10 อันดับ BHA ที่ได้รับความนิยม ขจัดเซลล์ผิว ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก

Cover-460-bha

BHA (Beta Hydroxy Acid) เป็นสารเคมีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยเฉพาะสำหรับการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและช่วยทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก มีคุณสมบัติที่สามารถละลายในน้ำมัน จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวมันหรือมีปัญหาสิว การใช้ BHA ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ลดการเกิดสิวหัวดำ และช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน สม่ำเสมอ ทำให้ผิวหน้าดูสดใสและสุขภาพดีขึ้น บทความนี้จะนำเสนอ 10 แบรนด์ BHA ที่ได้รับความนิยมและผ่านการคัดสรรตามเกณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการดูแลผิว โดยจะอธิบายแบรนด์แต่ละแบรนด์ในเชิงลึก พร้อมคำแนะนำและเหตุผลที่คุณควรพิจารณาเลือกใช้

นอกจากนั้นเราจะกล่าวถึงความหมายของ BHA คุณสมบัติ และประโยชน์ต่อผิว พร้อมคำแนะนำวิธีการใช้ BHA อย่างปลอดภัย และการดูแลผิวหลังใช้ รวมถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและวิธีป้องกัน อย่างไรก็ตามแม้สารสำคัญอย่าง BHA นั้นสามารถช่วยให้ผิวของคุณดูสดใสและเรียบเนียนขึ้นได้ แต่การใช้งานที่ถูกวิธีและการดูแลอย่างเหมาะสมจะทำให้คุณได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่นั้นสำคัญมาก ดังนั้นถ้าพร้อมแล้วลองไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องสำอางชนิดนี้กันดีกว่า


หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า

ในการจัดอันดับและคัดเลือก 10 แบรนด์ผลิตภัณฑ์ BHA ที่ดีที่สุด เราใช้เกณฑ์ที่ชัดเจนและครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ที่เราแนะนำมีคุณภาพสูงและปลอดภัยต่อการใช้งาน โดยเกณฑ์ที่เราใช้มีดังนี้

  1. ส่วนผสมหลักและความเข้มข้นของ BHA: เราพิจารณาถึงปริมาณและความเข้มข้นของ BHA ในแต่ละผลิตภัณฑ์ โดยเราเลือกแบรนด์ที่มีส่วนผสมของ BHA ที่อยู่ในระดับที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงในการผลัดเซลล์ผิว โดยไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองมากเกินไป
  2. คุณภาพและมาตรฐานการผลิต: ผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกต้องผ่านมาตรฐานการผลิตที่ดีและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้จะได้รับสินค้าที่มีความปลอดภัย
  3. การใช้งานที่ง่ายและเหมาะสมกับทุกสภาพผิว: เราประเมินความง่ายในการใช้งานและความเหมาะสมของผลิตภัณฑ์สำหรับสภาพผิวที่แตกต่างกัน ทั้งผิวมัน ผิวแห้ง และผิวบอบบาง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตนเองได้ง่ายขึ้น
  4. รีวิวจากผู้ใช้จริง: เราคำนึงถึงรีวิวจากผู้ใช้จริงที่ได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ในระยะเวลาหนึ่ง โดยดูจากผลลัพธ์ที่ได้รับ เช่น การลดปัญหาสิว ผิวเรียบเนียน และการป้องกันการระคายเคือง
  5. ราคาและความคุ้มค่า: เราให้ความสำคัญกับราคาและความคุ้มค่า โดยพิจารณาว่าราคาของผลิตภัณฑ์นั้นเหมาะสมกับคุณภาพและผลลัพธ์ที่ได้รับหรือไม่
  6. ความนิยมของแบรนด์และความน่าเชื่อถือ: เราพิจารณาความนิยมและชื่อเสียงของแบรนด์ในตลาด ซึ่งสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและการยอมรับของผู้ใช้ในวงกว้าง

1. La Roche-Posay Effaclar DUO

1 La Roche-Posay Effaclar DUO

Effaclar Duo (+) ครีมลดสิวที่ช่วยลดสิวอุดตัน ลดรอยดำรอยแดงจากสิว และป้องกันการเกิดสิวซ้ำ เหมาะสำหรับผิวมันและผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย

ปริมาณ40 ml
บริเวณที่เหมาะสมในการทาครีมทาทั่วหน้า
ส่วนผสมAPF, Salicylic acid, Niacinamide, Piroctone Olamine, Zinc PCA

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Effaclar Duo (+) ครีมลดสิวที่ออกแบบมาเพื่อลดสิวอุดตันและป้องกันการเกิดสิวใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันและมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ตัวผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยสารสำคัญหลายชนิดที่ช่วยในการดูแลปัญหาสิว เช่น Aqua Posae Filiformis ซึ่งมีคุณสมบัติปรับสมดุลแบคทีเรียบนผิว เพิ่มเชื้อแบคทีเรียที่ดี ลดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดปัญหาสิว และช่วยลดการเกิดสิวซ้ำ นอกจากนี้ Procerad ยังช่วยลดรอยดำและรอยแดงที่เกิดจากสิวอีกด้วย

ส่วนผสมเพิ่มเติม ได้แก่ Salicylic Acid ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน Niacinamide ที่ช่วยปลอบประโลมผิว และ Piroctone Olamine ที่ลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียบนผิว Zinc PCA ยังช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า เนื้อครีมบางเบาและสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว

จากการทดสอบทางคลินิกพบว่า ปัญหาสิวลดลงถึง 59% ในขณะที่สิวอุดตันลดลง 46% และรอยดำรอยแดงจากสิวลดลง 42% ครีมนี้ยังสามารถลดปัญหาสิวและรอยสิวได้ในเวลาเพียง 12 ชั่วโมง ทั้งยังผ่านการทดสอบกับผู้ที่มีปัญหาสิวมากกว่า 13,000 คน เพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย การใช้งานแนะนำให้ทาครีมทั่วใบหน้าในตอนเช้าและ/หรือเย็น ครีมนี้ยังได้รับการรับรองว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ (Allergy Tested) และเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย (Hypoallergenic)

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Effaclar Duo (+) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีในการเลือกใช้เพราะมีส่วนผสมที่ทรงประสิทธิภาพในการลดสิวอุดตันและปัญหาสิวซ้ำซ้อน รวมถึงช่วยลดรอยดำและรอยแดงจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังผ่านการทดสอบทางคลินิกกับผู้ใช้จริงมากกว่า 13,000 คน ซึ่งยืนยันถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ในการลดสิวอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังมีเนื้อครีมบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้รวดเร็ว ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันและเป็นสิวง่าย

2. MizuMi Peptide Acne Gel

2 MizuMi Peptide Acne Gel

MizuMi Peptide Acne Gel เจลแต้มสิวที่ช่วยลดการอักเสบของสิวภายใน 24 ชั่วโมง ลดรอยแดง รอยดำ และควบคุมความมันบนผิวหน้า โดยไม่ทิ้งคราบและสามารถแต่งหน้าทับได้

ปริมาณ9 g
บริเวณที่เหมาะสมในการทาครีมทาเฉพาะจุด
ส่วนผสมPhytosaccharide, Oligopeptide-10, Licorice Extract, Vitamin B3

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

MizuMi Peptide Acne Gel เจลแต้มสิวที่ออกแบบมาเพื่อลดการอักเสบของสิวภายใน 24 ชั่วโมง ผลิตภัณฑ์นี้ประกอบด้วย Oligopeptide-10 ซึ่งช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และ Phytosaccharide ที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของสิว นอกจากนี้ยังมี Vitamin B3 และสารสกัดจากชะเอมเทศ ที่ช่วยลดรอยแดง รอยดำ และรอยแผลเป็นจากสิว อีกทั้งยังมีว่านหางจระเข้และใบบัวบกที่ช่วยลดการอักเสบของผิว

เนื้อเจลของ MizuMi Peptide Acne Gel มีความบางเบา ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ทิ้งคราบ สามารถทาลงบนผิวหน้าและแต่งหน้าต่อได้ทันที ผลิตภัณฑ์นี้ปราศจากสารระคายเคืองผิว 5 ประการ ได้แก่ น้ำหอม น้ำมัน พาราเบน สีสังเคราะห์ และแอลกอฮอล์ ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย

จากการทดสอบทางคลินิก เจลนี้สามารถลดสิวยุบภายใน 3 วัน ช่วยให้สิวยุบและกดออกได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การใช้ต่อเนื่องยังช่วยลดการเกิดสิวใหม่ลง และควบคุมความมันบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ MizuMi Peptide Acne Gel มีปริมาณ 9 กรัมต่อหลอด เหมาะสำหรับการใช้ทาเฉพาะจุดเพื่อลดสิวอักเสบ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับยารักษาสิวและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัย

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

MizuMi Peptide Acne Gel เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบของสิวอย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันสั้น และยังมีสารสำคัญที่ช่วยลดรอยแดง รอยดำ พร้อมทั้งควบคุมความมันบนผิวหน้า อีกทั้งเนื้อเจลซึมเร็ว ไม่ทิ้งคราบ สามารถแต่งหน้าทับได้ทันที และปลอดภัยสำหรับผิวแพ้ง่ายเพราะปราศจากสารระคายเคือง เช่น น้ำหอม น้ำมัน พาราเบน และสีสังเคราะห์

3. Cerave Blemish Control Gel

3 Cerave Blemish Control Gel

CeraVe Blemish Control Gel เจลบำรุงผิวที่ช่วยลดสิวและรอยสิว พร้อมฟื้นบำรุงปราการผิวด้วยส่วนผสมของ Salicylic Acid และ Ceramides 3 ชนิด เหมาะสำหรับผิวที่เป็นสิวง่าย

ปริมาณ40 g
บริเวณที่เหมาะสมในการทาครีมทาทั่วหน้า
ส่วนผสมSalicylic Acid , Niacinamide, AHA

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

CeraVe Blemish Control Gel เจลบำรุงผิวสำหรับผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ด้วยส่วนประกอบหลัก 2% Salicylic Acid ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนและสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขน ทำให้ลดการเกิดสิวและปัญหาสิวอุดตันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมี AHA ที่ช่วยลดรอยแดงและรอยดำจากสิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น ไนอะซินาไมด์ในผลิตภัณฑ์นี้ช่วยลดการอักเสบและความมันส่วนเกิน ทำให้ผิวไม่มันเยิ้ม นอกจากนี้ยังมี Ceramides ถึง 3 ชนิดที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้น

ผลิตภัณฑ์ได้รับการพัฒนาร่วมกับแพทย์ผิวหนัง จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยและประสิทธิภาพ นอกจากการลดสิวแล้ว ผลิตภัณฑ์นี้ยังช่วยฟื้นบำรุงปราการผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น ลดปัญหาผิวแห้งเสียและเสริมการปกป้องผิวจากการระคายเคือง ผลิตภัณฑ์นี้เหมาะสำหรับการใช้บำรุงผิวหน้าทุกวัน มีเนื้อเจลที่ซึมซาบเร็ว ไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหนะหลังการใช้ CeraVe Blemish Control Gel มีขนาดบรรจุ 40 มิลลิลิตรต่อหลอด ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ในระยะเวลานานเพื่อดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

CeraVe Blemish Control Gel เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีส่วนผสมของ Salicylic Acid ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว นอกจากนี้ยังมี Ceramides 3 ชนิดที่ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างปราการผิวให้แข็งแรง ช่วยป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นและลดการระคายเคือง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับแพทย์ผิวหนังทำให้มั่นใจได้ในประสิทธิภาพและความปลอดภัย ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวเป็นสิวง่าย

4. Dr.PONG 28H Whitening Drone Acne Clear Spot Gel

4 Dr.PONG 28H Whitening Drone Acne Clear Spot Gel

Dr. Pong 28H Whitening Drone Acne Clear Spot Gel เจลแต้มสิวสูตรเข้มข้นที่ช่วยลดสิวและรอยดำรอยแดง พร้อมปลอบประโลมผิวและเพิ่มความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและปราศจากสารระคายเคือง

ปริมาณ10 g
บริเวณที่เหมาะสมในการทาครีมทาเฉพาะจุด
ส่วนผสมNiacinamide, Salicylic Acid, Zinc PCA, Tea Tree Oil

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Dr. Pong 28H Whitening Drone Acne Clear Spot Gel เจลแต้มสิวสูตรเข้มข้นที่ออกแบบมาเพื่อลดสิวและรอยดำรอยแดงจากสิว โดยมีส่วนผสมสำคัญอย่าง Niacinamide 5% ที่ช่วยลดการอักเสบและความมันส่วนเกินบนผิว Zinc PCA 1% และ Salicylic Acid 1% ซึ่งช่วยลดการอุดตันในรูขุมขนและช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น ผลิตภัณฑ์ยังผสมด้วย Tea Tree Oil ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดเชื้อแบคทีเรียสาเหตุของสิว

เจลแต้มสิวนี้ยังช่วยลดรอยดำรอยแดงจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยส่วนผสม Whitening Drone ที่ประกอบด้วย Lactic Acid และ Glycolic Acid รวมถึงสารสกัดจากพืชอย่าง Aloe Barbadensis และ Centella Asiatica ที่ช่วยปลอบประโลมผิวและลดการอักเสบ การบำรุงผิวด้วย Glycerin ยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและป้องกันไม่ให้ผิวแห้งเสียจากการรักษาสิว

ผลิตภัณฑ์นี้ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย โดยไม่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอย่างพาราเบน น้ำหอม สีสังเคราะห์ และสเตียรอยด์ สามารถใช้ได้กับสิวทุกประเภทและซึมซาบเร็วไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะสำหรับการใช้แต้มเฉพาะจุดวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น ขนาดของผลิตภัณฑ์คือ 10 กรัม

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Dr. Pong 28H Whitening Drone Acne Clear Spot Gel เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีส่วนผสมที่ช่วยลดสิวและรอยดำรอยแดงจากสิวอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Niacinamide, Zinc PCA และ Salicylic Acid นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิวและเพิ่มความชุ่มชื้นอย่าง Aloe Barbadensis และ Centella Asiatica ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผลิตภัณฑ์นี้ปราศจากสารระคายเคือง เช่น พาราเบน น้ำหอม และสเตียรอยด์ ทำให้มั่นใจได้ในความปลอดภัย

5. Nivea Acne Care Super Serum

5 Nivea Acne Care Super Serum

Nivea Acne Care Super Serum เซรั่มที่ช่วยลดการเกิดสิวใหม่และรอยแดงจากสิว พร้อมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายเพราะปราศจากแอลกอฮอล์และสารระคายเคือง

ปริมาณ7 ml
บริเวณที่เหมาะสมในการทาครีมทาทั่วหน้า
ส่วนผสมPure Sea Salt, Carnitine , Salicylic Acid

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Nivea Acne Care Super Serum เซรั่มที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวและรอยแดงจากสิว โดยมีส่วนผสมหลักที่ช่วยลดการเกิดสิวใหม่และทำให้รอยแดงจากสิวจางลง ส่วนผสมสำคัญเช่น Sea Salt บริสุทธิ์ 99% ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว Salicylic Acid ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและลดสิวอุดตัน ส่วน Carnitine ทำหน้าที่ลดการผลิตไขมันส่วนเกินบนผิวหน้า นอกจากนี้ สารสกัดจากรากชะเอมเทศยังช่วยปรับสภาพผิวให้สม่ำเสมอ และลดรอยแดงจากสิว

นอกจากการลดปัญหาสิวแล้ว เซรั่มนี้ยังเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย Glycerin และ Hyaluronic Acid ทำให้ผิวไม่แห้งขาดน้ำ แม้จะเป็นเนื้อเซรั่มที่ซึมซาบได้อย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์นี้ปราศจากแอลกอฮอล์ และสารเคมีที่อาจระคายเคืองผิว เช่น SLS, ไฮโดรควิโนน, และมิเนอรัล ออยล์ ซึ่งทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

ผลิตภัณฑ์นี้แนะนำให้ใช้วันละ 2 ครั้ง ทั้งในตอนเช้าและก่อนนอนหลังการล้างหน้า หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตา ขนาดของผลิตภัณฑ์คือ 7 มิลลิลิตรต่อชิ้น

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Nivea Acne Care Super Serum เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีส่วนผสมที่ช่วยลดการเกิดสิวใหม่และรอยแดงจากสิวอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Sea Salt บริสุทธิ์และ Salicylic Acid ซึ่งช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียและผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว นอกจากนี้ยังมี Carnitine ที่ช่วยควบคุมความมันบนผิวหน้า อีกทั้งยังปราศจากแอลกอฮอล์และสารระคายเคือง ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและต้องการดูแลผิวอย่างอ่อนโยน

6. Bioderma Sebium Pore Refiner

6 Bioderma Sebium Pore Refiner

Bioderma Sebium Pore Refiner ครีมบำรุงผิวที่ช่วยกระชับรูขุมขน ลดความมันส่วนเกิน และลดการอุดตันของผิว เหมาะสำหรับผิวมันและมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย

ปริมาณ30 ml
บริเวณที่เหมาะสมในการทาครีมทาทั่วหน้า
ส่วนผสมSalicylic Acid, Fomes Officinalis Mushroom Extract, Ginkgo Biloba

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Bioderma Sebium Pore Refiner ครีมบำรุงผิวหน้าสำหรับผู้ที่มีผิวมัน รูขุมขนกว้าง และมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย โดยผลิตภัณฑ์นี้เน้นช่วยกระชับรูขุมขน ลดการอุดตัน และปรับสมดุลความมันบนผิว ด้วยส่วนผสมสำคัญ เช่น Fludactiv Patent ที่ช่วยควบคุมความมันส่วนเกิน Salicylic Acid และ AHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดปัญหาสิว Fomes Officinalis Mushroom Extract และ Ginkgo Biloba ช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง และยังช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

นอกจากนี้ Bioderma Sebium Pore Refiner ยังมี Mattifying Powder ที่ช่วยดูดซับความมัน ทำให้สามารถใช้เป็นเมคอัพเบสสำหรับผู้ที่มีผิวมันได้ดี เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย และซึมซาบเร็ว ทำให้ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะบนผิว ผลิตภัณฑ์นี้ปราศจากแอลกอฮอล์และพาราเบน ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตันหรือระคายเคือง ขนาดของผลิตภัณฑ์คือ 30 มิลลิลิตร

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Bioderma Sebium Pore Refiner เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะช่วยแก้ปัญหารูขุมขนกว้างและควบคุมความมันส่วนเกินอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยส่วนผสมอย่าง Fludactiv Patent, Salicylic Acid และ AHA ที่ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนและปรับสมดุลน้ำมันบนผิว อีกทั้งยังมีสารสกัดจากเห็ดและใบแปะก๊วยที่ช่วยกระชับรูขุมขนและทำให้ผิวเรียบเนียน ผลิตภัณฑ์นี้มีเนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย และปราศจากแอลกอฮอล์และพาราเบน จึงเหมาะสำหรับผิวมันและผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย

7. Some By Mi AHA-BHA-PHA 30Days Miracle Cream

7 Some By Mi AHA-BHA-PHA 30Days Miracle Cream

SOME BY MI AHA-BHA-PHA 30 Days Miracle Cream ครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยลดสิวอุดตัน สิวอักเสบ และรอยสิว พร้อมทั้งผลัดเซลล์ผิวและเติมความชุ่มชื้นให้ผิวภายใน 30 วัน

ปริมาณ60 g
บริเวณที่เหมาะสมในการทาครีมทาทั่วหน้า
ส่วนผสมTea Tree, Witch Hazel, BHA

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

SOME BY MI AHA-BHA-PHA 30 Days Miracle Cream ครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อลดสิวอุดตัน สิวอักเสบ และรอยสิว โดยมีส่วนผสมหลักอย่าง AHA, BHA และ PHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขน และรักษาความชุ่มชื้น AHA ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและขุยแห้งที่ผิวด้านนอก BHA ช่วยสลายสิ่งสกปรกและซีบัมในรูขุมขน ส่วน PHA ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจาก Centella Asiatica และใบ Tea Tree ที่ช่วยบำรุงและปลอบประโลมผิวที่อักเสบ Witch Hazel ช่วยรักษาสมดุลความชุ่มชื้นและขจัดสิ่งอุดตัน ผลิตภัณฑ์นี้มีเนื้อบางเบา เหมาะสำหรับใช้ทาทั่วใบหน้า และเหมาะสำหรับการดูแลผิวในช่วง 30 วันเพื่อให้ผิวดูดีขึ้น

ผลิตภัณฑ์นี้มีปริมาณ 60 กรัม และประกอบด้วยสารสกัดจากพืชหลากหลายชนิด ซึ่งช่วยในการบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิวอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์นี้มีสารผลัดผิวหลายชนิด จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย เนื่องจากอาจเกิดการระคายเคือง

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

SOME BY MI AHA-BHA-PHA 30 Days Miracle Cream เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีส่วนผสมครบถ้วนสำหรับการดูแลปัญหาสิว ทั้ง AHA, BHA และ PHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขน และเติมความชุ่มชื้น นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง Centella Asiatica และ Tea Tree ที่ช่วยปลอบประโลมผิวที่อักเสบ ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและลดรอยสิวได้ในระยะเวลา 30 วัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลปัญหาสิวและรอยสิวอย่างครอบคลุม

8. Eucerin Pro Acne Solution A.I. Matt Fluid

8 Eucerin Pro Acne Solution A.I. Matt Fluid

Eucerin Pro ACNE SOLUTION A.I. MATT FLUID มอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยลดสิว ควบคุมความมันได้ถึง 8 ชั่วโมง ลดรอยแดงรอยดำ และเหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย

ปริมาณ50 ml
บริเวณที่เหมาะสมในการทาครีมทาทั่วหน้า
ส่วนผสมSalicylic acid , Licochalcone A

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Eucerin Pro ACNE SOLUTION A.I. MATT FLUID มอยส์เจอไรเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อลดปัญหาสิวและรอยแดงรอยดำจากสิว พร้อมทั้งช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง ด้วยส่วนผสมของ Salicylic Acid ที่ช่วยสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขนและจัดการปัญหาสิวอุดตันได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมี L Carnitine ที่ช่วยลดความมันส่วนเกินและควบคุมการผลิตน้ำมันในรูขุมขน นอกจากนี้ Licochalcone A ที่เป็นส่วนผสมสำคัญยังช่วยลดการระคายเคืองและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน

ผลิตภัณฑ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันและผิวที่เป็นสิวง่าย ด้วยเนื้อครีมที่บางเบาและซึมซาบเร็ว ไม่ทำให้ผิวเหนียวเหนอะหนะ และไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน (Non-Comedogenic) ซึ่งผ่านการทดสอบว่าไม่ทำให้เกิดสิวใหม่ (Non-Acnegenic) และผ่านการทดสอบการแพ้ (Hypoallergenic Tested) ทำให้ผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย

Eucerin Pro ACNE SOLUTION A.I. MATT FLUID ขนาด 50 มิลลิลิตร เหมาะสำหรับใช้เป็นประจำในตอนเช้าและก่อนนอน เพื่อช่วยลดสิว ควบคุมความมัน และฟื้นบำรุงผิวไม่ให้ไวต่อการเกิดสิวซ้ำ

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Eucerin Pro ACNE SOLUTION A.I. MATT FLUID เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีส่วนผสมที่ช่วยลดสิวอุดตันและรอยสิวอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย Salicylic Acid ที่ช่วยสลายสิ่งอุดตันในรูขุมขนและ L Carnitine ที่ควบคุมความมันส่วนเกินได้นานถึง 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมี Licochalcone A ที่ช่วยลดการระคายเคืองและฟื้นฟูผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น ผลิตภัณฑ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันและผิวแพ้ง่าย เพราะผ่านการทดสอบว่าไม่ก่อให้เกิดสิวใหม่และไม่ทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน

9. Smooth E Acne-5 Rapid Action Plus

9 Smooth E Acne-5 Rapid Action Plus

Smooth E Acne-5 Rapid Action Plus เจลแต้มสิวสำหรับผิวบอบบาง ช่วยลดสิวอุดตันและสิวอักเสบ พร้อมลดการอักเสบและบำรุงผิว โดยไม่ทิ้งรอยดำหรือรอยแดง

ปริมาณ10 g
บริเวณที่เหมาะสมในการทาครีมทาเฉพาะจุด
ส่วนผสมHydrogel Crosspolymer Salicylic Acid, Oligopeptide10

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Smooth E Acne-5 Rapid Action Plus เจลแต้มสิวเฉพาะจุดที่ออกแบบมาเพื่อลดสิวอุดตันและสิวอักเสบในระยะเริ่มต้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย ด้วยส่วนผสมของ Hydrogel Encapsulated Salicylic Acid 4% ซึ่งช่วยขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขนและลดการอักเสบของสิวได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมี Oligopeptide-10 ซึ่งเป็นกรดอะมิโนจากพืชที่ช่วยกำจัดแบคทีเรียสาเหตุของสิว พร้อมเสริมประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับ Salicylic Acid เพื่อจัดการกับสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผลิตภัณฑ์นี้ยังประกอบด้วยส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบและบำรุงผิว เช่น Dipotassium Glycyrrhizate, สารสกัดจากรากขิง (Zingiberofficinale root extract), สารสกัดจากชาเขียว (Camellia), และน้ำผึ้ง ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง และปลอบประโลมผิว ผลิตภัณฑ์ปราศจากสารระคายเคือง 10 ชนิด เช่น สเตียรอยด์, พาราเบน, แอลกอฮอล์, น้ำหอม, ซิลิโคน และ Benzoyl Peroxide จึงเหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Smooth E Acne-5 Rapid Action Plus เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีส่วนผสมของ Salicylic Acid 4% ที่ช่วยขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขนและลดการอักเสบของสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง Oligopeptide-10 ยังช่วยกำจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว ทำงานร่วมกับสารบำรุงผิวอย่างน้ำผึ้งและสารสกัดจากพืชเพื่อลดการระคายเคืองและเพิ่มความชุ่มชื้น ผลิตภัณฑ์นี้ปราศจากสารระคายเคือง เช่น สเตียรอยด์ แอลกอฮอล์ และพาราเบน ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย

10. Vichy Normaderm Phytosolution Daily Care

10 Vichy Normaderm Phytosolution Daily Care

Vichy Normaderm Double-Correction Moisturising Care มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยลดสิวอุดตัน ควบคุมความมัน พร้อมปรับสมดุล pH ของผิว เหมาะสำหรับผิวมันและผิวแพ้ง่าย

ปริมาณ50 ml
บริเวณที่เหมาะสมในการทาครีมทาทั่วหน้า
ส่วนผสมSalicylic Acid

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Vichy Normaderm Double-Correction Moisturising Care มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับผู้ที่มีผิวมันและมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ผลิตภัณฑ์นี้ใช้ Salicylic Acid เพื่อขจัดสิ่งอุดตันในรูขุมขนและ Phycosaccharide เพื่อควบคุมความมันบนผิวหน้า อีกทั้งยังมี Vichy Mineral Water ที่ช่วยปรับสมดุล pH ของผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและลดการระคายเคืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน และซิลิโคน ทำให้ปลอดภัยสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย

ผลิตภัณฑ์นี้ช่วยลดปัญหาสิวอุดตันและลดความมันส่วนเกินบนใบหน้าโดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือเกิดการลอก นอกจากนี้ยังช่วยลดรอยดำจากสิวและเสริมสร้างความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง ด้วยสูตร Non-Comedogenic ไม่ทำให้เกิดการอุดตันและผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมสิวและความมัน พร้อมทั้งรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?

Vichy Normaderm Double-Correction Moisturising Care เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีส่วนผสมที่ช่วยจัดการปัญหาสิวอุดตันและควบคุมความมันส่วนเกินบนผิวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพด้วย Salicylic Acid และ Phycosaccharide นอกจากนี้ยังมี Vichy Mineral Water ที่ช่วยปรับสมดุล pH และเสริมสร้างปราการผิวให้แข็งแรง ผลิตภัณฑ์นี้ยังปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน และซิลิโคน ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย อีกทั้งยังไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-Comedogenic)

BHA คืออะไร? คุณสมบัติและประโยชน์ต่อผิวของคุณ

460-BHA คืออะไร_

BHA หรือ Beta Hydroxy Acid เป็นกรดที่สามารถละลายในน้ำมันได้ ซึ่งหมายความว่ามันสามารถซึมลงไปในรูขุมขนได้ดี ทำให้ช่วยทำความสะอาดรูขุมขนที่อุดตันด้วยน้ำมันและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของสิว

คุณสมบัติของ BHA:

  1. ละลายในน้ำมัน: เนื่องจาก BHA สามารถละลายในน้ำมันได้ จึงมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดรูขุมขน และขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้อย่างล้ำลึก
  2. ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว: BHA ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวที่เก่าออกไป ซึ่งช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
  3. ลดการอุดตันของรูขุมขน: ด้วยคุณสมบัติในการล้างรูขุมขน ทำให้ BHA ช่วยป้องกันการเกิดสิว และรักษาสิวที่มีอยู่ให้ลดลง
  4. ลดการอักเสบ: BHA มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวที่ระคายเคืองง่ายหรือมีสิว

ประโยชน์ของ BHA ต่อผิว:

  1. ลดสิวหัวดำและสิวอุดตัน: เพราะ BHA สามารถล้างรูขุมขนได้ดี จึงช่วยลดการเกิดสิวหัวดำและสิวอุดตัน
  2. ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน: การผลัดเซลล์ผิวเก่าทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใส
  3. ควบคุมความมัน: ด้วยการขจัดน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรก BHA ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า ซึ่งสามารถลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ได้
  4. เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันและผิวเป็นสิวง่าย: BHA เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมันหรือมีปัญหาสิวบ่อย ๆ เพราะมันสามารถทำความสะอาดรูขุมขนและช่วยลดสิว

BHA มักพบในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่าง ๆ เช่น โทนเนอร์และเซรั่ม และใช้ได้ผลดีกับผู้ที่มีผิวมันหรือผิวที่มีปัญหาสิว

BHA กับ AHA แตกต่างและการเลือกใช้ที่เหมาะสมสำหรับผิว

BHA (Beta Hydroxy Acid) และ AHA (Alpha Hydroxy Acid) เป็นสารสกัดกรดที่มีประโยชน์ต่อผิวแต่มีความแตกต่างกันในการใช้งานและผลลัพธ์ที่ได้ BHA เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันหรือมีปัญหาสิว เนื่องจากมีคุณสมบัติละลายในน้ำมัน จึงสามารถซึมลึกเข้าสู่รูขุมขน ช่วยทำความสะอาดและลดการอุดตัน BHA ยังช่วยลดการอักเสบและรอยแดงจากสิว ส่วน AHA เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวที่ต้องการฟื้นฟู AHA ทำงานบนผิวชั้นนอก ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ลดเลือนจุดด่างดำและรอยย่น เพิ่มความชุ่มชื้นและความกระจ่างใส ในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ควรพิจารณาสภาพผิวของตนเองเป็นหลัก และหากกำลังมองหา AHA ยี่ห้อไหนดี ควรเลือกที่มีความเข้มข้นเหมาะสมกับผิวและผ่านการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญ


วิธีการใช้ BHA อย่างปลอดภัย ข้อควรระวังและการดูแลหลังใช้

460-วิธีการใช้ BHA อย่างปลอดภัย

การใช้ BHA ในการดูแลผิวมีประสิทธิภาพสูง แต่การใช้อย่างปลอดภัยและเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น การระคายเคืองหรือแห้งกร้านเกินไป นี่คือวิธีการใช้ BHA อย่างปลอดภัย รวมถึงข้อควรระวังและการดูแลหลังใช้ดังนี้

  1. เริ่มต้นด้วยความเข้มข้นต่ำ: หากคุณไม่เคยใช้ BHA มาก่อน ควรเริ่มต้นด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นต่ำ (เช่น 0.5-2%) เพื่อให้ผิวปรับตัว
  2. ใช้ในปริมาณเล็กน้อย: เริ่มใช้ BHA ในปริมาณเล็กน้อย เช่น ใช้เฉพาะบริเวณที่มีปัญหาสิวหรือผิวมัน หากไม่มีอาการระคายเคืองจึงค่อยเพิ่มปริมาณตามความเหมาะสม
  3. ใช้เฉพาะตอนกลางคืน: BHA สามารถทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น ดังนั้นควรใช้เฉพาะตอนกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนแดดตรง
  4. ใช้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง: ไม่ควรใช้ทุกวันเมื่อเริ่มต้น ควรใช้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และปรับการใช้งานตามสภาพผิว
  5. ทาครีมกันแดดทุกเช้า: เนื่องจาก BHA ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปทุกเช้า แม้ว่าจะไม่ได้ออกไปข้างนอกก็ตาม

การดูแลผิวหลังการใช้ BHA:

  1. ให้ความชุ่มชื้น: หลังใช้ BHA ควรทาครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นเพื่อลดอาการแห้งกร้านและช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว
  2. หลีกเลี่ยงการขัดผิว: หลีกเลี่ยงการใช้สครับหรือผลิตภัณฑ์ขัดผิวหลังจากการใช้ BHA เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวระคายเคืองเกินไป
  3. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ: การใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญในการปกป้องผิวจากรังสี UV ที่อาจทำให้ผิวไหม้หรือเกิดริ้วรอย
  4. สังเกตสภาพผิว: สังเกตผิวของคุณหลังใช้ BHA หากผิวมีอาการระคายเคืองหรือแห้งกร้านมากเกินไป ควรลดความถี่ในการใช้งาน

ทำไมต้องใช้ครีมกันแดดเมื่อเริ่มใช้ BHA

การใช้ครีมกันแดดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเมื่อเริ่มใช้ BHA เพราะ BHA ทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออก ทำให้ผิวใหม่ที่บอบบางขึ้นมามีความเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายจากรังสี UV ได้ง่ายขึ้น การไม่ปกป้องผิวจากแสงแดดในช่วงนี้อาจทำให้เกิดปัญหาผิวคล้ำ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย ดังนั้น ครีมกันแดดจึงมีบทบาทในการป้องกันไม่ให้แสงแดดทำลายผิวที่บอบบางหลังการใช้ BHA เพื่อรักษาผิวให้แข็งแรงและเรียบเนียนต่อไป ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงและป้องกันรังสี UVA และ UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากกำลังมองหาครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี ควรเลือกยี่ห้อที่เหมาะกับสภาพผิว เช่น สูตรที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตันสำหรับผิวมันหรือสูตรที่เพิ่มความชุ่มชื้นสำหรับผิวแห้ง

ผลข้างเคียงของ BHA ที่คุณควรระวังและวิธีป้องกัน

460-bha-ผลข้างเคียงของ BHA

แม้ว่าจะมีประโยชน์ในการดูแลผิว แต่ก็มีผลข้างเคียงที่ควรระวัง โดยเฉพาะหากใช้ในปริมาณที่มากเกินไปหรือไม่ถูกวิธี นี่คือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและวิธีป้องกันอย่างเหมาะสม:

ผลข้างเคียงของ BHA:

  1. การระคายเคืองผิว: BHA อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนหรือแดงได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
  2. ผิวแห้งและลอก: การใช้ BHA อาจทำให้ผิวแห้งเกินไปหากใช้มากเกินไป ซึ่งอาจทำให้ผิวลอกและรู้สึกแห้งตึง
  3. ทำให้ผิวไวต่อแสงแดด: BHA สามารถทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยไหม้หรือรอยดำจากแสงแดดได้หากไม่ป้องกันอย่างเพียงพอ
  4. ผิวบางและเสี่ยงต่อการระคายเคืองระยะยาว: การใช้ BHA เป็นประจำและต่อเนื่องในระยะยาวอาจทำให้ผิวบางลง ทำให้เสี่ยงต่อการระคายเคืองและแห้งมากขึ้น
  5. อาการแพ้: แม้จะไม่พบบ่อยนัก แต่บางคนอาจมีอาการแพ้ต่อสาร BHA ซึ่งแสดงอาการเป็นผื่นแดง บวม หรือคัน

วิธีป้องกันผลข้างเคียงของ BHA:

  1. ทดสอบการแพ้ก่อนใช้: ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี BHA ควรทดสอบการแพ้โดยการทาบนพื้นที่เล็ก ๆ ของผิว เช่น หลังหู หรือบริเวณข้อพับแขน เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่
  2. เริ่มด้วยความเข้มข้นต่ำ: เริ่มต้นใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี BHA ความเข้มข้นต่ำ (0.5-2%) และค่อย ๆ เพิ่มความถี่เมื่อผิวปรับตัวได้ดี
  3. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่ให้ความชุ่มชื้น: หลังการใช้ BHA ควรใช้ครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นเพื่อลดการระคายเคืองและป้องกันผิวแห้ง
  4. ทาครีมกันแดดทุกเช้า: เนื่องจาก BHA ทำให้ผิวไวต่อแสง ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไปทุกเช้าเพื่อป้องกันการเกิดรอยดำจากแสงแดด
  5. จำกัดการใช้ร่วมกับสารผลัดเซลล์ผิวอื่น: หลีกเลี่ยงการใช้ BHA ร่วมกับ AHA หรือกรดผลัดเซลล์ผิวอื่น ๆ หรือเรตินอยด์ในเวลาเดียวกัน เพื่อป้องกันการระคายเคือง
  6. ไม่ใช้ทุกวันในช่วงเริ่มต้น: ไม่ควรใช้ BHA ทุกวันเมื่อเริ่มใช้ใหม่ ควรใช้เพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก่อน และปรับความถี่ตามความทนทานของผิว
  7. หยุดใช้ทันทีหากเกิดอาการผิดปกติ: หากเกิดอาการระคายเคือง รอยแดง หรือแสบร้อนอย่างรุนแรง ควรหยุดใช้ทันทีและปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

BHA เป็นสารที่มีประโยชน์มากในการดูแลผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดการเกิดสิว และทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น แต่การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและการใช้อย่างถูกต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันการระคายเคืองและปัญหาผิวที่อาจเกิดขึ้น หากคุณสนใจใช้ BHA อย่าลืมศึกษาวิธีการใช้อย่างละเอียดและปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัยของผิวคุณ

คำถามที่บ่อย

1. BHA คืออะไรและมีประโยชน์อย่างไรต่อผิว?

BHA หรือ Beta Hydroxy Acid เป็นสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดการอุดตันในรูขุมขน ซึ่งช่วยลดการเกิดสิว ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น

2. สามารถใช้ BHA ทุกวันได้หรือไม่?

การใช้ BHA ทุกวันขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของผิวแต่ละคน ควรเริ่มใช้งานในปริมาณน้อยและไม่บ่อย เพื่อให้ผิวคุ้นชิน จากนั้นสามารถเพิ่มความถี่การใช้ได้ตามความเหมาะสม หากไม่มีอาการระคายเคือง

3. หลังจากใช้ BHA ควรดูแลผิวอย่างไร?

หลังใช้ BHA ควรบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นและควรทาครีมกันแดดทุกครั้งในตอนเช้า เพื่อป้องกันการระคายเคืองและปัญหาผิวที่อาจเกิดจากแสงแดด

4. มีผลข้างเคียงจากการใช้ BHA หรือไม่?

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ BHA คืออาการระคายเคือง แห้ง ลอก หรือผิวแดง โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบาง ดังนั้นควรทดสอบผลิตภัณฑ์ที่ใช้ก่อนและใช้อย่างระมัดระวัง

Scroll to Top