ในงานก่อสร้างและงานช่าง ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญสูงสุด โดยเฉพาะการปกป้องเท้าจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยง เช่น การถูกวัตถุหนักตกใส่ การเหยียบของมีคม หรือการลื่นล้มในพื้นที่เปียกหรือมัน รองเท้าเซฟตี้ จึงกลายเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมเหล่านี้ ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้สวมใส่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และนอกจากเรื่องความปลอดภัยแล้ว รองเท้าเซฟตี้ที่ดีควรตอบโจทย์ในด้านความสบายและความทนทาน เพื่อให้สามารถสวมใส่ได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ทำให้เกิดความอึดอัดหรือเมื่อยล้า ดังนั้นในบทความนี้เราจะช่วยแนะนำ 10 รองเท้าเซฟตี้ ยี่ห้อไหนดี แข็งแรง ทนทาน พร้อมวิธีการเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่เหมาะสมสำหรับงานก่อสร้างและงานช่าง โดยเน้นปัจจัยสำคัญ เช่น คุณสมบัติการป้องกัน วัสดุที่ใช้ ความสามารถในการระบายอากาศ การกันลื่น และมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่ารองเท้าที่เลือกจะให้การปกป้องที่ดีที่สุด พร้อมทั้งความสะดวกสบายและความคุ้มค่าในการใช้งานระยะยาว
หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า
- ความปลอดภัยและการป้องกัน : รองเท้าเซฟตี้ที่ดีต้องออกแบบมาเพื่อปกป้องเท้าจากอันตรายหลากหลายรูปแบบ เช่น การกระแทกจากวัตถุหนักที่ตกใส่ การป้องกันการเหยียบของมีคม หรือสารเคมีที่อาจพบในบางงาน นอกจากนี้ หัวรองเท้าควรผลิตจากวัสดุที่แข็งแรง เช่น เหล็กหรือคอมโพสิต เพื่อช่วยป้องกันการกระแทกและการกดทับที่อาจเกิดขึ้นได้
- ความทนทานของวัสดุ : วัสดุที่ใช้ในการผลิตรองเท้าเซฟตี้มีผลโดยตรงต่อความทนทานและอายุการใช้งาน วัสดุอย่างหนังแท้หรือยางสังเคราะห์ที่มีคุณภาพสูงสามารถทนต่อการใช้งานหนัก การสัมผัสน้ำ ความร้อน หรือสารเคมีได้ดี รองเท้าที่ทนทานช่วยลดความเสียหายและยังคงรูปทรงแม้จะใช้งานในระยะยาว
- ความสบายและการระบายอากาศ : การใส่รองเท้าเซฟตี้ตลอดทั้งวันอาจทำให้เท้าเกิดความอับชื้นและไม่สบาย ดังนั้น รองเท้าควรมีการออกแบบที่ช่วยระบายอากาศได้ดี เพื่อลดความร้อนและความชื้นภายใน ป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือการเกิดเชื้อรา อีกทั้งรองเท้าควรมีน้ำหนักเบาและพื้นรองเท้าที่นุ่มสบาย ช่วยลดอาการเมื่อยล้าระหว่างการทำงาน
- คุณสมบัติการกันลื่น : พื้นที่ในการทำงาน เช่น ไซต์ก่อสร้างหรือพื้นที่ที่มีน้ำมันและของเหลว สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการลื่นล้มได้ รองเท้าที่มีดอกยางลึกและพื้นรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อการยึดเกาะที่ดี ช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้และเพิ่มความมั่นใจในทุกการก้าวเดิน
- มาตรฐานความปลอดภัย : รองเท้าเซฟตี้ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น มาตรฐานยุโรป (EN) หรือมาตรฐานญี่ปุ่น (JSAA) ถือเป็นตัวเลือกที่มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย การได้รับการรับรองหมายถึงรองเท้าได้ผ่านการทดสอบและปฏิบัติตามข้อกำหนดที่เข้มงวด ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน
10 อันดับ รองเท้าเซฟตี้ ยี่ห้อไหนดี แนะนำรองเท้าคุณภาพสูง ปลอดภัย เหมาะกับทุกการใช้งาน
1. CAT P90800
รองเท้าเซฟตี้ CATERPILLAR รุ่น Outline Steel Toe P90800 ผลิตจากหนังแท้คุณภาพสูงพร้อมหัวโลหะเสริมความปลอดภัย ทนทาน และสวมใส่สบาย เหมาะสำหรับงานก่อสร้างและช่างมืออาชีพ
ขนาด | 41 – 45 EU |
วัสดุ | หนัง Full Grain |
ระดับป้องกันไฟฟ้า | 600 โวลต์ |
งานที่เหมาะสม | งานก่อสร้าง |
ราคา | 3,100 บาท |
ข้อดี
- หัวรองเท้าเสริมโลหะตามมาตรฐานสากล ช่วยป้องกันการกระแทกและบีบอัด
- พื้นรองเท้ากันลื่นและทนต่อแรงดันไฟฟ้า เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน
- ผลิตจากหนังแท้ Full Grain คุณภาพสูง ทนทานและใช้งานได้นาน
ข้อควรพิจารณา
- อาจมีน้ำหนักมากกว่ารองเท้าเซฟตี้ที่ไม่มีหัวโลหะ
- ราคาสูงกว่าแบรนด์ทั่วไป
รองเท้าเซฟตี้ CATERPILLAR รุ่น Outline Steel Toe P90800 เป็นรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์งานก่อสร้างและงานช่างอย่างมืออาชีพ ผลิตจากหนังแท้ Full Grain คุณภาพสูง ให้ความทนทานและป้องกันได้อย่างดีเยี่ยม หัวรองเท้าเสริมโลหะชนิดพิเศษตามมาตรฐาน ASTM F2413-18 สามารถทนแรงกระแทกและการบีบอัดได้อย่างปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติป้องกันไฟฟ้าสถิต สามารถทนแรงดันไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 600 โวลต์ พร้อมพื้นรองเท้ายาง T1260 ที่กันลื่น ทำให้เหมาะกับการใช้งานในทุกสภาพพื้นผิว ข้อรองเท้าบุนุ่มด้วยผ้าตาข่ายและซับในไมโครไฟเบอร์ ช่วยเพิ่มความสบายในการสวมใส่ระหว่างทำงาน โครงสร้างรองเท้าแบบ Cement Construction เพิ่มความแข็งแรงทนทาน รองเท้ารุ่นนี้ถือเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยและความทนทานในราคาที่คุ้มค่า
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
รองเท้าเซฟตี้ CATERPILLAR รุ่น Outline Steel Toe P90800 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมเพราะมอบความปลอดภัยสูงสุดด้วยหัวรองเท้าโลหะที่ทนแรงกระแทกและพื้นกันลื่น อีกทั้งยังสวมใส่สบายและทนทานเหมาะสำหรับงานก่อสร้างหรือช่างมืออาชีพในทุกสภาพแวดล้อม
2. ASICS Winjob CP201
รองเท้านิรภัย Skechers Work™ รุ่น Arch Fit® SR - Angis Comp Toe มาพร้อมกับเทคโนโลยีรองรับแรงกระแทก กันลื่น และป้องกันอันตรายจากไฟฟ้า เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการทั้งความปลอดภัยและความสบาย
ขนาด | 35 – 50.5 EU |
วัสดุ | หนังสังเคราะห์, ผ้า |
ระดับป้องกันไฟฟ้า | ไม่กันไฟฟ้า |
งานที่เหมาะสม | งานช่างในร่ม |
ราคา | 3,290 บาท |
ข้อดี
- รองรับแรงกระแทกได้ดีด้วยเทคโนโลยี Arch Fit® และ Alpha Gel
- พื้นรองเท้ากันลื่นได้ดีแม้ในพื้นที่ที่มีคราบน้ำมัน
- ป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าด้วยมาตรฐาน Electrical Hazard (EH)
ข้อควรพิจารณา
- หัวรองเท้า Composite อาจไม่ทนทานเท่าหัวเหล็กในบางสภาวะ
- อาจมีน้ำหนักมากกว่ารองเท้าทั่วไป
รองเท้านิรภัย Skechers Work™ รุ่น Arch Fit® SR – Angis Comp Toe สีดำ ถูกออกแบบมาเพื่อการสวมใส่ที่สบายและปลอดภัยสูงสุด ด้วยเทคโนโลยี Arch Fit® ที่รองรับส่วนโค้งของเท้าและช่วยลดแรงกระแทก พร้อมกับพื้นรองเท้าชั้นในที่สามารถถอดได้เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด ระบบระบายอากาศ Air-Cooled ช่วยให้เท้ารู้สึกเย็นสบายแม้ใส่ในระยะเวลานาน หัวรองเท้า Composite ที่ไม่ใช่โลหะได้รับมาตรฐานความปลอดภัย ASTM F2413 ซึ่งทนต่อแรงกระแทกและการบีบอัด พื้นรองเท้า Arch Fit® SR กันลื่นได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีคราบน้ำมันหรือสารลื่น นอกจากนี้ ยังป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าด้วยมาตรฐาน Electrical Hazard (EH) พื้นรองเท้าชั้นกลางประกอบด้วย Alpha Gel และ fuzeGEL ที่ดูดซับแรงกระแทกได้ดี ช่วยเสริมความปลอดภัยและความสบายในทุกย่างก้าว
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
รองเท้านิรภัย Skechers Work™ รุ่น Arch Fit® SR – Angis Comp Toe เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยและความสบายในทุกย่างก้าว ด้วยเทคโนโลยีรองรับแรงกระแทกและกันลื่นที่ได้รับมาตรฐาน พร้อมการป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าและความทนทานสูง
3. Safety Jogger RUSH
รองเท้าเซฟตี้ Safety Jogger รุ่น RUSH S3 เป็นรองเท้านิรภัยที่ทันสมัย สวมใส่สบาย พร้อมคุณสมบัติป้องกันน้ำ กันลื่น และการกระแทก เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกสภาพแวดล้อม
ขนาด | 36 – 48 EU |
วัสดุ | ผ้า, หนังกลับ |
ระดับป้องกันไฟฟ้า | 1,000 โอห์ม |
งานที่เหมาะสม | งานช่างภายนอก |
ราคา | 1,930 บาท |
ข้อดี
- หัวรองเท้าเป็นเหล็กแข็งแรง รองรับแรงกระแทกได้ดี
- พื้นรองเท้ากันลื่นและป้องกันการเจาะทะลุ
- ดีไซน์ทันสมัย มีซิปด้านข้าง สวมใส่ง่าย
ข้อควรพิจารณา
- อาจไม่เหมาะสำหรับสภาพอากาศที่ร้อนจัด เนื่องจากหุ้มข้อสูง
- น้ำหนักรองเท้าอาจหนักกว่ารองเท้าทั่วไป
รองเท้าเซฟตี้ Safety Jogger รุ่น RUSH S3 เป็นรองเท้าหุ้มข้อที่ออกแบบมาอย่างทันสมัยและสวมใส่สบาย โดดเด่นด้วยซิปด้านข้างที่ช่วยให้สวมใส่ง่าย มาพร้อมกับความปลอดภัยขั้นสูงสุดตามมาตรฐาน S3 พื้นรองเท้าผลิตจากพียูทนทานต่อแรงกระแทกและการเจาะทะลุ เสริมแผ่นเหล็กที่พื้นเพื่อป้องกันการทะลุได้อย่างดีเยี่ยม หัวรองเท้าเป็นหัวเหล็กที่สามารถรองรับแรงกระแทกได้ถึง 200 จูล พื้นรองเท้ามีปุ่มกันลื่นช่วยเพิ่มความปลอดภัยในทุกสภาวะการทำงาน วัสดุผิวรองเท้าทำจากผ้าใบและหนังกลับคุณภาพสูง สามารถกันน้ำและระบายอากาศได้ดี ช่วยให้เท้าของคุณสบายตลอดการใช้งาน เหมาะสำหรับการทำงานในสภาวะแวดล้อมที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
รองเท้าเซฟตี้ Safety Jogger รุ่น RUSH S3 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุดในการทำงาน ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย สวมใส่สบาย และคุณสมบัติป้องกันการกระแทกและการเจาะทะลุ ช่วยเพิ่มความมั่นใจในทุกสภาพการทำงาน
4. SAFETY GOODS PUA
รองเท้าเซฟตี้ SAFETY GOODS รุ่น PUA ผลิตจากหนังแท้และหัวเหล็กที่ได้มาตรฐาน ISO 20345 ป้องกันการกระแทกและทะลุได้ดี เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรมในราคาที่คุ้มค่า
ขนาด | 35 – 47 EU |
วัสดุ | หนังวัว |
ระดับป้องกันไฟฟ้า | ไม่กันไฟฟ้า |
งานที่เหมาะสม | งานช่างทั่วไป |
ราคา | 469 บาท |
ข้อดี
- หัวเหล็กกันสนิมรองรับแรงกระแทกได้ 200 จูล ปลอดภัยสูง
- พื้นรองเท้า PU น้ำหนักเบา ทนสารเคมีและกันลื่นได้ดี
- ผลิตจากหนังวัวแท้ ทนทานต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม
ข้อควรพิจารณา
- อาจมีขนาดที่ไม่พอดีกับผู้ใช้บางคน ควรตรวจสอบขนาดอย่างละเอียด
- น้ำหนักของหัวเหล็กอาจทำให้รู้สึกหนักเมื่อสวมใส่นานๆ
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
รองเท้าเซฟตี้ SAFETY GOODS รุ่น PUA เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีความทนทานสูงจากการผลิตด้วยหนังแท้และหัวเหล็กที่ผ่านมาตรฐาน ISO 20345 ช่วยป้องกันอันตรายจากการกระแทกและทะลุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในราคาที่คุ้มค่าและเหมาะกับงานอุตสาหกรรม5. PANGOLIN 2001
รองเท้าเซฟตี้ Pangolin รุ่น 2001 เป็นรองเท้านิรภัยหัวเหล็กดีไซน์สปอร์ต ผลิตจากหนังแท้ ทนทานต่อสารเคมีและความร้อนสูง พร้อมพื้นกันลื่นและมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
ขนาด | 37 – 45 EU |
วัสดุ | หนังแท้ |
ระดับป้องกันไฟฟ้า | 100,000 โอห์ม |
งานที่เหมาะสม | งานทุกชนิด |
ราคา | 1,420 บาท |
ข้อดี
- หัวเหล็กรับแรงกระแทกได้สูงถึง 200 จูล เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน
- พื้นรองเท้ากันลื่น ทนสารเคมีและความร้อนได้สูงถึง 350°C
- ดีไซน์สปอร์ตทันสมัย ผลิตจากหนังแท้ ฟอกนิ่มพิเศษ สวมใส่สบาย
ข้อควรพิจารณา
- สีและดีไซน์อาจไม่เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเป็นทางการ
- ขนาดและน้ำหนักของรองเท้าอาจรู้สึกหนักสำหรับบางคนที่ไม่คุ้นเคย
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
รองเท้าเซฟตี้ Pangolin รุ่น 2001 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะให้ความปลอดภัยสูงด้วยหัวเหล็กรับแรงกระแทกและพื้นรองเท้ากันลื่น ทนต่อสารเคมีและความร้อนสูง พร้อมทั้งดีไซน์สปอร์ตทันสมัยที่สวมใส่สบายในทุกสถานการณ์6. KRUSHERS TEXAS
รองเท้าบู๊ทเซฟตี้ KRUSHERS รุ่น Texas สีน้ำตาล ผลิตจากหนังแท้ หัวเหล็กรับแรงกระแทกได้ 200 จูล พื้นรองเท้าทนทานต่อสารเคมี กันลื่นและความร้อนได้ เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด
ขนาด | 37 – 46 EU |
วัสดุ | หนังแท้ |
ระดับป้องกันไฟฟ้า | ป้องกันไฟฟ้าสถิต |
งานที่เหมาะสม | งานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี |
ราคา | 1,749 บาท |
ข้อดี
- หัวเหล็กทนทานต่อแรงกระแทกได้สูงถึง 200 จูล
- พื้นรองเท้าทนต่อสารเคมีและกันลื่นได้ดี
- วัสดุหนังแท้แข็งแรง ทนต่อการฉีกขาดและสภาวะการใช้งานที่หนักหน่วง
ข้อควรพิจารณา
- น้ำหนักรองเท้าอาจจะหนักกว่ารองเท้าทั่วไปเนื่องจากหัวเหล็ก
- ขนาดรองเท้ามีจำกัดอยู่ในช่วง 4 - 11 UK เท่านั้น
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
รองเท้าบู๊ทเซฟตี้ KRUSHERS รุ่น Texas สีน้ำตาลเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีความทนทานสูง ป้องกันการกระแทก การลื่น และสารเคมีได้ดี พร้อมทั้งสามารถทนความร้อนและไฟฟ้าสถิตย์ ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างปลอดภัยในทุกสภาวะแวดล้อม7. PANGOLIN 0204U
รองเท้าบู๊ทเซฟตี้ PANGOLIN รุ่น 0204U ผลิตจากหนังแท้ เสริมหัวเหล็ก กันลื่น ทนน้ำมัน สารเคมี และความร้อน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด
ขนาด | 38 – 45 EU |
วัสดุ | หนังแท้ |
ระดับป้องกันไฟฟ้า | 100,000 โอห์ม |
งานที่เหมาะสม | งานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี, งานเกี่ยวกับไฟฟ้า |
ราคา | 1,560 บาท |
ข้อดี
- ผลิตจากหนังแท้คุณภาพสูง ทนทานและป้องกันแรงกระแทกได้ดี
- พื้นรองเท้ากันลื่นและทนต่อสารเคมี น้ำมัน และความร้อนได้สูง
- ต้านทานไฟฟ้าได้ดี เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
ข้อควรพิจารณา
- ราคาสูงกว่าเมื่อเทียบกับรองเท้าเซฟตี้ทั่วไป
- อาจมีขนาดและน้ำหนักที่หนักกว่ารองเท้าทั่วไป
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
รองเท้าบู๊ทเซฟตี้ PANGOLIN รุ่น 0204U เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับความปลอดภัยในการทำงาน เพราะผลิตจากหนังแท้คุณภาพสูง เสริมความแข็งแกร่งด้วยหัวเหล็ก ทนทานต่อสารเคมี น้ำมัน และความร้อน พร้อมทั้งมีพื้นกันลื่นที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน8. YAMADA PLS5
รองเท้าเซฟตี้รุ่น PLS5 YAMADA มาพร้อมหัวรองเท้าเสริมเหล็ก พื้นยางกันลื่น และวัสดุกันน้ำที่ทนทาน เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด
ขนาด | 35 – 46 EU |
วัสดุ | หนังสังเคราะห์ |
ระดับป้องกันไฟฟ้า | ไม่กันไฟฟ้า |
งานที่เหมาะสม | งานช่างทั่วไป |
ราคา | 338 บาท |
ข้อดี
- หัวรองเท้าเสริมเหล็กป้องกันการกระแทกได้สูงถึง 200 จูล
- พื้นรองเท้ากันลื่นและซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม
- วัสดุหนัง PU กันน้ำและทนทานต่อการใช้งานยาวนาน
ข้อควรพิจารณา
- ไม่เหมาะสำหรับงานที่สัมผัสกับกรดน้ำปูน
- ไม่สามารถเปลี่ยนไซส์หลังการสั่งซื้อได้
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
รองเท้าเซฟตี้รุ่น PLS5 YAMADA เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุด ด้วยหัวรองเท้าเสริมเหล็กที่แข็งแรง พื้นยางกันลื่น และวัสดุกันน้ำที่ทนทาน ช่วยปกป้องเท้าได้ดีในทุกสภาพแวดล้อมการทำงาน9. Footniks Safety Shoes 27-0001
Footniks รุ่น 27-0001 เป็นรองเท้าเซฟตี้ที่มีหัวเหล็กและพื้นกันลื่น พร้อมเสริมเหล็กป้องกันการทะลุ เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการความปลอดภัยสูงและสวมใส่สบายตลอดวัน
ขนาด | 37 – 46 EU |
วัสดุ | หนังสังเคราะห์ |
ระดับป้องกันไฟฟ้า | ไม่กันไฟฟ้า |
งานที่เหมาะสม | งานช่างทั่วไป |
ราคา | 459 บาท |
ข้อดี
- หัวรองเท้าเสริมเหล็กป้องกันการกระแทกได้ดี
- พื้นรองเท้ากันลื่นและเสริมแผ่นเหล็กป้องกันการแทงทะลุ
- วัสดุระบายอากาศดีและสวมใส่สบายตลอดวัน
ข้อควรพิจารณา
- ขนาดรองเท้าอาจไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีเท้ากว้างมาก
- อาจไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้นมาก
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
รองเท้าเซฟตี้ Footniks รุ่น 27-0001 เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความปลอดภัยสูง ด้วยหัวเหล็กและพื้นกันลื่นที่ป้องกันการกระแทกและการทะลุจากของมีคม ทำให้มั่นใจได้ทั้งในเรื่องความทนทานและความสบายในการสวมใส่10. Midori Anzen NHS-600
รองเท้าเซฟตี้ Midori Anzen รุ่น NHS-600 ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุดด้วยพื้นกันลื่น หัวรองเท้าเรซินรองรับแรงกระแทก ระบายอากาศได้ดี และเหมาะสำหรับงานในอุตสาหกรรมอาหารและพื้นที่เปียกหรือมีน้ำมัน
ขนาด | 22 – 30 JP |
วัสดุ | หนังสังเคราะห์ |
ระดับป้องกันไฟฟ้า | ไม่กันไฟฟ้า |
งานที่เหมาะสม | งานอุตสาหกรรมปานกลาง, งานออฟฟิศ, งานด้านอาหาร |
ราคา | 920 บาท |
ข้อดี
- พื้นรองเท้ากันลื่นได้ทุกทิศทาง เหมาะกับการทำงานในพื้นที่เปียกและมีน้ำมัน
- หัวรองเท้าเรซินรองรับแรงกระแทกได้สูงสุด 70 จูล เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน
- มีระบบระบายอากาศ ลดความอับชื้นภายในรองเท้า ทำให้สวมใส่ได้สบายตลอดวัน
ข้อควรพิจารณา
- ไม่รองรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงเกิน 60 องศา
- ไม่มีคุณสมบัติป้องกันไฟฟ้าสถิต
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้ ?
รองเท้าเซฟตี้ Midori Anzen รุ่น NHS-600 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีความสามารถกันลื่นทุกทิศทาง พื้นรองเท้าทำความสะอาดง่าย พร้อมด้วยการเสริมความปลอดภัยจากหัวรองเท้าเรซินที่รองรับแรงกระแทกได้สูงสุด เหมาะสำหรับงานในอุตสาหกรรมอาหารและพื้นที่เปียกหรือมีน้ำมันวิธีการเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่เหมาะกับงานก่อสร้างและงานช่างทั่วไป
ในการทำงานในสายงานก่อสร้างและงานช่างทั่วไป การเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงาน รองเท้าที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น การลื่นล้ม การถูกของมีคมทิ่มแทง หรือแม้กระทั่งการบาดเจ็บจากการตกของวัตถุหนัก ดังนั้นการเลือกรองเท้าเซฟตี้จึงควรพิจารณาจากหลายปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ความสามารถในการป้องกันแรงกระแทกและการทิ่มแทง
งานก่อสร้างและงานช่างมักเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากวัตถุที่ตกลงมาหรือของมีคม การเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่มีหัวรองเท้าเหล็กหรือหัวรองเท้าเรซินจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หัวรองเท้าควรสามารถรับแรงกระแทกได้อย่างน้อย 200 จูล และต้องมีการเสริมพื้นรองเท้าที่สามารถป้องกันของมีคมจากพื้นได้ เช่น ตะปูหรือเศษเหล็ก
2. ความสามารถในการกันลื่น
ในไซต์งานก่อสร้างและงานช่าง พื้นที่ทำงานมักมีความเปียกหรือมีน้ำมัน การเลือกรองเท้าที่มีดอกยางลึกและออกแบบมาเพื่อกันลื่นในทุกทิศทางจะช่วยป้องกันการลื่นล้มได้ดี รองเท้าที่มีดอกยางที่มีความหนาและใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติกันลื่นสูงจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมที่ไม่เสถียร
3. ความสบายในการสวมใส่
รองเท้าเซฟตี้ที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ต้องป้องกันอันตราย แต่ยังต้องให้ความสบายขณะสวมใส่ด้วย เนื่องจากการทำงานในสายงานก่อสร้างมักต้องใช้เวลานาน รองเท้าที่มีน้ำหนักเบา มีพื้นรองเท้าที่นุ่มและยืดหยุ่น จะช่วยลดความเมื่อยล้าของเท้า นอกจากนี้ควรมีระบบระบายอากาศที่ดีเพื่อลดความอับชื้น ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์และป้องกันการติดเชื้อราที่เท้า
4. ความทนทานของวัสดุ
รองเท้าเซฟตี้สำหรับงานก่อสร้างและงานช่างควรผลิตจากวัสดุที่มีความทนทานสูง เช่น หนังแท้หรือยางสังเคราะห์ วัสดุเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทนทานต่อการฉีกขาดและเสียดสี แต่ยังสามารถทนต่อความร้อน สารเคมี หรือความเปียกชื้นที่อาจเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมการทำงานได้
5. มาตรฐานความปลอดภัย
รองเท้าเซฟตี้ที่เลือกใช้ควรผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากองค์กรที่เชื่อถือได้ เช่น มาตรฐานยุโรป (EN ISO 20345) หรือมาตรฐานญี่ปุ่น (JSAA) เพื่อให้มั่นใจว่ารองเท้านั้นผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยและสามารถป้องกันอันตรายได้จริง
วิธีการดูแลรักษารองเท้าเซฟตี้ให้ใช้งานได้นานขึ้น
รองเท้าเซฟตี้เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่มีความสำคัญอย่างมากในงานก่อสร้าง งานช่าง และงานอุตสาหกรรมอื่นๆ การดูแลรักษารองเท้าเซฟตี้ให้อยู่ในสภาพดีตลอดอายุการใช้งานไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังช่วยให้ประสิทธิภาพการป้องกันคงเดิม ดังนั้นการดูแลรักษารองเท้าเซฟตี้อย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ ซึ่งสามารถทำได้ตามวิธีการดังต่อไปนี้
1. ทำความสะอาดรองเท้าอย่างสม่ำเสมอ
การทำความสะอาดรองเท้าเซฟตี้เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการดูแลรักษา หลังจากการใช้งานในพื้นที่ที่มีฝุ่นละออง ดิน หรือสารเคมี ควรเช็ดทำความสะอาดรองเท้าด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ หรือใช้แปรงขนอ่อนขัดเอาสิ่งสกปรกออก โดยหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีแรง ๆ ที่อาจทำลายวัสดุของรองเท้า
2. ป้องกันไม่ให้รองเท้าถูกน้ำเป็นเวลานาน
แม้ว่ารองเท้าเซฟตี้หลายรุ่นจะออกแบบมาให้กันน้ำได้ แต่การปล่อยให้รองเท้าเปียกน้ำเป็นเวลานานอาจทำให้วัสดุเสื่อมสภาพหรือเกิดการขยายตัวของเชื้อรา ควรหลีกเลี่ยงการแช่รองเท้าในน้ำ หรือถ้ารองเท้าเปียกน้ำควรเช็ดให้แห้งและผึ่งลมในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
3. การจัดเก็บรองเท้าอย่างถูกวิธี
หลังจากการใช้งาน ควรเก็บรองเท้าเซฟตี้ในที่ที่แห้งและมีอากาศถ่ายเท หลีกเลี่ยงการเก็บในที่อับชื้นหรือในที่ที่อุณหภูมิสูงเกินไป เนื่องจากความชื้นและความร้อนสามารถทำลายโครงสร้างของวัสดุรองเท้าได้ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการเก็บรองเท้าไว้ในที่ที่แสงแดดส่องถึงโดยตรงเพราะอาจทำให้หนังหรือวัสดุอื่น ๆ เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
4. ตรวจสอบสภาพรองเท้าอย่างสม่ำเสมอ
การตรวจสอบสภาพของรองเท้าเซฟตี้เป็นระยะ ๆ เป็นสิ่งที่ควรทำ เช่น ตรวจดูว่าหัวรองเท้าเหล็กหรือเรซินยังคงอยู่ในสภาพดี พื้นรองเท้าไม่สึกหรือเสียหาย และไม่มีรอยขาดที่อาจทำให้การป้องกันลดลง หากพบว่ารองเท้ามีการสึกหรอที่อาจทำให้เกิดอันตราย ควรพิจารณาเปลี่ยนรองเท้าคู่ใหม่
5. ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลรองเท้าที่เหมาะสม
สำหรับรองเท้าเซฟตี้ที่ทำจากหนัง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลหนัง เช่น ครีมบำรุงหนังหรือน้ำยากันน้ำ เพื่อช่วยรักษาคุณภาพของหนังและป้องกันการแตกร้าว ส่วนรองเท้าที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ควรใช้สเปรย์หรือผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับวัสดุนั้น ๆ เพื่อคงสภาพรองเท้าให้อยู่ในสภาพดี
6. หลีกเลี่ยงการซักรองเท้าในเครื่องซักผ้า
การซักรองเท้าเซฟตี้ในเครื่องซักผ้าอาจทำให้โครงสร้างของรองเท้าเสียหายและส่งผลให้ประสิทธิภาพการป้องกันลดลง แทนที่จะซักในเครื่อง ควรใช้วิธีการเช็ดหรือขัดทำความสะอาดด้วยมือเพื่อรักษาสภาพรองเท้า
ข้อควรระวังและข้อแนะนำในการใช้รองเท้าเซฟตี้ในงานก่อสร้าง
รองเท้าเซฟตี้เป็นอุปกรณ์ป้องกันที่สำคัญในงานก่อสร้าง เนื่องจากช่วยปกป้องเท้าจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่เสี่ยง เช่น การกระแทกจากวัตถุหนัก การเหยียบของมีคม หรือการลื่นล้มบนพื้นผิวที่ไม่มั่นคง อย่างไรก็ตาม การใช้รองเท้าเซฟตี้ที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยได้เช่นกัน ดังนั้นการระมัดระวังและการปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้รองเท้าเซฟตี้ในงานก่อสร้างจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ข้อควรระวังในการใช้รองเท้าเซฟตี้
1. การเลือกรองเท้าที่ไม่เหมาะสมกับลักษณะงาน
การเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่ไม่เหมาะกับประเภทงานที่ทำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ เช่น การเลือกรองเท้าที่ไม่มีการป้องกันหัวรองเท้าหรือพื้นรองเท้าที่ไม่กันลื่นในงานก่อสร้างที่มีความเสี่ยงต่อการกระแทกหรือการลื่นล้ม ดังนั้นควรเลือกใช้รองเท้าเซฟตี้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมการทำงาน เช่น หัวเหล็กป้องกันการกระแทก พื้นรองเท้ากันลื่น และวัสดุที่ทนทานต่อการเสียดสี
2. การสึกหรอของรองเท้าเซฟตี้
รองเท้าเซฟตี้ที่ใช้งานมานานอาจเกิดการสึกหรอ โดยเฉพาะพื้นรองเท้าที่อาจเสื่อมสภาพและสูญเสียความสามารถในการกันลื่น หัวรองเท้าเหล็กหรือเรซินอาจได้รับความเสียหาย การใช้งานรองเท้าที่เสื่อมสภาพอาจทำให้ไม่สามารถป้องกันอันตรายได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นควรตรวจสอบรองเท้าเป็นประจำ และหากพบว่ารองเท้ามีการเสื่อมสภาพ ควรเปลี่ยนรองเท้าเซฟตี้ใหม่ทันที
3. การไม่สวมใส่รองเท้าเซฟตี้ให้ถูกวิธี
การสวมใส่รองเท้าเซฟตี้ที่ไม่ถูกต้อง เช่น การไม่ผูกเชือกรองเท้าให้แน่นหรือสวมรองเท้าไม่พอดีเท้า อาจทำให้รองเท้าไม่สามารถป้องกันอันตรายได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการลื่นล้มหรือการบาดเจ็บอื่น ๆ ดังนั้น ควรตรวจสอบว่ารองเท้าถูกสวมใส่พอดีและผูกเชือกรองเท้าให้แน่นก่อนเริ่มทำงาน
ข้อแนะนำในการใช้รองเท้าเซฟตี้ในงานก่อสร้าง
1. เลือกใช้รองเท้าเซฟตี้ที่มีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐาน
รองเท้าเซฟตี้ที่ใช้ในงานก่อสร้างควรได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น มาตรฐานยุโรป (EN ISO 20345) หรือมาตรฐานญี่ปุ่น (JSAA) ซึ่งมาตรฐานเหล่านี้รับประกันได้ว่ารองเท้าเซฟตี้นั้นได้รับการทดสอบด้านความทนทาน การกันกระแทก การป้องกันของมีคม และการกันลื่นในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ
2. เลือกใช้รองเท้าเซฟตี้ที่มีการป้องกันหลายชั้น
ในการทำงานก่อสร้าง ควรเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่มีการป้องกันหลายชั้น เช่น หัวรองเท้าเหล็กหรือเรซินสำหรับการป้องกันการกระแทก พื้นรองเท้าที่เสริมด้วยวัสดุป้องกันการทิ่มแทง และพื้นรองเท้าดอกยางลึกที่สามารถกันลื่นได้ดี รองเท้ารูปแบบนี้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงสูง
3. การดูแลรักษารองเท้าเซฟตี้อย่างสม่ำเสมอ
หลังจากการใช้งาน ควรทำความสะอาดรองเท้าเซฟตี้เป็นประจำ และตรวจสอบว่าสภาพรองเท้ายังสมบูรณ์ดีหรือไม่ โดยเฉพาะในส่วนของพื้นรองเท้าและหัวรองเท้า หากพบว่ารองเท้ามีความเสียหาย ควรพิจารณาเปลี่ยนทันทีเพื่อรักษาความปลอดภัยในงานก่อสร้าง
4. สวมใส่รองเท้าเซฟตี้ให้พอดีและเหมาะสมกับลักษณะงาน
การสวมใส่รองเท้าที่พอดีกับเท้าและเหมาะสมกับลักษณะงานจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ ควรเลือกขนาดรองเท้าที่ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป และเลือกชนิดของรองเท้าที่เหมาะสมกับลักษณะการทำงาน เช่น รองเท้ากันน้ำหรือรองเท้ากันสารเคมีในงานที่ต้องสัมผัสกับสารเหล่านี้
การเลือกสว่านกระแทกและเครื่องเจียรไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยสำหรับงานก่อสร้าง
นอกจากรองเท้าเซฟตี้แล้ว การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม เช่น สว่านกระแทก และ เครื่องเจียรไฟฟ้า ก็สำคัญไม่แพ้กันในงานก่อสร้าง 10 แบรนด์สว่านกระแทก เหมาะสำหรับการเจาะปูนหรือคอนกรีต ซึ่งจำเป็นต้องมีกำลังไฟสูงและสามารถปรับความเร็วรอบได้ตามความเหมาะสมของวัสดุ ในขณะที่ เครื่องเจียรไฟฟ้ายี่ห้อที่ดีที่สุด มักใช้สำหรับงานขัด เจียร และตัดวัสดุต่าง ๆ เช่น โลหะ หรือไม้ การเลือกเครื่องเจียรไฟฟ้าที่มีขนาดและกำลังไฟที่เหมาะสม จะช่วยให้การทำงานมีความราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ การดูแลรักษาเครื่องมือหลังการใช้งานก็เป็นสิ่งที่ควรใส่ใจ เพื่อให้เครื่องมือใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน
สรุปแล้ว การเลือกรองเท้าเซฟตี้ที่เหมาะสมสำหรับงานก่อสร้างและงานช่างทั่วไปไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติงาน แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย การเลือกรองเท้าที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เช่น การป้องกันแรงกระแทก การกันลื่น และการระบายอากาศที่ดี รวมถึงการดูแลรักษารองเท้าอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้รองเท้าเซฟตี้มีอายุการใช้งานยาวนานและคงประสิทธิภาพในการป้องกันอันตรายได้อย่างเต็มที่
คำถามที่พบบ่อย
1. รองเท้าเซฟตี้สำหรับงานก่อสร้างควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
รองเท้าเซฟตี้สำหรับงานก่อสร้างควรมีคุณสมบัติในการป้องกันแรงกระแทกที่หัวรองเท้า พื้นรองเท้าควรกันลื่นได้ดี มีความทนทานต่อการฉีกขาดและเสียดสี รวมถึงควรมีการระบายอากาศที่ดีเพื่อลดความอับชื้นขณะสวมใส่
2. ควรเปลี่ยนรองเท้าเซฟตี้เมื่อใด?
ควรเปลี่ยนรองเท้าเซฟตี้ทันทีเมื่อพบว่าพื้นรองเท้าสึกหรอหรือหัวรองเท้าเสียหาย รวมถึงหากรองเท้าสูญเสียความสามารถในการกันลื่นหรือมีรอยขาดที่อาจลดประสิทธิภาพในการป้องกัน
3. ทำไมการกันลื่นจึงสำคัญในรองเท้าเซฟตี้สำหรับงานก่อสร้าง?
การกันลื่นเป็นคุณสมบัติสำคัญในรองเท้าเซฟตี้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมในงานก่อสร้างมักมีพื้นผิวเปียกหรือมัน ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการลื่นล้ม ดังนั้นรองเท้าควรมียางดอกลึกและออกแบบมาเพื่อยึดเกาะพื้นผิวที่หลากหลายได้ดี
4. วิธีการดูแลรักษารองเท้าเซฟตี้ให้ใช้งานได้นานมีอะไรบ้าง?
ควรทำความสะอาดรองเท้าเซฟตี้เป็นประจำ ป้องกันไม่ให้รองเท้าถูกน้ำหรือความชื้นนานเกินไป เก็บในที่แห้งและมีอากาศถ่ายเท รวมถึงตรวจสอบสภาพรองเท้าและเปลี่ยนทันทีเมื่อสึกหรอ