากว้าง 45 เซนติเมตร และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 1.22 ตารางเมตร รุ่นนี้มีลวดลายสวยงามเสมือนไม้จริง และผิวหน้าทนทานต่อการขีดข่วน โครงสร้างไม้อัดสลับเสี้ยนช่วยเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันการบิดโก่ง นอกจากนี้ยังผ่านกระบวนการอบไม้และอัดน้ำยากันปลวกอย่างดี พื้นไม้รุ่นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านหลากหลายรูปแบบ สามารถติดตั้งและรื้อถอนง่าย รวมถึงการดูแลรักษาและทำความสะอาดที่สะดวก ราคาอยู่ที่ 3,644 บาทต่อกล่อง โดย 1 กล่องประกอบด้วย 6 แผ่น ซึ่งเพียงพอสำหรับปูพื้นที่ขนาด 1.22 ตารางเมตร

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

พื้นไม้ TAPIO สีไม้โอ๊ค รุ่น PH047 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะผลิตจากไม้แท้ที่มีลวดลายสวยงามเสมือนไม้จริง พร้อมความทนทานต่อการขีดข่วน โครงสร้างไม้อัดสลับเสี้ยนช่วยเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันการบิดโก่ง ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านหลากหลายรูปแบบ ติดตั้งง่ายและดูแลรักษาสะดวก

วัสดุที่ใช้ผลิตพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ มีผลต่อความทนทานอย่างไร?

405-วิธีการเลือกพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ให้เหมาะกับสไตล์บ้านของคุณ

ความสำคัญของวัสดุที่ใช้ในการผลิตพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ การเลือกวัสดุที่ใช้ในการผลิตพื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีผลอย่างมากต่อความทนทานและความสวยงามของพื้นไม้ เนื่องจากพื้นไม้เอ็นจิเนียร์นั้นประกอบด้วยชั้นไม้ที่ถูกบีบอัดเข้าด้วยกัน วัสดุที่ใช้จึงต้องทนทานต่อความชื้นและการขีดข่วนได้ดี

  • ไม้จริง: ให้ความรู้สึกอบอุ่นและความงามธรรมชาติ
  • ไม้บีช: ทนต่อการเสียดสีและแรงกดดันสูง
  • ไม้โอ๊ค: มีลวดลายที่สวยงามและทนทานต่อการหดตัว
  • ไม้เมเปิ้ล: มีความสว่างและช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น
  • ไม้มะค่า: ทนทานและมีความหนาแน่นสูง

ตารางเปรียบเทียบวัสดุต่าง ๆ

วัสดุคุณสมบัติความทนทานต่อความชื้นความทนทานต่อการขีดข่วน
ไม้จริงความงามธรรมชาติปานกลางสูง
ไม้บีชทนต่อแรงกดดันสูงสูงมาก
ไม้โอ๊คลวดลายสวยงามสูงสูง
ไม้เมเปิ้ลสว่าง ช่วยให้ห้องดูกว้างปานกลางปานกลาง
ไม้มะค่าความหนาแน่นสูงสูงมากสูงมาก

การเลือกวัสดุที่ใช้ในการผลิตพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสวยงามและความรู้สึกใช้งานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการทนต่อสภาพแวดล้อมในบ้าน เช่น ความชื้นและการใช้งานที่หนักหน่วง ดังนั้น การเลือกวัสดุควรพิจารณาจากลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อมในแต่ละบ้านด้วย

การเลือกกาวติดไม้และทริมเมอร์เพื่อการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่มีประสิทธิภาพ

เมื่อพูดถึงการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ การเลือกกาวติดไม้และทริมเมอร์ที่เหมาะสมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะกาวติดไม้ที่ดีสามารถช่วยเพิ่มความทนทานของพื้นไม้ได้เป็นอย่างดี และทริมเมอร์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การตัดแต่งขอบไม้เป็นไปอย่างแม่นยำ ด้วยเหตุนี้ การเลือกกาวและอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตั้งจึงควรเหมาะสมกับชนิดของไม้และสภาพแวดล้อมที่พื้นไม้จะต้องเผชิญ การเลือกกาวติดไม้ยี่ห้อไหนดีนั้นมีประเภทของกาวติดไม้ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานของคุณ เช่น กาวโพลียูรีเทน มีคุณสมบัติทนน้ำและความชื้นได้ดี เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความชื้นสูง กาวอีพ็อกซี่จะให้การยึดเกาะที่แข็งแรง ทนทานต่อการเสียดสีและแรงกระแทก หรือกาวสำหรับไม้สูตรพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อไม้ ช่วยให้การติดตั้งพื้นไม้มีความแข็งแรงและยาวนาน

ส่วนการเลือกทริมเมอร์ควรดูที่มีใบมีดคมและสามารถปรับได้หลายระดับ ขอแนะนำ 10 อันดับทริมเมอร์ที่ดีที่สุด เพื่อความแม่นยำในการตัดและแต่งพื้นไม้ หากพื้นที่การติดตั้งมีลักษณะพิเศษ เช่น มุมแคบหรือซอกมุม การเลือกทริมเมอร์ที่มีขนาดเล็กและเคลื่อนย้ายได้ง่ายจะช่วยให้การตัดแต่งทำได้ดีขึ้น ดังนั้น การเลือกวัสดุและอุปกรณ์ที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้การติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีความแข็งแรงและทนทานเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การบำรุงรักษาในระยะยาวง่ายขึ้น ทำให้พื้นไม้ของคุณสวยงามและใช้งานได้ยาวนานอย่างไม่มีปัญหา


วิธีการเลือกพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ให้เหมาะกับสไตล์บ้านของคุณ

405-วิธีการเลือกพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ให้เหมาะกับสไตล์บ้านของคุณ

การเลือกพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่เข้ากับสไตล์ของบ้านไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงามให้กับบ้านของคุณ แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่ลงตัวและสะท้อนตัวตนของคุณอีกด้วย วิธีการเลือกที่ถูกต้องสามารถทำให้ห้องดูกว้างขึ้น มีเสน่ห์มากขึ้น และใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น

  • การพิจารณาสไตล์บ้าน: สไตล์ของบ้านคุณเป็นโมเดิร์นหรือคลาสสิก หากเป็นโมเดิร์น อาจเลือกพื้นไม้ที่มีสีอ่อนและหน้ากว้าง ส่วนบ้านแนวคลาสสิกอาจเหมาะกับไม้สีเข้มและลวดลายเรียบง่าย
  • การเลือกสีพื้นไม้: สีของพื้นไม้ควรเข้ากับเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายใน สีอ่อนช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งในขณะที่สีเข้มให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นส่วนตัว
  • การพิจารณาขนาดหน้ากว้างของพื้นไม้: พื้นไม้ที่มีหน้ากว้างให้ความรู้สึกทันสมัยและเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับห้องขนาดใหญ่ สำหรับห้องเล็ก พื้นไม้ที่มีหน้ากว้างเล็กลงอาจช่วยให้ห้องดูเรียบร้อยและกว้างขึ้น
  • ความทนทานของวัสดุ: พิจารณาความต้องการใช้งานจริงในบ้านของคุณ เลือกวัสดุที่สามารถทนต่อการเสียดสีและความชื้นสูงหากบ้านคุณมีการใช้งานหนักหรือมีสัตว์เลี้ยง

การเลือกพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่เหมาะสมกับสไตล์บ้านของคุณไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อการใช้งานและความทนทาน แต่ยังช่วยให้บ้านของคุณมีบรรยากาศที่ดูสมบูรณ์แบบและน่าอยู่อีกด้วย การเลือกอย่างมีสติและเหมาะสมจะช่วยให้พื้นไม้ของคุณสามารถใช้งานได้ยาวนาน พร้อมกับการเพิ่มความงามให้กับบ้านของคุณในทุก ๆ วัน

ข้อควรระวังในการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์เพื่อความทนทาน

405-ข้อควรระวังในการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์เพื่อความทนทาน

การติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์อย่างถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อยืดอายุการใช้งานและคงความสวยงามของพื้นไว้ได้นานที่สุด ผู้ที่กำลังค้นหาพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ควรให้ความสำคัญกับขั้นตอนการติดตั้งเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

  • การตรวจสอบความเรียบของพื้นฐาน: ก่อนการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นฐานเรียบและไม่มีความชื้นสูง เพื่อป้องกันการบวมหรือยุบตัวของพื้นไม้
  • การใช้วัสดุรองพื้นที่เหมาะสม: การเลือกใช้วัสดุรองพื้นที่เหมาะสมจะช่วยลดเสียงกระทบและความเสียหายจากความชื้น วัสดุรองพื้นควรสามารถป้องกันความชื้นได้ดีและเหมาะสมกับประเภทของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ใช้
  • การเลือกวิธีติดตั้งที่เหมาะสม: มีวิธีการติดตั้งพื้นไม้หลายแบบ เช่น การติดตั้งแบบลอย แบบติดกาว หรือแบบใช้ตะปู แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกัน ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในบ้าน
  • การป้องกันและการดูแลรักษาหลังการติดตั้ง: หลังจากติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์แล้ว ควรหลีกเลี่ยงการเดินทับหรือวางของหนักๆ บนพื้นในช่วงแรก และควรทำความสะอาดพื้นอย่างเหมาะสม เพื่อคงความสวยงามและความทนทานของพื้นไม้ไว้นานที่สุด

การใส่ใจในรายละเอียดและการเตรียมการอย่างรอบคอบก่อนการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์จะช่วยลดปัญหาในอนาคตและเพิ่มความทนทานของพื้นไม้ ทำให้บ้านของคุณมีพื้นที่ใช้สอยที่สวยงามและมีคุณภาพอยู่เสมอ

การเลือกพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่เหมาะสมสำหรับบ้านของคุณควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น วัสดุที่ใช้ในการผลิต ขนาดหน้ากว้างของพื้น และความเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ใช้งาน เพื่อให้ได้พื้นที่ไม่เพียงแต่สวยงามแต่ยังทนทาน บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลของ 10 แบรนด์พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ดีที่สุด โดยมีการอธิบายถึงวัสดุที่ใช้ ขนาดหน้ากว้าง และความเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ใช้สอย เพื่อช่วยให้คุณเลือกพื้นที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องความสวยงามและความคงทน นอกจากนี้ ยังมีหัวข้อเสริมที่แนะนำวิธีการเลือกพื้นไม้ให้เข้ากับสไตล์บ้าน และข้อควรระวังในการติดตั้งเพื่อยืดอายุการใช้งานของพื้นไม้ เพื่อให้คุณได้พื้นไม้ที่มีคุณภาพและใช้งานได้ยาวนานตามความต้องการ

คำถามที่พบบ่อย

1. วัสดุใดบ้างที่ใช้ในการผลิตพื้นไม้เอ็นจิเนียร์และมีผลต่อความทนทานอย่างไร?

พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ผลิตจากหลายชนิดของไม้ เช่น ไม้จริง, ไม้บีช, ไม้โอ๊ค, ไม้เมเปิ้ล และไม้มะค่า ซึ่งแต่ละชนิดมีความทนทานต่อความชื้นและการขีดข่วนที่แตกต่างกัน การเลือกวัสดุที่เหมาะสมจะช่วยให้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและดูสวยงาม

2. การเลือกพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ให้เหมาะกับสไตล์บ้านควรพิจารณาอะไรบ้าง?

ควรพิจารณาสไตล์ของบ้าน สีของพื้นไม้ที่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายใน รวมถึงขนาดหน้ากว้างของพื้นไม้ การเลือกสีและขนาดที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศและความสวยงามให้กับบ้าน

3. มีข้อควรระวังอะไรบ้างในการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์?

ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นฐานเรียบและไม่มีความชื้นสูงก่อนการติดตั้ง ใช้วัสดุรองพื้นที่เหมาะสมเพื่อลดเสียงกระทบและป้องกันความชื้น และเลือกวิธีติดตั้งที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในบ้าน

4. การดูแลรักษาพื้นไม้เอ็นจิเนียร์หลังจากติดตั้งมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

หลีกเลี่ยงการเดินทับหรือวางของหนัก ๆ บนพื้นในช่วงแรกหลังการติดตั้ง และควรทำความสะอาดพื้นไม้เอ็นจิเนียร์อย่างสม่ำเสมอด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การใช้ไม้ถูพื้นที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อพื้นไม้

Scroll to Top