เคยเจอปัญหาเรื่องการทำความสะอาดรถกันไหมคะ? หลายคนอาจจะบ่นว่าเหนื่อยมากเวลาจะทำความสะอาดสักที โดยเฉพาะบ้านไหนที่มีรถหลายคัน ต้องคอยเช็ดถูจนเมื่อย แต่ไม่ต้องกังวลแล้วค่ะ เพราะตอนนี้มี เครื่องดูดฝุ่นในรถ ที่จะช่วยให้การทำความสะอาดง่ายขึ้นเยอะ แถมยังประหยัดกว่าพาไปคาร์แคร์อีกด้วย วันนี้เราเลยอยากชวนมาดู 10 อันดับเครื่องดูดฝุ่นในรถที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ค่ะ เราจะมาดูกันว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นอะไรบ้าง โดยเน้นดูที่ 4 เรื่องหลักๆ คือ แบตอึดแค่ไหน ดูดฝุ่นได้แรงไหม ถังเก็บฝุ่นจุเท่าไหร่ และน้ำหนักพกพาสะดวกไหม นอกจากนี้เรายังมีเกร็ดความรู้ดีๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์เสริมที่ควรมี เทคนิคการเลือกซื้อ และทำไมเรื่องการเลือกเครื่องที่มีแรงดูดเยอะถึงสำคัญ โดยข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกเครื่องดูดฝุ่นได้เหมาะกับการใช้งานจริง และคุ้มค่ากับการลงทุนที่สุด รับรองว่าอ่านจบแล้ว คุณจะรู้เลยว่าควรเลือกรุ่นไหนดี ถ้าพร้อมแล้วอย่ารอช้าลองไปดูกันเลย
หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า
- แรงดูดของเครื่อง: สิ่งแรกที่เราดูเลยคือแรงในการดูดฝุ่นค่ะ ยิ่งแรงยิ่งดี จะได้กำจัดทั้งฝุ่น เส้นผม และขนสัตว์เลี้ยงได้หมดจด โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มองไม่เห็น แต่เป็นสาเหตุของภูมิแพ้
- แบตอึดแค่ไหน: สำหรับรุ่นไร้สาย เราให้ความสำคัญกับแบตเตอรี่ที่ต้องอยู่ได้นานพอที่จะทำความสะอาดรถได้จบในครั้งเดียว ไม่ต้องมาเสียอารมณ์กับการชาร์จกลางคัน โดยเราเลือกรุ่นที่ใช้งานได้ต่อเนื่องอย่างน้อย 30-45 นาที และชาร์จเต็มไวภายใน 2-3 ชั่วโมง
- ขนาดของถังเก็บฝุ่น: ยิ่งถังใหญ่ยิ่งดีค่ะ จะได้ไม่ต้องคอยหยุดเทฝุ่นบ่อยๆ ประหยัดเวลาได้เยอะเลย โดยเราพยายามเลือกรุ่นที่มีความจุอย่างน้อย 500-600 มล. และถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย
- น้ำหนักและขนาดต้องเบาแต่ถนัดมือ: เราเน้นเลือกแบรนด์ที่มีน้ำหนักเบา กะทัดรัด จะได้ใช้งานสะดวก โดยเฉพาะตามซอกมุมในรถ น้ำหนักไม่ควรเกิน 1.5 กิโลกรัม และควรมีด้ามจับที่ถนัดมือ ไม่ลื่นหลุดง่าย
- อุปกรณ์เสริมมีครบ: เราเลือกรุ่นที่ยิ่งมีหัวแปรงหลายแบบยิ่งดี จะได้เข้าถึงทุกซอกทุกมุมในรถได้ง่ายขึ้น เช่น หัวแปรงขนนุ่มสำหรับคอนโซล หัวดูดแบบแคบสำหรับซอกที่แคบๆ และแปรงกำจัดขนสัตว์โดยเฉพาะ
- ฟีเจอร์พิเศษที่น่าสนใจ: เราให้ความสำคัญกับฟีเจอร์พิเศษด้วย เช่นมีตัวกรอง HEPA ดักจับฝุ่นละออง หัวดูดเฉพาะสำหรับรถ หรือไฟ LED ส่องสว่าง ก็ยิ่งดีค่ะ บางรุ่นมาพร้อมระบบกรองอากาศ 2 ชั้น และมีไฟแสดงสถานะแบตเตอรี่ที่ชัดเจน
- ระดับเสียงดังไหม: ใครจะอยากได้ยินเสียงดังรบกวนตลอดเวลา ใช่มั้ยคะ? เราเลือกรุ่นที่ทำงานเงียบโดยระดับเสียงไม่ควรเกิน 65-70 เดซิเบล เพื่อให้สามารถใช้งานได้โดยไม่รบกวนสมาธิ
10 อันดับ เครื่องดูดฝุ่นในรถ
1. Xiaomi Mi Vacuum Cleaner Mini
Xiaomi Mi Vacuum Cleaner Mini เป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพาไร้สายขนาดเล็ก น้ําหนักเบา พลังดูด 30 วัตต์ มีระบบกรอง HEPA ปรับแรงดูดได้
ความจุแบตเตอรี่ | 1000 mAh |
กำลังไฟ | 120 W |
ความจุของกล่องเก็บฝุ่น | 100 ml |
น้ำหนักเครื่อง | 0.5 kg |
ข้อดี
- ขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาสะดวก
- ประสิทธิภาพการดูดฝุ่นสูง มอเตอร์ความเร็วสูง
- ระบบไส้กรอง HEPA ดักจับฝุ่นได้ดี
ข้อควรพิจารณา
- แบตเตอรี่ใช้งานได้เพียง 30 นาที หากใช้กำลังสูงใช้งานได้ประมาณ 9 นาที
- ความจุถังเก็บฝุ่นค่อนข้างน้อย
Xiaomi Mi Vacuum Cleaner Mini เป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพาไร้สาย มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เหมาะสําหรับใช้ดูดฝุ่นในบริเวณที่เข้าถึงยากและในรถ เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้มีมอเตอร์ไฟฟ้า BLDC ความเร็วรอบ 88,000 รอบต่อนาที พลังดูด 30 วัตต์
แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 30 นาที มีระบบกรอง HEPA สามารถปรับแรงดูดได้ 2 ระดับ มีสาย Type-C ในการชาร์จแบตเตอรี่ คุ้มค่าสําหรับเครื่องดูดฝุ่นพกพาที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพดี
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้
Xiaomi Mi Vacuum Cleaner Mini เป็นทางเลือกที่ดีเพราะเป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพาไร้สายที่มีขนาดเล็ก น้ําหนักเบา สะดวกในการพกพาไปใช้งาน มีประสิทธิภาพการดูดฝุ่นสูง คุณภาพเครื่องดี คุ้มค่ากับราคา
2. Autobot V เครื่องดูดฝุ่นแบบชาร์จไฟ
Autobot V เป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพาไร้สายขนาดเล็ก น้ําหนักเบา มีกําลังดูดสูง ระบบกรองอากาศดี และถังขยะถอดออกล้างได้
ความจุแบตเตอรี่ | 2000 mAh |
กำลังไฟ | 60 W |
ความจุของกล่องเก็บฝุ่น | 100 ml |
น้ำหนักเครื่อง | 0.795 kg |
ข้อดี
- น้ําหนักเบา พกพาได้สะดวก
- มีกําลังดูดสูง ดูดฝุ่นได้อย่างรวดเร็ว
- ระบบกรองอากาศดี ช่วยกรองฝุ่นและสิ่งสกปรกได้ดี
ข้อควรพิจารณา
- ขนาดเล็ก ความจุถังขยะอาจน้อย
- ระยะเวลาการใช้งานได้ประมาณ 25-28 นาที
Autobot V เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบพกพาขนาดเล็ก น้ำหนักเพียง 0.5 กิโลกรัม จึงพกพาได้สะดวก เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้มีกําลังไฟ 60 วัตต์ ความแรงในการดูด 4,200 พาสคาล สามารถดูดฝุ่นในบ้าน รถยนต์ และบริเวณต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและทรงพลัง
มีระบบกรองอากาศประสิทธิภาพสูง ช่วยกรองฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกได้อย่างดี มีถังขยะในตัวสําหรับเก็บฝุ่น สามารถถอดออกมาล้างได้ มีช่อง USB สําหรับชาร์จแบตเตอรี่
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้
Autobot V เป็นทางเลือกที่ดีเพราะเป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพาไร้สายที่มีขนาดเล็ก น้ําหนักเบา สะดวกในการเคลื่อนย้ายและใช้งาน มีกําลังดูดสูง ระบบกรองอากาศดี และถังขยะถอดออกล้างทําความสะอาดได้ง่าย
3. Baseus เครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ 6000 Pa
Baseus A2 Pro เป็นเครื่องดูดฝุ่นรถยนต์พกพาแบบไร้สาย ที่มีประสิทธิภาพสูงในการดูดฝุ่น ขนาดเล็ก และราคาไม่แพง
ความจุแบตเตอรี่ | 2000 mAh |
กำลังไฟ | 120 ml |
ความจุของกล่องเก็บฝุ่น | 0.508 kg |
น้ำหนักเครื่อง | 0.508 kg |
ข้อดี
- การดูดที่ทรงพลัง 6000 pa เพื่อการทำความสะอาดรถที่รวดเร็ว
- ใช้งานได้นาน 2 ชั่วโมงเมื่อชาร์จเต็ม
- การออกแบบขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาเพียง 0.5 กก.
ข้อควรพิจารณา
- ใช้เวลาชาร์จแบต 3-3.5 ชั่วโมง ซึ่งค่อนข้างนาน
- ความจุถังเก็บฝุ่นค่อนข้างน้อย
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้
Baseus A2 Pro เป็นเครื่องดูดฝุ่นรถยนต์ที่น่าเลือก เพราะมีขนาดเล็ก น้ําหนักเบา ดูดฝุ่นได้แรง ใช้งานสะดวก และราคาไม่แพง4. GPSDD SuiTU เครื่องดูดฝุ่นแบบพกพา
GPSDD SuiTU เครื่องดูดฝุ่นพกพา 15,000 พาสคาล น้ําหนักเบา ขนาดเล็ก สะดวกพกพา ใช้งานง่าย
ความจุแบตเตอรี่ | 2000 mAh |
กำลังไฟ | 120 W |
ความจุของกล่องเก็บฝุ่น | 100 ml |
น้ำหนักเครื่อง | 0.40 kg |
ข้อดี
- กําลังดูดสูง 15,000 พาสคาล ดูดฝุ่นได้รวดเร็ว
- ขนาดเล็ก น้ําหนักเบา พกพาไปใช้สะดวก
- ราคาไม่แพง คุ้มค่ากับการใช้งาน
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีระบบชาร์จแบตเตอรี่ในตัว
- ความจุถังเก็บฝุ่นค่อนข้างน้อย
GPSDD SuiTU เป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบพกพาที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา เหมาะสําหรับใช้ดูดฝุ่นในรถยนต์และบ้าน พกพาไปใช้ได้สะดวก เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ใช้มอเตอร์ไร้แปรงถ่าน ทําให้มีอายุการใช้งานนาน
มีกําลังดูดสูงถึง 15,000 พาสคาล สามารถดูดฝุ่นในรถและบ้านได้อย่างรวดเร็ว ด้ามจับมีขนาดพอดีมือ ทําให้จับและใช้งานได้สะดวก มีอุปกรณ์เสริมในการดูดฝุ่นและเป่าเศษฝุ่น เหมาะสําหรับผู้ที่ต้องการเครื่องดูดฝุ่นพกพาที่มีประสิทธิภาพและราคาไม่แพง
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้
GPSDD SuiTU เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะเป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพาขนาดเล็ก น้ําหนักเบา กําลังดูดสูงถึง 15,000 พาสคาล สะดวกพกพาใช้งาน
5. Sarlisi เครื่องดูดฝุ่นในรถ 3in1
เครื่องดูดฝุ่น Sarlisi ในรถ 3 in 1 เป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพาใช้งานได้ทั้งบ้านและรถ มีแรงดูดสูง 550,000 พาสคาล น้ําหนักเบา 0.3 กิโลกรัม พกพาสะดวก
ความจุแบตเตอรี่ | 5500 mAh |
กำลังไฟ | 150 W |
ความจุของกล่องเก็บฝุ่น | 100 ml |
น้ำหนักเครื่อง | 0.3 kg |
ข้อดี
- แรงดูดสูงถึง 550,000 พาสคาล ดูดฝุ่นได้อย่างรวดเร็วและหมดจด
- น้ําหนักเบา 0.3 กิโลกรัม พกพาไปใช้ได้สะดวกมาก
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 40 นาที ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
ข้อควรพิจารณา
- ความจุถังเก็บฝุ่นค่อนข้างน้อย
เครื่องดูดฝุ่น Sarlisi ในรถ 3 in 1 รุ่นนี้เหมาะสําหรับใช้ดูดฝุ่นทั้งในบ้านและรถยนต์ มีแรงดูดสูงถึง 550,000 พาสคาล กําลังไฟ 150 วัตต์ น้ำหนักเพียง 0.3 กิโลกรัม จึงพกพาได้สะดวก
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานประมาณ 40 นาที ชาร์จผ่านสาย USB มีหัวดูดฝุ่นหลายขนาดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม เสียงเงียบ เพียง 40 เดซิเบล ราคาคุ้มค่ากับประสิทธิภาพการดูดฝุ่นที่ดีเยี่ยม
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้
เครื่องดูดฝุ่น Sarlisi เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะเป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพาที่มีแรงดูดสูงถึง 550,000 พาสคาล น้ําหนักเพียง 0.3 กิโลกรัม จึงพกพาได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 40 นาที ราคาคุ้มค่ากับประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม
6. Airbot Supersonics 3.0
Airbot Supersonics 3.0 เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายมือถือ 2-IN-1 ด้ามจับใช้งานได้ทั้งบ้านและรถยนต์ มีมอเตอร์ Nidec BLDC ใหม่พลังดูดแรง ปรับความเร็วดูดฝุ่นได้ 2 ระดับ
ความจุแบตเตอรี่ | 2200 mAh |
กำลังไฟ | 150 W |
ความจุของกล่องเก็บฝุ่น | 0.5 L |
น้ำหนักเครื่อง | 2.2 kg |
ข้อดี
- เครื่องดูดฝุ่น 2 in 1 ใช้งานได้ทั้งบ้านและรถยนต์
- มอเตอร์ใหม่พลังดูดฝุ่นแรง ดูดฝุ่นได้สะอาด
- ปรับความเร็วดูดฝุ่นได้ 2 ระดับ ประหยัดพลังงาน
ข้อควรพิจารณา
- ราคาค่อนข้างสูง
- เครื่องค่อนข้างมีน้ำหนัก
Airbot Supersonics 3.0 เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายมือถือด้ามจับแบบ 2-IN-1 ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้ดูดฝุ่นในบ้านและในรถยนต์ได้
ใช้มอเตอร์ Nidec BLDC ใหม่ที่มีแรงดูดฝุ่นแรงขึ้น สามารถดูดฝุ่นบนพื้นผิวต่างๆ เช่น ไม้ หินอ่อน ลามิเนต กระเบื้อง ได้ดี มีปุ่มเปิด-ปิดแบบกดครั้งเดียว ทําให้สะดวกในการใช้งาน สามารถปรับความเร็วดูดฝุ่นได้ 2 ระดับ ได้แก่ ความเร็วต่ําเพื่อประหยัดพลังงานและเสียงเบากว่า และความเร็วสูงสําหรับดูดฝุ่นอย่างล้ำลึก
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้
Airbot Supersonics 3.0 เป็นทางเลือกที่ดีเพราะเป็นเครื่องดูดฝุ่น 2 ใน 1 สามารถใช้ได้ทั้งบ้านและรถยนต์ มีมอเตอร์ใหม่ที่มีพลังดูดฝุ่นแรงขึ้น สามารถปรับความเร็วได้ 2 ระดับเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน ทําให้สะดวกและมีประสิทธิภาพสูง
7. Shimono Cyclone รุ่น SVC-1017
Shimono Cyclone SVC-1017 เป็นเครื่องดูดฝุ่นที่ใช้เทคโนโลยีพายุไซโคลนดูดฝุ่นแรงสูง กรองฝุ่นด้วยแผ่น HEPA ทําความสะอาดได้ มอเตอร์แรงแต่ประหยัดพลังงาน
ความจุแบตเตอรี่ | 2400 mAh |
กำลังไฟ | 600 W |
ความจุของกล่องเก็บฝุ่น | 0.5 L |
น้ำหนักเครื่อง | 2.86 kg |
ข้อดี
- ใช้เทคโนโลยีพายุไซโคลน ทําให้มีพลังดูดฝุ่นแรง
- อุปกรณ์เสริมหลากหลาย ทําความสะอาดง่าย
- แผ่นกรอง HEPA ล้างทําความสะอาดได้ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
ข้อควรพิจารณา
- เป็นเครื่องดูดฝุ่นมีสาย อาจจำกัดเรื่องการใช้งาน
- ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กทั่วไป
Shimono Cyclone รุ่น SVC-1017 เป็นเครื่องดูดฝุ่นที่มีพลังดูดสูงเนื่องจากใช้เทคโนโลยีใหม่ แต่ยังคงประหยัดพลังงาน สามารถกําจัดไรฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวเครื่องมีอุปกรณ์เสริมหลากหลาย ได้แก่ 5 หัวแปรงและ 3 ข้อต่อ ใช้แผ่นกรอง HEPA ที่ล้างทําความสะอาดได้ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย มีความจุฝุ่น 0.5 ลิตร ความยาวสายไฟ 5 เมตร อุปกรณ์เสริมหลากหลายช่วยให้ใช้งานได้สะดวกในพื้นที่ต่าง ๆ สามารถปรับความยาวสายดูดได้ มอเตอร์มีพลังดูดสูงเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดฝุ่น แต่ตัวเครื่องยังคงกะทัดรัด ใช้เทคโนโลยีการดูดฝุ่นแบบพายุไซโคลนที่ทันสมัย
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้
Shimono Cyclone SVC-1017 เป็นทางเลือกที่ดีเพราะใช้เทคโนโลยีการดูดฝุ่นแบบพายุไซโคลนที่ทันสมัย ทําให้มีพลังดูดฝุ่นแรงแต่ยังคงประหยัดพลังงาน มีอุปกรณ์เสริมหลากหลายช่วยให้การทําความสะอาดง่ายขึ้น
8. PerySmith XTREME PRO XP6
PerySmith XTREME PRO XP6 เป็นเครื่องดูดฝุ่นมือถือสําหรับรถที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยเทคโนโลยีการกรองฝุ่นละเอียด พลังงานแบตเตอรี่สูง และอุปกรณ์เสริมช่วยทําความสะอาด
ความจุแบตเตอรี่ | 2200 mAh |
กำลังไฟ | 120 W |
ความจุของกล่องเก็บฝุ่น | 1,000 ml |
น้ำหนักเครื่อง | 2.38 kg |
ข้อดี
- ใช้เทคโนโลยี Xtreme Core Filtration เพิ่มประสิทธิภาพการดูดและกรองฝุ่น
- มอเตอร์ Smart Inverter พลังดูดฝุ่นแรง ทําความสะอาดได้ดี
- อุปกรณ์ครบครัน สะดวกใช้ทําความสะอาดทุกจุดในรถ
ข้อควรพิจารณา
- ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นทั่วไป
- เครื่องค่อนข้างหนัก อาจไม่สะดวกเท่าเครื่องพกพา
PerySmith XTREME PRO XP6 เป็นเครื่องดูดฝุ่นมือถือที่ออกแบบมาเพื่อใช้ทําความสะอาดภายในรถ โดยใช้เทคโนโลยี Xtreme Core Filtration เพิ่มประสิทธิภาพการดูดฝุ่นให้สูงสุดและกรองอนุภาคละเอียดขนาด 0.25 ไมครอนได้ มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นได้ถึง 99.97% และลดปริมาณงานของตัวกรอง HEPA ทําให้ใช้ซ้ําได้นาน
ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 22.2 โวลต์ มีเวลาทํางานต่อเนื่องนานสูงสุด 45 นาที อุปกรณ์มีมอเตอร์ Smart Inverter ความเร็ว 76,000 รอบต่อนาที ส่งแรงดูดที่ทรงพลังในการทําความสะอาด มีแปรงขัดพื้นแบบใช้มอเตอร์ดูดฝุ่น และการออกแบบที่คล่องตัวทําให้ใช้งานรอบเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างสะดวก
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้
PerySmith XTREME PRO XP6 เป็นเครื่องดูดฝุ่นมือถือที่ออกแบบมาสําหรับทําความสะอาดรถยนต์ได้ มีเทคโนโลยี Xtreme Core Filtration เพิ่มประสิทธิภาพการดูดฝุ่นและกรองฝุ่นได้ดีเยี่ยม มีมอเตอร์ Smart Inverter พลังดูดฝุ่นสูง อุปกรณ์ครบครันสําหรับทําความสะอาดรถยนต์
9. Mijia Handheld Vacuum Power 400W 20000Pa เครื่องดูดฝุ่นในรถ
Mijia Handheld Vacuum เป็นเครื่องดูดฝุ่นมือถือประสิทธิภาพสูง กําจัดฝุ่นได้ถึง 99.97% น้ําหนักเบา มีหัวแปรงหลายขนาด ถอดอุปกรณ์ล้างทําความสะอาดง่าย
ความจุแบตเตอรี่ | 2,500 mAh |
กำลังไฟ | 400 W |
ความจุของกล่องเก็บฝุ่น | 0.5 L |
น้ำหนักเครื่อง | 1.5 kg |
ข้อดี
- ช่วยกําจัดฝุ่น PM2.5 ได้ดีถึง 99.97%
- น้ําหนักเบา 1.5 กิโลกรัม พกพาได้สะดวก
- ถอดชิ้นส่วนได้ ทําความสะอาดง่าย
ข้อควรพิจารณา
- ราคาสูง
- เสียงรบกวนค่อนข้างดัง 75 dB
Mijia Handheld Vacuum เป็นเครื่องดูดฝุ่นมือถือที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถทํางานต่อเนื่องได้ 60 นาที ชาร์จไฟเต็มภายใน 3.5 ชั่วโมง กําจัดฝุ่นได้ละเอียดถึง 99.9% รวมถึงไรฝุ่น เชื้อรา และสารก่อภูมิแพ้ นอกจากนี้ยังกําจัดฝุ่น PM2.5 ได้ถึง 99.97% มีเสียงรบกวนเพียง 75 เดซิเบล ตัวกรองฝุ่น 5 ชั้นป้องกันไม่ให้ฝุ่นฟุ้งกระจายออกมา น้ําหนักเพียง 1.5 กิโลกรัม จึงถือได้สะดวก
ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม 2,500 mAh จากซัมซุง มีหัวแปรง 4 หัวใช้สําหรับดูดฝุ่นในพื้นผิวต่างๆ เช่น พื้น ที่นอน โซฟา รถยนต์ คีย์บอร์ด เป็นต้น สามารถถอดอุปกรณ์ต่างๆ ออกมาล้างทําความสะอาดได้ง่าย
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้
Mijia Handheld Vacuum เป็นทางเลือกที่ดีเพราะเป็นเครื่องดูดฝุ่นมือถือที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถทํางานต่อเนื่อง 60 นาที กําจัดฝุ่น PM2.5 ได้ดีเยี่ยมถึง 99.97% นอกจากนี้ยังมีน้ําหนักเบา พกพาได้สะดวก และสามารถถอดชิ้นส่วนต่างๆ ออกมาทําความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย
10. Philips New Style ST6101
Philips New Style ST6101 เป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพาไร้สายที่มีกําลังดูดสูง น้ําหนักเบา ปรับความยาวท่อได้ และมีระบบกรองอากาศ HEPA
ความจุแบตเตอรี่ | 5000 mAh |
กำลังไฟ | 120 W |
ความจุของกล่องเก็บฝุ่น | 0.53 L |
น้ำหนักเครื่อง | 1 kg |
ข้อดี
- มีกําลังดูดสูง ดูดฝุ่นได้รวดเร็ว
- น้ําหนักเบา พกพาสะดวก
- ปรับความยาวท่อได้ ทําความสะอาดพื้นที่ต่าง ๆ ได้ดี
ข้อควรพิจารณา
- เสียงดัง ไม่เหมาะสําหรับคนที่ไม่ชอบเสียงดัง
- ความจุแบตเตอรี่น้อย อาจหมดไฟระหว่างการใช้งานได้
Philips New Style ST6101 เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบพกพา สามารถใช้งานได้ทั้งในบ้านและในรถยนต์ เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้มีกําลังดูดสูงถึง 30,000 กิโลพาสคาล ช่วยให้ดูดฝุ่นได้อย่างรวดเร็ว มีน้ํำหนักเบาเพียง 1.5 กิโลกรัม เครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้สามารถปรับความยาวของท่อดูดฝุ่นได้ ใช้ได้ทั้งแบบสั้นและยาว
เครื่องดูดฝุ่นเป็นแบบชาร์จไฟไร้สาย สามารถถอดแบตเตอรี่ออกมาชาร์จได้ เสียงรบกวน 84 dB มีระบบกรองอากาศ HEPA ช่วยกรองฝุ่นละอองได้อย่างดี
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้
Philips New Style ST6101 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะเป็นเครื่องดูดฝุ่นพกพาไร้สายที่มีกําลังดูดสูง น้ําหนักเบา ปรับความยาวท่อได้ และมีระบบกรองอากาศ HEPA ช่วยดูดฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนะนำอุปกรณ์เสริมสุดปังที่จำเป็นสำหรับการทำความสะอาดในรถยนต์
หลังจากที่เราได้รู้จักเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ที่ดีที่สุด 10 อันดับกันไปแล้ว มาดูกันดีกว่าค่ะว่าอุปกรณ์เสริมอะไรบ้างที่จะช่วยให้การทำความสะอาดรถของเราง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น อุปกรณ์พวกนี้จะช่วยให้เราเข้าถึงทุกซอกทุกมุมของรถได้อย่างทั่วถึงเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพรมปูพื้น เบาะนั่ง หรือแม้แต่ท้ายรถ มาดูกันเลยค่ะว่ามีอะไรบ้างที่น่าสนใจ
- หัวดูดแบบแคบ: ใครที่มักจะทำขนมร่วงในรถบ่อยๆ ต้องมีอันนี้เลยค่ะ เจ้าตัวนี้จะช่วยให้เราเข้าถึงจุดที่เล็กๆ แคบๆ ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะตามซอกระหว่างเบาะกับคอนโซลกลาง
- แปรงดูดฝุ่น: ไอเท็มเด็ดที่เรียกได้ว่าขาดไม่ได้ เป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับทำความสะอาดเบาะผ้าและพรม ช่วยให้ฝุ่นและเศษผงหลุดออกมาได้ง่าย ไม่ติดค้างอยู่ในเนื้อผ้า ทำให้รถของเราดูสะอาดน่านั่งมากขึ้นค่ะ
- ท่อต่อ: ท่อต่อช่วยให้เราเอื้อมถึงจุดที่ไกลๆ ได้สบายๆ ไม่ว่าจะเป็นใต้เบาะหรือมุมที่เข้าถึงยากในห้องโดยสารด้านหลัง โดยที่เราไม่ต้องเอื้อมมือให้ปวดเมื่อยตัวเลยค่ะ
- หัวดูดพิเศษสำหรับของเหลว: ตัวช่วยกู้วิกฤตสำหรับใครที่ซุ่มซ่าม เวลาน้ำหรือเครื่องดื่มหกในรถ ช่วยให้เราจัดการกับของเหลวที่หกเลอะได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องกังวลเรื่องคราบเลอะเทอะให้ปวดหัวค่ะ
อุปกรณ์เสริม | คุณสมบัติ | ประโยชน์ |
หัวดูดแบบแคบ | เข้าถึงพื้นที่แคบ | ทำความสะอาดได้ล้ำลึก ช่วยขจัดฝุ่นในที่ที่มือไม่ถึง |
แปรงดูดฝุ่น | มีขนแปรงอ่อนนุ่ม | ดูดฝุ่นบนเบาะหรือผ้าได้ดีโดยไม่ทำให้เกิดความเสียหาย |
ท่อต่อ | เช้าถึงในจุดที่แขนเอื้อมไม่ถึง | สะดวกสบายในการดูดฝุ่นภายใต้เบาะนั่งหรือในพื้นที่ที่มือไม่ถึง |
หัวดูดพิเศษสำหรับของเหลว | สามารถดูดของเหลวได้ | ช่วยจัดการกับเหตุการณ์น้ำหกหรือของเหลวอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในรถ |
การเลือกใช้อุปกรณ์เสริมให้เหมาะสมจะช่วยให้การทำความสะอาดรถของเราง่ายและได้ผลดียิ่งขึ้น อย่าลืมเช็คด้วยว่าเครื่องดูดฝุ่นที่เราซื้อมาใช้กับอุปกรณ์เสริมพวกนี้ได้หรือเปล่า จะได้ทำความสะอาดรถได้ทั่วถึงทุกซอกทุกมุมค่ะ
เคล็ดลับวิธีเลือกเครื่องดูดฝุ่นในรถยังไงให้ได้ตัวที่ใช่
- พลังดูด: แรงดูดที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด เพราะจะช่วยให้สามารถดูดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจด โดยไม่มีฝุ่นหรือเศษผงตกค้างในรถของคุณค่ะ
- แบตเตอรี่ (สำหรับรุ่นไร้สาย): ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างดี ยิ่งแบตเตอรี่มีความทนทานมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน ไม่ต้องเสียเวลาชาร์จบ่อยๆ ให้เสียอารมณ์ค่ะ
- น้ำหนักและขนาด: ควรเลือกเครื่องที่มีขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก และน้ำหนักเบาพอเหมาะ เพื่อความคล่องตัวในการใช้งานและความสะดวกในการจัดเก็บ โดยเฉพาะสำหรับรถขนาดเล็กที่มีพื้นที่จำกัดค่ะ
- ความจุถังเก็บฝุ่น: ถังเก็บฝุ่นที่มีความจุมากพอสมควรจะช่วยให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องหยุดเทฝุ่นบ่อยๆ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและทำให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ
- อุปกรณ์เสริม: การมีหัวดูดหลากหลายรูปแบบจะช่วยให้สามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ในรถได้อย่างทั่วถึง ไม่ว่าจะเป็นซอกมุมเล็กๆ พื้นพรม เบาะนั่ง หรือแม้แต่พื้นที่ที่เข้าถึงยาก ทำให้การทำความสะอาดมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ
- แบบมีสายหรือไร้สาย: แต่ละแบบมีข้อดีต่างกัน รุ่นไร้สายให้ความคล่องตัวในการใช้งานสูง เหมาะกับการทำความสะอาดแบบรวดเร็ว ส่วนแบบมีสายเหมาะสำหรับการใช้งานต่อเนื่องยาวนาน ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดค่ะ
- ง่ายต่อการดูแลรักษา: เลือกเครื่องที่ออกแบบมาให้สะดวกต่อการบำรุงรักษา ทั้งการถอดล้างทำความสะอาดถังเก็บฝุ่น การเปลี่ยนไส้กรอง และการเทฝุ่นทิ้ง เพื่อให้การดูแลรักษาเป็นเรื่องง่ายและไม่กลายเป็นภาระในระยะยาวค่ะ
- ขนาดและน้ำหนัก: เครื่องดูดฝุ่นในรถจะเล็กกะทัดรัดและเบา พกพาง่าย เหมาะกับพื้นที่จำกัดในรถ ส่วนเครื่องดูดฝุ่นในบ้านจะใหญ่หน่อยเพราะต้องทำความสะอาดพื้นที่เยอะกว่านั่นเองค่ะ
- แรงดูด: เครื่องดูดฝุ่นในบ้านจะมีแรงดูดสูงกว่า เพราะต้องจัดการกับพื้นผิวหลายแบบ ทั้งพรมหนาๆ และพื้นแข็ง ส่วนเครื่องดูดฝุ่นในรถก็มีแรงดูดที่พอเหมาะกับการเก็บเศษผงเล็กๆ น้อยๆ ในรถค่ะ
- หัวดูด: เครื่องดูดฝุ่นในบ้านมักจะมีหัวดูดให้เลือกเยอะ เพราะต้องทำความสะอาดทั้งพรม กระเบื้อง ไม้ ส่วนเครื่องดูดฝุ่นในรถจะมีหัวดูดพิเศษที่ออกแบบมาให้เข้าซอกเข้ามุมในรถได้ดีค่ะ
- การพกพา: เครื่องดูดฝุ่นในรถส่วนใหญ่จะเป็นแบบพกพา เก็บในรถได้สบายๆ ใช้งานง่าย ไม่ต้องต่อปลั๊กให้ยุ่งยากค่ะ
- แหล่งพลังงาน: เครื่องดูดฝุ่นในบ้านจะใช้ไฟบ้าน ทำงานได้นานไม่มีหมด ส่วนเครื่องดูดฝุ่นในรถอาจจะใช้แบตเตอรี่หรือต่อกับที่จุดบุหรี่ในรถก็ได้ค่ะ
ทำไมแรงดูดของเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์ถึงสำคัญ
แรงดูดเป็นหัวใจสำคัญของเครื่องดูดฝุ่นเลยทีเดียวค่ะ เพราะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้รถของเราสะอาดน่าใช้งาน โดยจะช่วยดูดฝุ่นผง สิ่งสกปรก และเศษต่างๆ ออกจากพื้นผิวภายในรถได้อย่างหมดจด ถ้าเครื่องดูดฝุ่นมีพลังดูดแรงๆ ก็จะยิ่งทำความสะอาดได้ดีขึ้นค่ะ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องจัดการกับคราบสกปรกฝังแน่น ไม่ว่าจะเป็นขนสัตว์เลี้ยง เม็ดทราย หรือเศษขนมที่ร่วงตามซอกเบาะและพรม
- พลังดูด: ยิ่งแรงดูดเยอะ ก็ยิ่งเก็บกวาดสิ่งสกปรกได้สะอาดหมดจด
- ประหยัดเวลา: แรงดูดที่มากช่วยให้ทำความสะอาดได้เร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลามาก
- ทำความสะอาดได้ทุกพื้นผิว: ใช้ได้ทั้งบนเบาะ พรมปูพื้น และพื้นผิวต่างๆ ในรถได้หมดเลย
- เข้าถึงทุกซอกทุกมุม: ช่วยให้ทำความสะอาดได้ลึกถึงเส้นใยผ้า และเข้าถึงมุมเล็กๆ น้อยๆ ได้ดีค่ะ
- อากาศในรถสดชื่น: ช่วยกำจัดฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ ทำให้อากาศในรถสะอาดน่าหายใจ
ด้าน | ความสำคัญ |
พลังดูด | สามารถขจัดสิ่งสกปรกและเศษต่าง ๆ ได้มากขึ้น รวมถึงคราบสกปรกที่ฝังแน่น |
ประสิทธิภาพ | ประหยัดเวลาด้วยการทำความสะอาดให้ทั่วถึงมากขึ้นโดยใช้รอบน้อยลง |
ความหลากหลาย | ใช้งานได้หลากหลายสำหรับพื้นผิวภายในรถยนต์ประเภทต่าง ๆ |
การเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่ใช่สำหรับรถของเรา ก็ต้องดูที่ความต้องการของเราเป็นหลักนะคะ ลองคิดดูว่ารถเราขนาดไหน มักจะมีสิ่งสกปรกแบบไหนบ้าง และที่สำคัญที่สุดคือดูเรื่องพลังดูดให้ดีๆ ค่ะ เพราะนี่แหละที่จะบอกได้ว่าเครื่องจะทำงานได้ดีแค่ไหน ถ้าเลือกได้เหมาะๆ ก็จะช่วยให้การทำความสะอาดรถเป็นเรื่องง่าย ประหยัดเวลา และรถก็จะสะอาดน่าใช้อยู่เสมอค่ะ
คําถามที่พบบ่อย
1. ทำไมพลังดูดถึงสำคัญมากในการเลือกเครื่องดูดฝุ่นรถยนต์?
พลังดูดเป็นหัวใจสำคัญเลยล่ะค่ะ เพราะจะเป็นตัวบอกว่าเครื่องของเราจะทำความสะอาดได้ดีแค่ไหน ยิ่งพลังดูดแรง ก็ยิ่งกำจัดฝุ่น เศษผม หรือขนสัตว์เลี้ยงได้หมดจด ไม่ต้องเสียเวลาดูดซ้ำหลายรอบด้วย
2. มีอุปกรณ์เสริมอะไรบ้างที่ควรมีติดรถไว้?
แนะนำว่าควรมีหัวดูดหลายๆ แบบไว้ใช้ค่ะ ทั้งหัวแคบๆ สำหรับซอกมุม แปรงสำหรับเบาะ และสายดูดแบบยืดหยุ่นที่จะช่วยให้เราเข้าถึงทุกซอกทุกมุมในรถได้ง่ายขึ้น จะได้ทำความสะอาดได้ทั่วถึงสุดๆ
3. ควรเลือกเครื่องดูดฝุ่นแบบมีสายหรือไร้สายดี?
ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเราเลยค่ะ ถ้าชอบความคล่องตัว แบบไร้สายก็เหมาะมากๆ เพราะพกพาง่าย ใช้ได้ทุกที่ แต่ถ้าต้องทำความสะอาดนานๆ แบบมีสายก็ดีเหมือนกันนะคะ เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมด
4. ต้องทำความสะอาดถังเก็บฝุ่นบ่อยแค่ไหน?
แนะนำให้เช็คดูทุกครั้งหลังใช้งานเลยค่ะ ถ้าเห็นว่าฝุ่นเริ่มเยอะก็เททิ้งได้เลย ไม่ต้องรอให้เต็มถัง แบบนี้เครื่องจะดูดได้แรงตลอด ทำความสะอาดได้สะอาดหมดจดทุกครั้งที่ใช้ค่ะ