10 อันดับ โทนเนอร์ ยี่ห้อไหนดี ปรับสมดุลผิว ลดการอุดตัน เหมาะกับทุกสภาพผิว

Cover-457-โทนเนอร์

การดูแลผิวหน้าเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความใส่ใจในชีวิตประจำวัน และ “โทนเนอร์” คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มักถูกมองข้ามหรือเข้าใจผิดว่าไม่จำเป็น แต่ในความเป็นจริง โทนเนอร์เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยปรับสมดุล pH ของผิว ขจัดสิ่งตกค้าง และเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงขั้นต่อไป การเลือกโทนเนอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคนจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะแต่ละสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม ต่างก็ต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผิวหน้าของคุณมีสุขภาพดีและดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 10 อันดับโทนเนอร์ยอดนิยมที่สามารถปรับสมดุลผิว ลดการอุดตัน และเหมาะกับทุกสภาพผิว พร้อมเคล็ดลับการเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะสมสำหรับผิวของคุณ

หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า

  • คุณสมบัติการปรับสมดุล pH ของผิว – การรักษาค่า pH ของผิวให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะ pH ที่สมดุลจะช่วยปกป้องเกราะป้องกันผิว และเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป สินค้าที่ได้รับการพิจารณาต้องมีคุณสมบัติในการปรับค่า pH ให้เหมาะสมโดยไม่ทำให้ผิวแห้งหรือเกิดการระคายเคือง
  • ความสามารถในการลดการอุดตัน – สินค้าที่ดีควรมีส่วนผสมที่สามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวอุดตันและสิวเสี้ยน โทนเนอร์ที่สามารถลดการอุดตันได้อย่างชัดเจนจะช่วยให้ผิวสะอาดล้ำลึกและลดปัญหาผิวในระยะยาว
  • ส่วนผสมที่อ่อนโยน – สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมที่ปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็น ควรหลีกเลี่ยงสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารกันเสีย โทนเนอร์ที่อ่อนโยนควรมีสารสกัดจากธรรมชาติและได้รับการทดสอบว่าปลอดภัยต่อผิว
  • การให้ความชุ่มชื้น – ผิวที่ขาดความชุ่มชื้นมักจะสูญเสียความยืดหยุ่นและก่อให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ได้ง่าย โทนเนอร์ที่ดีควรมีส่วนผสมที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ทำให้ผิวเหนียวเหนอะหนะ ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มและป้องกันการแห้งตึงหลังจากการล้างหน้า
  • ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้งาน – โทนเนอร์ที่ดีควรแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังจากการใช้เป็นประจำ ผิวควรดูสดใส กระจ่างใส และมีสุขภาพดีมากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรีวิวจากผู้ใช้จริงว่าสามารถเห็นผลได้ชัดเจนจะถูกจัดอยู่ในลำดับสูง
  • ความคุ้มค่าและราคา – ความคุ้มค่าถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกโทนเนอร์ สินค้าจะต้องมีคุณภาพสูงเทียบกับราคา ไม่เพียงแต่ช่วยบำรุงผิวได้ดีเท่านั้น แต่ยังต้องอยู่ในช่วงราคาที่เหมาะสม และให้ความคุ้มค่าแก่ผู้ใช้ในการใช้งานระยะยาว
  • แบรนด์และความน่าเชื่อถือ – แบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือในด้านการดูแลผิวมักจะผ่านการทดสอบมาตรฐานที่เข้มงวด ทั้งในเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพ แบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือมักจะได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้มากกว่า เนื่องจากเป็นเครื่องหมายรับประกันคุณภาพ

10 อันดับ โทนเนอร์ ยี่ห้อไหนดี เพื่อผิวสะอาด ชุ่มชื้น และกระจ่างใส

1. Naturista Tea Tree Facial Toner

1 Naturista Tea Tree Facial Toner

Naturista Tea Tree Facial Toner เป็นโทนเนอร์ออร์แกนิกที่ช่วยทำความสะอาดล้ำลึก ป้องกันการเกิดสิวและให้ความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย โดยปราศจากแอลกอฮอล์และสารกันเสีย

ปริมาณ250 มล.
ส่วนผสมหลักWitch Hazel, สารสกัดต้นทีทรี, ว่านหางจระเข้
ราคา87 บาท

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Naturista Tea Tree Facial Toner เป็นโทนเนอร์สูตรออร์แกนิกที่ได้รับการรับรองจากสถาบัน ECOCERT และผ่านการทดสอบทางการแพทย์ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและอ่อนโยนต่อผิว แม้ผิวแพ้ง่าย ส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยสารสกัดจาก Witch Hazel ที่ช่วยกระชับรูขุมขน ขจัดสิ่งตกค้างบนผิวหน้า และสารสกัดจากต้นทีทรี ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันและลดการเกิดสิว รวมถึงควบคุมความมันบนใบหน้า นอกจากนี้ยังมีว่านหางจระเข้ที่ช่วยในการลดการระคายเคืองและเติมความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า โทนเนอร์ตัวนี้ปราศจากสารกันเสียและแอลกอฮอล์ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนสูง โดยแม้ว่าจะมีน้ำหอม แต่ก็เป็นน้ำหอมเกรดพิเศษที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ช่วยให้กลิ่นของ Tea Tree Oil ไม่ฉุนเกินไป นอกจากนี้ยังมี Hyaluronic Acid ที่ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นยาวนาน พร้อมทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก และเหมาะสำหรับการดูแลผิวที่มีปัญหาสิว

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

ผลิตภัณฑ์ Naturista Tea Tree Facial Toner เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีส่วนผสมจากธรรมชาติที่ได้รับการรับรองว่าออร์แกนิก ปราศจากแอลกอฮอล์และสารกันเสีย เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ช่วยป้องกันสิวและให้ความชุ่มชื้นโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

2. Plantnery Tea Tree First Toner

2 Plantnery Tea Tree First Toner

Plantnery Tea Tree First Toner เป็นโทนเนอร์สูตรลดสิวที่ช่วยควบคุมความมัน ลดการสะสมของแบคทีเรีย และอ่อนโยนต่อผิวด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ

ปริมาณ250 มล.
ส่วนผสมหลักTea Tree Oil, Witch Hazel, AHA
ราคา149 บาท

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Plantnery Tea Tree First Toner ขนาด 250 มล. เป็นโทนเนอร์สูตร Anti-Acne ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย P.Acne ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาสิว เช่น สิวอักเสบ สิวอุดตัน และสิวผด ด้วยสารสกัดจาก Tea Tree Oil ที่ผ่านกระบวนการสกัดพิเศษ ทำให้มีความเข้มข้นของ Terpinen-4-OL สูงสุด พร้อมด้วย Witch Hazel จากรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบของผิว ลดอาการแดง และกระชับรูขุมขนให้ดูเล็กลง ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน นอกจากนี้ยังมี AHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าและสลายไขมันอุดตันในรูขุมขน อีกทั้งยังมี Niacinamide ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น โทนเนอร์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมัน ผิวผสม หรือรูขุมขนกว้าง และผู้ที่มีปัญหาสิวทุกชนิด รวมถึงผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เพราะปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่างๆ เช่น แอลกอฮอล์ พาราเบน สีสังเคราะห์ ซิลิโคน และน้ำหอม โดยสามารถใช้ได้ทุกวันหลังล้างหน้าเพียงแค่หยดโทนเนอร์ลงบนสำลีแผ่นและเช็ดใบหน้าเบาๆ หรือจะหยดลงบนมือและตบลงบนใบหน้าเพื่อการดูดซึมที่ดียิ่งขึ้น Plantnery Tea Tree First Toner เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่อ่อนโยนต่อผิว ช่วยลดสิวและควบคุมความมันอย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Plantnery Tea Tree First Toner เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวและผิวแพ้ง่าย เพราะมีสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยลดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ควบคุมความมัน และยังปราศจากสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

3. SOME BY MI AHA-BHA-PHA 30DAYS MIRACLE

3 SOME BY MI AHA-BHA-PHA 30DAYS MIRACLE

SOME BY MI AHA-BHA-PHA 30DAYS MIRACLE TONER เป็นโทนเนอร์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ควบคุมความมัน ลดการอักเสบ และฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใสและชุ่มชื้นใน 30 วัน

ปริมาณ150 มล.
ส่วนผสมหลักAHA, BHA, PHA
ราคา580 บาท

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

SOME BY MI AHA-BHA-PHA 30DAYS MIRACLE TONER ขนาด 150 มิลลิลิตร เป็นโทนเนอร์ที่ตอบโจทย์การดูแลผิวอย่างครอบคลุม ทั้งทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึกและช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูขาวกระจ่างใส ด้วยสารสกัดจาก AHA, BHA, PHA ซึ่งทำหน้าที่ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ขจัดสิ่งสกปรกและซีบัมในรูขุมขน พร้อมทั้งคงความชุ่มชื้นให้ผิวดูสุขภาพดี นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ Niacinamide และ Sodium Hyaluronate ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และสารสกัดจาก Tea Tree ช่วยควบคุมความมันส่วนเกินและลดการอักเสบ อีกทั้งยังมีค่า pH ที่ต่ำ ปราศจากสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง 20 ชนิด รวมถึงพาราเบนและมิเนรัลออยล์ จึงเหมาะสำหรับผิวทุกประเภท แม้ผิวแพ้ง่าย ผ่านการทดสอบทางการแพทย์แล้วว่ามีโอกาสเกิดการแพ้น้อย ด้วยการใช้โทนเนอร์นี้เป็นประจำ คุณจะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวใน 30 วัน ให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง และลดปัญหาสิวอย่างเห็นได้ชัด

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

โทนเนอร์ SOME BY MI AHA-BHA-PHA 30DAYS MIRACLE TONER เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวอย่างล้ำลึกและแก้ปัญหาสิว พร้อมทั้งช่วยควบคุมความมัน ลดการอักเสบ และปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสและชุ่มชื้นอย่างสมดุลภายใน 30 วัน

4. Dr.PONG Acne Clear Glowing Toner

4 Dr.PONG Acne Clear Glowing Toner

Dr. PONG Acne Clear Glowing Toner เป็นโทนเนอร์สำหรับผิวเป็นสิวและผิวแพ้ง่าย ช่วยลดสิว ควบคุมความมัน พร้อมบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและกระจ่างใส ปราศจากสารระคายเคือง

ปริมาณ100 มล.
ส่วนผสมหลักZinc Pca, Niacinamide, BHA, Tea Tree Oil, PHA, Witch Hazel, Allantoin, WB Extract
ราคา299 บาท

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Dr. PONG Acne Clear Glowing Toner เป็นโทนเนอร์สูตรพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อผู้ที่มีปัญหาผิวเป็นสิวและผิวแพ้ง่าย ด้วยส่วนผสมหลักที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิว เช่น Zinc PCA, Niacinamide, BHA, PHA และ Tea Tree Oil ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ลดการอักเสบของสิว พร้อมช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสและรอยสิวจางลง นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมความมันส่วนเกินและกระชับรูขุมขน พร้อมด้วยสารให้ความชุ่มชื้นอย่าง Glycerin และ Urea ที่ช่วยปรับสมดุลผิวให้ชุ่มชื้น อีกทั้งยังมีส่วนผสมของ Witch Hazel และ Allantoin ที่ช่วยปลอบประโลมผิว ไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง ปราศจากสารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น สเตียรอยด์, พาราเบน, แอลกอฮอล์ และน้ำหอม วิธีใช้โทนเนอร์นี้ง่าย ๆ เพียงหยดลงบนสำลีแล้วเช็ดให้ทั่วใบหน้าหลังการล้างหน้า โดยแนะนำให้เริ่มใช้ในช่วงเย็นสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อให้ผิวปรับตัวก่อนที่จะใช้เป็นประจำทุกวัน ขนาดบรรจุ 100 มล.

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Dr. PONG Acne Clear Glowing Toner เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและเป็นสิว เนื่องจากมีส่วนผสมที่ช่วยลดสิวและการอักเสบ พร้อมทั้งบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ปราศจากสารระคายเคือง ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อผิวทุกประเภท

5. Needly Daily Toner Pad

5 Needly Daily Toner Pad

Needly Daily Toner Pad เป็นโทนเนอร์แบบแผ่นที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว กระชับรูขุมขน และให้ความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวบอบบางและใช้งานสะดวก

ปริมาณ280 กรัม
ส่วนผสมหลักBHA, PHA, Centella Asiatica, Allantoin, Tea Tree Oil
ราคา490 บาท

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Needly Daily Toner Pad เป็นโทนเนอร์แบบแผ่นที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการใช้งานและการดูแลผิวอย่างมีประสิทธิภาพ โทนเนอร์นี้มีจุดเด่นอยู่ที่แผ่นสำลี Cotton 100% ซึ่งมีขนาดใหญ่พิเศษถึง 80 มม. สามารถเช็ดทำความสะอาดผิวได้ทั้งใบหน้าและลำคอ แผ่นโทนเนอร์นี้อุดมไปด้วยส่วนผสมที่มีประโยชน์ เช่น BHA และ PHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนและกระชับรูขุมขน พร้อมด้วย Sodium Hyaluronate และ Artemisia Princeps ที่ให้ความชุ่มชื้นล้ำลึก ผิวจึงดูเนียนเรียบ กระจ่างใส นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจาก Tea Tree Oil และ Centella Asiatica ที่ช่วยลดการอักเสบและระคายเคือง เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย และสามารถใช้เป็นประจำได้โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ด้วยความสมดุลของ pH 5 ที่เหมาะสมกับผิว และสามารถใช้เป็นมาส์กในบริเวณที่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ โทนเนอร์นี้ปราศจากพาราเบน แอลกอฮอล์ และน้ำหอม จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนังในประเทศเกาหลีใต้

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Needly Daily Toner Pad เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะใช้งานง่ายด้วยแผ่นสำลี Cotton 100% ที่อ่อนโยนต่อผิว พร้อมส่วนผสมที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและให้ความชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวบอบบางและสามารถใช้เป็นประจำได้โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

6. Kiehl's Calendula Herbal Extract Toner Alcohol-Free

6 Kiehl_s Calendula Herbal Extract Toner Alcohol-Free

Kiehl's Calendula Herbal Extract Toner Alcohol-Free เป็นโทนเนอร์สูตรปราศจากแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมจากดอกคาเลนดูล่า ช่วยลดการอักเสบ ปลอบประโลมผิว และเหมาะสำหรับทุกสภาพผิวรวมถึงผิวแพ้ง่าย

ปริมาณ40 มล.
ส่วนผสมหลักCalendula, Comfrey plant
ราคา199 บาท

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Kiehl’s Calendula Herbal Extract Toner Alcohol-Free เป็นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ โดยมีสารสกัดหลักจากดอกคาเลนดูล่าหรือดอกดาวเรือง ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบและรอยแดงจากสิว พร้อมทั้งต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากรากสมุนไพรคัมฟรีย์ที่ช่วยลดการระคายเคืองผิว และเกรท เบอร์ด็อก ที่ช่วยปรับสภาพผิวแห้ง เติมความชุ่มชื้นและควบคุมความมันส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โทนเนอร์สูตรนี้เป็นสูตรปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน น้ำหอม และซิลิโคน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น มอบความรู้สึกสดชื่น ผิวหน้าดูผ่อนคลายหลังใช้ อีกทั้งยังช่วยจัดการปัญหาสิวและแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวได้ดี เพียงเทโทนเนอร์ลงบนแผ่นสำลีแล้วเช็ดเบา ๆ ทั่วใบหน้า

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

ผลิตภัณฑ์ Kiehl’s Calendula Herbal Extract Toner Alcohol-Free เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีส่วนผสมจากธรรมชาติที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และควบคุมความมัน โดยปราศจากแอลกอฮอล์และสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวแม้ผิวแพ้ง่าย

7. Anua Heartleaf 77% Soothing Toner

7 Anua Heartleaf 77_ Soothing Toner

โทนเนอร์ ANUA Heartleaf 77% Soothing Toner เป็นโทนเนอร์อ่อนโยนจากสารสกัดธรรมชาติ ช่วยปลอบประโลมและลดการอักเสบของผิว เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวบอบบาง

ปริมาณ40 มล.
ส่วนผสมหลักสารสกัดดอกคุณนายตื่นสาย, คาโมมายล์, ใบบัวบก, รากไม้โกโบ, Heartleaf
ราคา139 บาท

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

ANUA Heartleaf 77% Soothing Toner เป็นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติถึง 77% จากสารสกัดฮาร์ทลีฟที่ช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบและระคายเคืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของสารสกัดจากดอกคุณนายตื่นสายที่มีคุณสมบัติ Anti-Aging, ดอกคาโมมายล์, ใบบัวบก, รากไม้โกโบ และองุ่นที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวของคุณแลดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดี โทนเนอร์ตัวนี้ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน และซิลิโคน จึงเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวที่บอบบางและมีปัญหาสิว เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบไว ไม่ทิ้งความมันหรือเหนอะหนะ สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น และยังใช้เป็นมาส์กสำหรับ Night Routine ได้อีกด้วย ผลิตภัณฑ์นี้เป็นที่นิยมอย่างมากในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะบนทวิตเตอร์ ด้วยประสิทธิภาพที่ใครได้ลองใช้ก็หลงรัก

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

โทนเนอร์ ANUA Heartleaf 77% Soothing Toner เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีส่วนผสมจากธรรมชาติที่อ่อนโยน ปราศจากสารเคมีอันตราย ช่วยลดการอักเสบและปลอบประโลมผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวบอบบาง

8. Thayers Rose Petal Witch Hazel Toner

8 Thayers Rose Petal Witch Hazel Toner

Thayers Rose Witch Hazel Toner เป็นโทนเนอร์จากสารสกัดธรรมชาติที่ช่วยควบคุมความมัน ลดสิว และฟื้นบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นกระจ่างใส อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว

ปริมาณ89 มล.
ส่วนผสมหลักWitch Hazel, สารสกัดดอกกุหลาบ
ราคา620 บาท

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Thayers Rose Witch Hazel Toner ขนาด 355 มล. เป็นโทนเนอร์ที่เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวมัน ผิวผสม และผิวที่มีปัญหาสิว มีส่วนผสมหลักจากสารสกัด Witch Hazel ที่ช่วยควบคุมความมันส่วนเกิน ลดการเกิดสิวอักเสบและสิวอุดตัน พร้อมทั้งฟื้นบำรุงและปลอบประโลมผิวที่ระคายเคืองด้วย Glycerin ซึ่งกักเก็บความชุ่มชื่นให้ผิว นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากดอกกุหลาบที่ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย และสารสกัดจากว่านหางจระเข้ที่ทำให้ผิวนุ่ม ป้องกันความแห้งกร้าน โทนเนอร์สูตรนี้ยังช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ และรอยสิว พร้อมมอบสัมผัสเย็นสบายโดยไม่ทำให้ผิวระคายเคือง สูตรนี้ปราศจากพาราเบน แอลกอฮอล์ น้ำหอม และซิลิโคน จึงอ่อนโยนต่อผิวบอบบางแพ้ง่าย สามารถใช้เช็ดผิวด้วยสำลีหรือใช้เป็นมาส์กเพื่อบำรุงลึกถึง 10-15 นาทีก่อนลงเซรั่มได้ เหมาะสำหรับการฟื้นฟูผิวให้ดูเปล่งปลั่ง กระจ่างใสและลดปัญหาผิวหมองคล้ำอย่างอ่อนโยน

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Thayers Rose Witch Hazel Toner เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีส่วนผสมจากธรรมชาติที่ช่วยควบคุมความมัน ลดการเกิดสิว พร้อมฟื้นบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นและกระจ่างใส โดยไม่ทำให้ระคายเคือง เหมาะสำหรับผิวบอบบางและทุกสภาพผิว

9. INGU 4D-Acne Clearing Toner

9 INGU 4D-Acne Clearing Toner

INGU 4D-Acne Clearing Toner เป็นโทนเนอร์สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวและผิวบอบบาง ที่มีส่วนผสมจากเปลือกมังคุดและนวัตกรรม Time-Released AHA เพื่อช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน

ปริมาณ150 มล.
ส่วนผสมหลักUpcycled Mangosteen, AC.NETTM, AHA
ราคา550 บาท

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

INGU 4D-Acne Clearing Toner เป็นโทนเนอร์ที่ออกแบบมาเพื่อการดูแลผิวที่มีปัญหาสิวและผิวบอบบางแพ้ง่าย ด้วยสารสกัดจากเปลือกมังคุดที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย C.Acne ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว ผสานกับเทคโนโลยี Time-Released AHA ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวอย่างต่อเนื่องนานถึง 9 ชั่วโมง ทำให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวเป็นไปอย่างอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพมากกว่ากรด AHA ทั่วไป อีกทั้งยังมีส่วนผสมของ AC.NET™ ซึ่งสามารถยับยั้งการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมัน ลดการอุดตันของเซลล์ผิวเก่าและการอักเสบจากแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังมีสารบำรุงอย่าง Glyceryl Glucoside และ Marine Hyaluronic Acid ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและเรียบเนียนขึ้น โทนเนอร์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวและผิวบอบบาง ช่วยยับยั้งการเกิดสิวในทุกขั้นตอน ทั้งการควบคุมน้ำมัน ลดการอุดตัน กำจัดแบคทีเรีย และบรรเทาการอักเสบ

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

ผลิตภัณฑ์ INGU 4D-Acne Clearing Toner เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวและผิวบอบบาง เพราะมีสารสกัดจากเปลือกมังคุดและเทคโนโลยี Time-Released AHA ที่ช่วยลดการอุดตัน ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และดูแลผิวอย่างอ่อนโยนเพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

10. SoS Hyaluron pH Balancing Toner

10 SoS Hyaluron pH Balancing Toner

SoS เอะสึ โอ เอะสึ ไฮยาลูรอน พีเอช บาลานซ์ซิ่ง โทนเนอร์ ช่วยปรับสมดุล pH ของผิว เติมความชุ่มชื้น ลดการอุดตัน และป้องกันการระคายเคือง เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว

ปริมาณ300 มล.
ส่วนผสมหลักPortulaca Oleracea, ALGAE, Beta Glucan
ราคา350 บาท

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

SoS เอะสึ โอ เอะสึ ไฮยาลูรอน พีเอช บาลานซ์ซิ่ง โทนเนอร์ เป็นโทนเนอร์สูตรอ่อนโยนที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูสมดุลค่า pH ของผิวหลังจากการล้างหน้า โดยมีส่วนผสมที่ช่วยปกป้องผิวจากสิ่งสกปรกที่ก่อให้เกิดสิวอุดตันและสิวเสี้ยน ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและลดการอุดตันผิวอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยเติมออกซิเจนให้ผิว ทำให้ผิวดูสดชื่นและชุ่มชื้น นอกจากนี้โทนเนอร์ยังประกอบไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำไผ่จากเมืองอาโอโมริที่ช่วยลดแบคทีเรียและความมันบนใบหน้า สารสกัดจากสาหร่ายช่วยดูดซับสารพิษ และ Purslane ที่ช่วยป้องกันผิวจากรังสี UV รวมถึงช่วยลดการอักเสบและรอยแดง Beta Glucan และ Hyaluron ยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว พร้อมช่วยลดเลือนริ้วรอยและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูกระชับ เรียบเนียน โทนเนอร์นี้ไม่มีแอลกอฮอล์และไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน ทำให้เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว แม้กระทั่งผิวบอบบางแพ้ง่าย

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

โทนเนอร์ SoS เอะสึ โอ เอะสึ ไฮยาลูรอน พีเอช บาลานซ์ซิ่ง เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะช่วยปรับสมดุล pH ของผิวอย่างอ่อนโยน พร้อมกักเก็บความชุ่มชื้นและลดการอุดตันผิว ทำให้ผิวแข็งแรงและพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวแม้ผิวบอบบาง

วิธีเลือกโทนเนอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณ

457-วิธีเลือกโทนเนอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณ

การเลือกโทนเนอร์เป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลผิวหน้า โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องการให้ผิวสะอาดพร้อมรับการบำรุง โทนเนอร์ทำหน้าที่ปรับสมดุล pH ของผิว ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและสารตกค้างจากการล้างหน้าให้หมดจด แต่การเลือกโทนเนอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณเป็นสิ่งที่ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะแต่ละสภาพผิวต้องการการดูแลที่แตกต่างกัน ดังนั้น เราจะมาดูกันว่าโทนเนอร์แบบใดเหมาะกับสภาพผิวประเภทไหน

1. ผิวมัน (Oily Skin)

ผิวมันมีลักษณะเด่นที่การผลิตน้ำมันบนใบหน้ามากเกินไป ซึ่งมักจะส่งผลให้เกิดปัญหาสิว รูขุมขนกว้าง และผิวมันเยิ้มตลอดวัน สำหรับผู้ที่มีผิวมัน การเลือกโทนเนอร์ควรเน้นส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมันและลดการอุดตันของรูขุมขน

โทนเนอร์ที่ควรมองหา:

  • โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid หรือ Tea Tree Oil ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ลดสิว และควบคุมการผลิตน้ำมัน
  • ส่วนผสมอย่าง Niacinamide ช่วยกระชับรูขุมขนและลดความมันได้ดี
  • โทนเนอร์ควรปราศจากน้ำมัน (Oil-free) และแอลกอฮอล์เพื่อลดการระคายเคือง

หลีกเลี่ยง: โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง เพราะแม้จะทำให้ผิวรู้สึกสะอาดในทันที แต่ก็อาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้นในระยะยาว

2. ผิวแห้ง (Dry Skin)

ผิวแห้งมีลักษณะผิวที่ขาดน้ำ ความชุ่มชื้น และอาจมีอาการแห้งตึง ลอกเป็นขุย ซึ่งมักเกิดขึ้นหลังจากการล้างหน้า การเลือกโทนเนอร์สำหรับผิวแห้งจึงต้องมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความชุ่มชื้นและป้องกันการสูญเสียน้ำในผิว

โทนเนอร์ที่ควรมองหา:

  • เลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid หรือ Glycerin ซึ่งช่วยดึงความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิว
  • โทนเนอร์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น Aloe Vera หรือ Chamomile ช่วยปลอบประโลมผิวและลดการระคายเคือง
  • โทนเนอร์เนื้อสัมผัสน้ำนมหรือเนื้อเจล ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนานโดยไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ

หลีกเลี่ยง: โทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์หรือสารทำความสะอาดที่รุนแรง เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น และเกิดการระคายเคืองง่ายขึ้น

3. ผิวผสม (Combination Skin)

ผิวผสมเป็นสภาพผิวที่มีลักษณะเป็นสองแบบในใบหน้าเดียวกัน ส่วน T-Zone (หน้าผาก จมูก และคาง) มักจะมัน ส่วนบริเวณแก้มมักจะแห้งหรือธรรมดา การเลือกโทนเนอร์สำหรับผิวผสมจึงต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติหลากหลายที่สามารถดูแลทั้งสองส่วนได้อย่างสมดุล

โทนเนอร์ที่ควรมองหา:

  • โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ Witch Hazel หรือ Salicylic Acid ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดความมันส่วนเกินใน T-Zone โดยไม่ทำให้บริเวณที่แห้งระคายเคือง
  • ส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้น เช่น Aloe Vera และ Hyaluronic Acid ที่จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นในบริเวณผิวที่แห้ง
  • โทนเนอร์ที่มีค่า pH สมดุล เพื่อช่วยควบคุมความมันและเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวในเวลาเดียวกัน

หลีกเลี่ยง: โทนเนอร์ที่เน้นควบคุมความมันอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้บริเวณผิวที่แห้งเกิดการระคายเคืองได้

ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกโทนเนอร์

  • ทดสอบการแพ้: หากคุณไม่แน่ใจว่าส่วนผสมในโทนเนอร์จะเหมาะกับผิวหรือไม่ ควรทดสอบผลิตภัณฑ์บนผิวบริเวณเล็ก ๆ ก่อนเพื่อดูว่ามีการระคายเคืองหรือไม่
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารระคายเคือง: เลือกใช้โทนเนอร์ที่ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

การดูแลผิวให้มีสุขภาพดีและกระจ่างใสด้วยสครับขัดผิว

นอกจากการใช้โทนเนอร์เพื่อดูแลผิวหน้า การสครับขัดผิวก็เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและมีสุขภาพดีขึ้น การใช้แบรนด์สครับผิวขาวสามารถขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนออกไป ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสม่ำเสมอ

สครับขัดผิวขาว ที่มีส่วนผสมของ AHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วอย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำให้ผิวแห้ง นอกจากนี้ การใช้ มอยเจอร์ไรเซอร์ หลังการสครับจะช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้น และปกป้องผิวจากการระคายเคืองหลังการขัดผิว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรใช้ ครีมกันแดด ทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน เพื่อป้องกันผิวจากแสงแดดที่จะทำให้ผิวคล้ำเสีย


ทำไมโทนเนอร์ถึงเป็นขั้นตอนสำคัญในรูทีนการดูแลผิวทุกเช้า-เย็น

457-ทำไมโทนเนอร์ถึงเป็นขั้นตอนสำคัญในรูทีนการดูแลผิวทุกเช้า-เย็น

การดูแลผิวหน้าถือเป็นกิจวัตรสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพผิวให้ดีและดูอ่อนเยาว์ไปนาน ๆ ในบรรดาขั้นตอนต่าง ๆ ของการดูแลผิว โทนเนอร์มักถูกมองข้ามหรือถูกเข้าใจผิดว่าไม่จำเป็นเท่าขั้นตอนอื่น ๆ เช่น การล้างหน้า การใช้เซรั่ม หรือครีมบำรุง แต่ในความเป็นจริงแล้ว โทนเนอร์เป็นขั้นตอนที่มีบทบาทสำคัญและเป็นตัวช่วยที่ทำให้การบำรุงผิวในขั้นตอนต่อไปมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

1. ปรับสมดุล pH ของผิวหลังการล้างหน้า

หลังจากที่เราล้างหน้า ค่า pH ของผิวอาจเปลี่ยนไปเนื่องจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดส่วนใหญ่มีความเป็นด่างมากกว่าผิวธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้เกราะป้องกันผิวอ่อนแอลงและทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น โทนเนอร์จึงเข้ามามีบทบาทในการปรับสมดุล pH ของผิวให้กลับสู่สภาวะที่เหมาะสม ทำให้ผิวพร้อมสำหรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป เช่น การใช้เซรั่มหรือครีมบำรุง

2. ขจัดสิ่งตกค้างและสิ่งสกปรกที่หลงเหลือหลังการล้างหน้า

แม้ว่าการล้างหน้าจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินออกไป แต่ยังมีบางสิ่งที่อาจตกค้างอยู่บนผิว เช่น คราบเครื่องสำอางที่ล้างไม่หมด เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรกอื่น ๆ โทนเนอร์ทำหน้าที่ช่วยทำความสะอาดล้ำลึก ขจัดสิ่งตกค้างเหล่านี้ให้หมดไป ซึ่งจะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ป้องกันการเกิดสิว และทำให้ผิวพร้อมรับการบำรุง

3. เตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป

โทนเนอร์ไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่ทำความสะอาด แต่ยังทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นและพร้อมที่จะรับสารบำรุงจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อต่อด้วยการใช้เซรั่มหรือครีมบำรุง สารบำรุงต่าง ๆ จะซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้โทนเนอร์จึงเป็นเสมือนขั้นตอนการเตรียมผิวเพื่อให้การบำรุงเป็นไปอย่างเต็มที่

4. เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว

โทนเนอร์หลายสูตรในปัจจุบันไม่ได้มีเพียงแค่คุณสมบัติทำความสะอาด แต่ยังมีส่วนผสมที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว เช่น Hyaluronic Acid หรือสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง Aloe Vera ซึ่งช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นยาวนาน ลดปัญหาผิวแห้งตึงหลังล้างหน้า ทำให้ผิวดูสดชื่นและเรียบเนียน

5. ช่วยกระชับรูขุมขนและควบคุมความมัน

สำหรับผู้ที่มีผิวมันหรือรูขุมขนกว้าง โทนเนอร์สามารถช่วยลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า และกระชับรูขุมขนให้เล็กลง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและลดการเกิดสิว นอกจากนี้ยังช่วยลดความมันในระหว่างวันได้ดีอีกด้วย โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid หรือ Witch Hazel เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวมันและรูขุมขนกว้าง

6. ลดการระคายเคืองและปลอบประโลมผิว

โทนเนอร์บางสูตรมีส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบและการระคายเคืองของผิว เช่น Chamomile, Green Tea หรือ Centella Asiatica สารสกัดเหล่านี้มีคุณสมบัติปลอบประโลมผิว ทำให้โทนเนอร์เหมาะกับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งและระคายเคือง

7. เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาสิว

สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว โทนเนอร์เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สามารถช่วยลดสิวได้ เนื่องจากมีส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมันและลดการอุดตันของรูขุมขน นอกจากนี้โทนเนอร์ยังช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียบนผิว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ Tea Tree Oil หรือ Salicylic Acid จะช่วยลดการเกิดสิวและทำให้ผิวสะอาดขึ้น

เคล็ดลับการใช้โทนเนอร์ให้ได้ผลสูงสุดในการบำรุงผิว

457-เคล็ดลับการใช้โทนเนอร์ให้ได้ผลสูงสุดในการบำรุงผิว

การใช้โทนเนอร์เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญของการดูแลผิวที่หลายคนอาจมองข้าม แต่หากใช้อย่างถูกต้อง โทนเนอร์สามารถช่วยปรับสมดุลผิว ขจัดสิ่งสกปรก และเพิ่มประสิทธิภาพของการบำรุงผิวในขั้นตอนถัดไปได้อย่างมาก เพื่อให้การใช้โทนเนอร์ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เราจึงมีเคล็ดลับการใช้โทนเนอร์ที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพมาแนะนำ

1. เลือกโทนเนอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ

การเลือกโทนเนอร์ที่ถูกต้องตามสภาพผิวเป็นสิ่งสำคัญ โทนเนอร์ที่เหมาะกับผิวมันอาจไม่เหมาะกับผิวแห้ง และในทางกลับกัน หากคุณมีผิวมัน ควรมองหาโทนเนอร์ที่ช่วยควบคุมความมันและลดการอุดตันของรูขุมขน เช่น โทนเนอร์ที่มี Salicylic Acid หรือ Witch Hazel ส่วนผู้ที่มีผิวแห้งควรเลือกโทนเนอร์ที่มีสารให้ความชุ่มชื้น เช่น Hyaluronic Acid หรือ Aloe Vera ที่ช่วยเติมน้ำและบำรุงผิวได้อย่างอ่อนโยน

2. ใช้โทนเนอร์ทันทีหลังจากล้างหน้า

หลังจากที่ล้างหน้า ผิวของเราจะมีการสูญเสียความชุ่มชื้นและค่า pH ของผิวอาจไม่สมดุล การใช้โทนเนอร์ทันทีหลังจากล้างหน้าจะช่วยปรับสมดุล pH ให้ผิวกลับมาสู่ระดับที่เหมาะสม พร้อมทั้งช่วยรักษาความชุ่มชื้น ทำให้ผิวพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปได้ดีขึ้น

3. ใช้สำลีแผ่นในการทาโทนเนอร์อย่างเบามือ

แม้ว่าบางคนจะชอบใช้มือในการทาโทนเนอร์ แต่การใช้สำลีแผ่นจะช่วยให้การกระจายตัวของโทนเนอร์ทั่วถึงมากขึ้น และสามารถขจัดสิ่งสกปรกที่อาจหลงเหลือบนผิวหลังการล้างหน้าได้ การใช้สำลีแผ่นควรทำอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองกับผิว โดยควรลูบไล้จากบริเวณกลางใบหน้าออกไปทางกรอบหน้าอย่างอ่อนโยน

4. ทาโทนเนอร์ทั่วใบหน้าและลำคอ

หลายคนมักจะทาโทนเนอร์เฉพาะบริเวณใบหน้า แต่บริเวณลำคอก็ต้องการการบำรุงเช่นเดียวกัน เนื่องจากผิวบริเวณนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย การใช้โทนเนอร์ให้ทั่วถึงทั้งใบหน้าและลำคอจะช่วยให้ผิวดูสดใสและมีสุขภาพดีขึ้นอย่างทั่วถึง

5. ใช้โทนเนอร์เป็นประจำทุกเช้าและเย็น

การใช้โทนเนอร์ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต้องอาศัยความสม่ำเสมอ แนะนำให้ใช้โทนเนอร์ทุกเช้าและเย็นในขั้นตอนการดูแลผิว โดยการใช้โทนเนอร์ในตอนเช้าจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่สะสมระหว่างคืนและเตรียมผิวสำหรับการบำรุงในวันนั้น ส่วนในตอนเย็นโทนเนอร์จะช่วยขจัดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกที่สะสมมาตลอดทั้งวันออกไป ทำให้ผิวสะอาดล้ำลึก

6. ใช้โทนเนอร์ก่อนการทาเซรั่มหรือครีมบำรุง

โทนเนอร์ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยปรับสมดุลและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ซึ่งจะทำให้เซรั่มหรือครีมบำรุงที่ใช้ในขั้นตอนถัดไปซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น ควรทาโทนเนอร์ก่อนที่จะทาผลิตภัณฑ์บำรุงอื่น ๆ เพื่อให้สารบำรุงซึมซาบลงสู่ชั้นผิวได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด

7. เลือกใช้โทนเนอร์ที่ปราศจากสารที่ทำให้เกิดการระคายเคือง

โทนเนอร์ที่ดีควรปลอดจากสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารกันเสีย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย การเลือกใช้โทนเนอร์ที่อ่อนโยนและมีส่วนผสมจากธรรมชาติจะช่วยลดโอกาสการเกิดอาการแพ้และรักษาความสมดุลของผิวได้ดียิ่งขึ้น

8. ใช้โทนเนอร์ในปริมาณที่เหมาะสม

การใช้โทนเนอร์มากหรือน้อยเกินไปอาจทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีพอ ควรใช้โทนเนอร์ในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งมักจะอยู่ในปริมาณพอให้สำลีแผ่นชุ่มชื้น แต่ไม่ถึงกับเปียกเกินไป การใช้ในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยให้โทนเนอร์กระจายตัวได้ทั่วถึงและซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การดูแลผิวหน้าเพิ่มเติมเพื่อให้รูขุมขนกระชับและเรียบเนียน

นอกจากการใช้โทนเนอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวแล้ว การใช้ 10 ยี่ห้อครีมกระชับรูขุมขน ก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียนและลดปัญหารูขุมขนกว้าง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวดูไม่เรียบสม่ำเสมอ ครีมกระชับรูขุมขนส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมที่ช่วยลดการผลิตน้ำมันและปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น เช่น BHA ซึ่งช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน และ Niacinamide ที่ช่วยลดขนาดรูขุมขนและควบคุมความมันบนใบหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ครีมกระชับรูขุมขนควรเป็นส่วนหนึ่งของรูทีนการดูแลผิว ทั้งเช้าและเย็น และอย่าลืมทาครีมกันแดดในตอนเช้า เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดที่อาจทำให้รูขุมขนกว้างขึ้น และทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน

สรุปแล้ว การเลือกโทนเนอร์ยี่ห้อไหนดีที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยปรับสมดุล pH ของผิวแล้ว ยังช่วยขจัดสิ่งตกค้างและเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะมีผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม การเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมที่เหมาะสมจะช่วยดูแลผิวของคุณให้ดูสดใสและมีสุขภาพดี การใช้โทนเนอร์เป็นประจำทุกวันสามารถเสริมสร้างสุขภาพผิวที่ดีในระยะยาว พร้อมลดปัญหาผิวต่าง ๆ อย่างการอุดตัน รูขุมขนกว้าง และความแห้งตึง ดังนั้น อย่าลืมเลือกโทนเนอร์ที่เหมาะกับคุณเพื่อให้การดูแลผิวเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

คำถามที่พบบ่อย

1. โทนเนอร์จำเป็นต้องใช้ทุกวันหรือไม่?

ใช่ การใช้โทนเนอร์เป็นประจำทุกเช้าและเย็นเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะโทนเนอร์ช่วยปรับสมดุล pH ของผิวหลังการล้างหน้า ขจัดสิ่งตกค้าง และเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ควรเลือกโทนเนอร์แบบไหนสำหรับผิวมัน?

สำหรับผู้ที่มีผิวมัน ควรเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid, Tea Tree Oil หรือ Niacinamide เพื่อควบคุมความมัน ลดการอุดตันของรูขุมขน และกระชับรูขุมขน โทนเนอร์ควรปราศจากน้ำมันและแอลกอฮอล์เพื่อลดการระคายเคือง

3. ผู้ที่มีผิวแห้งควรเลือกโทนเนอร์แบบไหน?

ผู้ที่มีผิวแห้งควรมองหาโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid หรือ Glycerin เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น นอกจากนี้ โทนเนอร์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น Aloe Vera หรือ Chamomile ยังช่วยปลอบประโลมผิวและป้องกันการสูญเสียน้ำในผิวได้ดี

4. ควรหลีกเลี่ยงโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมอะไรบ้าง?

ควรหลีกเลี่ยงโทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่าย นอกจากนี้ น้ำหอมและสารเคมีรุนแรงก็ควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

Scroll to Top