เห็บหมัดเป็นปัญหาที่เจ้าของสุนัขต้องเจออยู่บ่อย ๆ ถ้าปล่อยไว้ ไม่ใช่แค่ทำให้น้องคันหรือรำคาญใจเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นพาหะนำโรค หรือทำให้เกิดการติดเชื้อทางผิวหนังได้ การเลือกยากำจัดเห็บหมัดที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละตัวมีรูปแบบการใช้งานและส่วนผสมที่แตกต่างกัน บางตัวใช้แบบหยด บางตัวเป็นยาเม็ด บางตัวออกฤทธิ์ได้นานหลายเดือน บางตัวเน้นกำจัดเห็บหมัดอย่างรวดเร็ว บทความนี้จะช่วยให้การเลือกง่ายขึ้น ด้วยการแนะนำ 10 ยากําจัดเห็บหมัดสุนัข ยี่ห้อไหนดี ที่ปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง ที่ได้รับความนิยม พร้อมข้อมูลที่ต้องรู้ เช่น ปริมาณ รูปแบบยา และส่วนผสม นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมสำคัญในยากำจัดเห็บหมัด เทคนิคป้องกันเห็บหมัดนอกเหนือจากการใช้ยา และข้อดีข้อเสียของยาแบบกินและแบบหยด เพื่อให้เจ้าของเลือกสิ่งที่เหมาะกับน้องหมาที่สุด เพราะสุขภาพของสุนัขเป็นเรื่องสำคัญ และการดูแลอย่างถูกต้องจะช่วยให้น้องมีชีวิตที่สบายและปลอดภัยจากเห็บหมัดมากขึ้น
หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า
- ประสิทธิภาพของยา: ยากำจัดเห็บหมัดที่ดีต้องสามารถฆ่าเห็บหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันการกลับมาติดซ้ำได้ ยาบางชนิดออกฤทธิ์ได้นาน 1 เดือน ในขณะที่บางชนิดสามารถป้องกันได้นาน 2-3 เดือน การออกฤทธิ์ที่ยาวนานช่วยลดภาระของเจ้าของในการให้ยา ยาที่ดีต้องสามารถกำจัดเห็บหมัดได้ครบทุกระยะ ทั้งตัวเต็มวัย ตัวอ่อน และไข่ เพื่อป้องกันการแพร่พันธุ์และกลับมาติดใหม่ นอกจากนี้ เราพิจารณาจากรีวิวของผู้ใช้จริงและผลการทดลองทางสัตวแพทย์ เพื่อให้แน่ใจว่ายาทำงานได้ตามที่โฆษณา
- ความปลอดภัยต่อสุนัข: สุขภาพของสุนัขเป็นสิ่งสำคัญ ยากำจัดเห็บหมัดต้องไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรงและปลอดภัยต่อสุนัขทุกขนาด เราดูส่วนผสมหลักของยา โดยพิจารณาว่ามีสารที่อาจก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองหรือไม่ เช่น ฟิโพรนิล ไอเวอร์เมกติน หรือไอโซไซอะไซน์ ซึ่งบางสายพันธุ์อาจแพ้ได้ นอกจากนี้ เรายังพิจารณาว่าผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น อาการคัน ผื่น หรืออาเจียน มีอัตราการเกิดต่ำหรือไม่ รวมถึงการได้รับการรับรองจากหน่วยงานด้านสัตวแพทย์
- ความสะดวกในการใช้: เจ้าของสุนัขแต่ละคนมีความสะดวกในการใช้ยาต่างกัน เราจึงพิจารณาว่ายากำจัดเห็บหมัดใช้งานง่ายเพียงใด ยามีหลายรูปแบบ เช่น แบบหยดที่ใช้โดยการหยดลงบริเวณต้นคอหรือกลางหลัง แบบกินที่ต้องให้สุนัขกินเข้าไปโดยตรง และแบบสเปรย์ที่ต้องฉีดพ่นให้ทั่วตัว ข้อจำกัดหลังใช้ยาก็เป็นปัจจัยสำคัญ เช่น ยาหยดอาจต้องหลีกเลี่ยงการอาบน้ำภายใน 48 ชั่วโมงหลังใช้ ในขณะที่ยาแบบกินไม่มีข้อจำกัดเรื่องน้ำ การให้ยาง่ายหรือยากก็มีผลต่อการเลือกใช้ เช่น หากสุนัขไม่ยอมกินยาเม็ด อาจต้องเลือกใช้แบบหยดแทน
- ความคุ้มค่า: การเลือกยากำจัดเห็บหมัดต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าระหว่างราคาและประสิทธิภาพ เราพิจารณาว่ายามีราคาสมเหตุสมผลหรือไม่ เมื่อเทียบกับปริมาณและระยะเวลาออกฤทธิ์ ยาที่มีราคาสูงกว่าแต่สามารถป้องกันเห็บหมัดได้นานกว่าหรือมีประสิทธิภาพดีกว่า อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่ายาที่ราคาถูกแต่ต้องใช้บ่อย นอกจากนี้ เรายังพิจารณาคุณภาพโดยอิงจากรีวิวของผู้ใช้จริงและข้อมูลจากสัตวแพทย์ เพื่อให้แน่ใจว่ายาที่แนะนำให้มีคุณภาพเหมาะสมกับราคาที่จ่ายไป
1. Frontguard
Frontguard เป็นยาหยดกำจัดเห็บหมัดสำหรับสุนัขที่มีส่วนผสมของสารฟิโพรนิลและเอส-เมโทพรีน ออกฤทธิ์นาน 1 เดือน ใช้ได้กับสุนัขอายุ 8 สัปดาห์ขึ้นไป และยังคงมีประสิทธิภาพแม้หลังอาบน้ำ
ปริมาณ | 0.67 มล. |
รูปแบบยา | แบบยาหยอด |
ส่วนผสม | สารฟิโพรนิล, เอส – เมโทพรีน |
ข้อดี
- กำจัดเห็บหมัดได้ครบวงจรตั้งแต่ระยะไข่จนถึงตัวเต็มวัย
- มีประสิทธิภาพนาน 1 เดือน และยังคงออกฤทธิ์แม้หลังอาบน้ำ
- ใช้งานง่ายเพียงหยดลงบนผิวหนังเดือนละครั้ง
ข้อควรพิจารณา
- ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวยาเข้าตา จมูก ปาก หรือหูด้านในของสุนัข
- ต้องใช้ถุงมือและล้างมือให้สะอาดหลังใช้งานเพื่อความปลอดภัย
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Frontguard เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการกำจัดเห็บหมัดสุนัขเพราะสามารถกำจัดได้ครบวงจรตั้งแต่ระยะไข่จนถึงตัวเต็มวัย และออกฤทธิ์ยาวนาน 1 เดือนโดยยังคงมีประสิทธิภาพแม้หลังอาบน้ำ ทำให้สะดวกต่อการใช้งานและช่วยลดการแพร่ระบาดของเห็บหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ2. FRONTLINE Spray for Dog & Cat
FRONTLINE Spray for Dog & Cat เป็นสเปรย์กำจัดเห็บหมัดสำหรับสุนัขและแมวที่ออกฤทธิ์ทันทีหลังฉีดพ่น ใช้ได้กับสัตว์ทุกขนาด รวมถึงลูกสุนัขและลูกแมว อายุ 8 สัปดาห์ขึ้นไป และยังคงมีประสิทธิภาพแม้หลังอาบน้ำ
ปริมาณ | 250 มล. |
รูปแบบยา | แบบสเปรย์ |
ส่วนผสม | สารฟิโพรนิล |
ข้อดี
- ออกฤทธิ์ทันทีหลังฉีดพ่นและสามารถใช้ได้กับสุนัขและแมวทุกขนาด
- ยังคงมีประสิทธิภาพแม้สัตว์เลี้ยงจะถูกอาบน้ำ
- ใช้งานง่ายโดยฉีดพ่นให้ทั่วตัวสัตว์เลี้ยงและเน้นบริเวณอุ้งเท้าและโคนหาง
ข้อควรพิจารณา
- ต้องใช้ปริมาณการฉีดตามน้ำหนักตัว ทำให้ต้องคำนวณการใช้ทุกครั้ง
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์กำจัดเห็บหมัดชนิดอื่น
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
FRONTLINE Spray for Dog & Cat เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะออกฤทธิ์ทันทีหลังฉีดพ่น ช่วยกำจัดเห็บหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ได้กับสุนัขและแมวทุกขนาด รวมถึงลูกสุนัขและลูกแมว อายุ 8 สัปดาห์ขึ้นไป และยังคงมีประสิทธิภาพแม้หลังอาบน้ำ ทำให้สะดวกต่อการใช้งานและช่วยป้องกันเห็บหมัดได้อย่างต่อเนื่อง3. Fiproline ผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดเห็บสำหรับสุนัขและแมว
Fiproline เป็นยาหยดกำจัดเห็บหมัดสำหรับสุนัขและแมวที่มีส่วนผสมของสารฟิโพรนิล ออกฤทธิ์ได้นาน 1 เดือน ใช้ได้กับสัตว์เลี้ยงหลายขนาด และช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับเห็บหมัด
ปริมาณ | 2.68 มล. |
รูปแบบยา | แบบยาหยอด |
ส่วนผสม | สารฟิโพรนิล |
ข้อดี
- กำจัดเห็บหมัดตัวเต็มวัยและช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับเห็บหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีตัวเลือกสำหรับสัตว์เลี้ยงหลายขนาดและใช้ได้ทั้งสุนัขและแมว
- ออกฤทธิ์ยาวนาน 1 เดือน ลดความถี่ในการใช้
ข้อควรพิจารณา
- ห้ามใช้กับลูกสุนัขและลูกแมวที่อายุต่ำกว่า 8 สัปดาห์
- ต้องเว้นระยะ 48 ชั่วโมงก่อนหรือหลังอาบน้ำ เพื่อให้ตัวยากระจายตัวได้เต็มที่
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Fiproline เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะสามารถกำจัดเห็บหมัดตัวเต็มวัยและช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับเห็บหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ออกฤทธิ์ได้นาน 1 เดือน มีตัวเลือกสำหรับสัตว์เลี้ยงหลายขนาด และยังสามารถใช้ได้ทั้งสุนัขและแมว ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน4. BEARING Tick & Flea Dog Powder
BEARING Tick & Flea Dog Powder เป็นแป้งกำจัดเห็บหมัดสำหรับสุนัขที่มีส่วนผสมของคาร์บาริล ช่วยลดความมันบนขน ใช้งานโดยโรยบนตัวสุนัขหรือบริเวณที่อยู่ของสัตว์เลี้ยง และต้องทำความสะอาดหลังใช้เพื่อป้องกันการตกค้างของผลิตภัณฑ์
ปริมาณ | 150 มล. |
รูปแบบยา | แบบผงแป้ง |
ส่วนผสม | คาร์บาริล |
ข้อดี
- ใช้งานง่ายโดยโรยบนตัวสุนัขหรือบริเวณที่อยู่ของสัตว์เลี้ยงเพื่อกำจัดเห็บหมัด
- ช่วยลดความมันบนขนและทำให้ขนสะอาดขึ้น
- ราคาไม่สูงและสามารถหาซื้อได้ง่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
ข้อควรพิจารณา
- ต้องทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงก่อนแปรงขนออก และล้างทำความสะอาดเพื่อป้องกันการตกค้าง
- ไม่ควรใช้กับสุนัขที่ป่วย อ่อนแอ ตั้งท้อง หรือให้นมลูก
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
BEARING Tick & Flea Dog Powder เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะใช้งานง่าย สามารถโรยบนตัวสุนัขหรือบริเวณที่อยู่ของสัตว์เลี้ยงเพื่อกำจัดเห็บหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยลดความมันบนขน ทำให้ขนสะอาด เหมาะสำหรับการใช้เป็นประจำเมื่อพบร่องรอยของเห็บหมัด5. Virbac EFFITIX Spot - on L
Virbac EFFITIX Spot-on L เป็นยาหยอดสำหรับสุนัขที่ช่วยกำจัดเห็บ หมัด และไล่ยุง ออกฤทธิ์นาน 4 สัปดาห์ ใช้ได้กับสุนัขน้ำหนัก 4 - 40 กิโลกรัม และผลิตในประเทศฝรั่งเศส
ปริมาณ | 4.4 มล. |
รูปแบบยา | แบบยาหยอด |
ส่วนผสม | สารฟิโพรนิล, สารเพอร์เมทริน |
ข้อดี
- กำจัดเห็บ หมัด และไล่ยุงได้ในหนึ่งเดียว พร้อมออกฤทธิ์นาน 4 สัปดาห์
- ใช้ได้กับสุนัขที่มีน้ำหนัก 4 - 40 กิโลกรัม และอายุ 3 เดือนขึ้นไป
- ออกฤทธิ์ภายใน 1 ชั่วโมง และยังคงประสิทธิภาพแม้หลังจากหยอดยา
ข้อควรพิจารณา
- ไม่สามารถใช้กับสุนัขที่มีอายุน้อยกว่า 2 เดือน
- ต้องใช้อย่างระมัดระวังเพราะมีส่วนผสมของสารเพอร์เมทรินซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อแมว
Virbac EFFITIX Spot-on L เป็นยาหยอดสำหรับกำจัดเห็บ หมัด และไล่ยุงในสุนัข มีปริมาณ 4.4 มิลลิลิตร ประกอบด้วยสารฟิโพรนิลและสารเพอร์เมทริน เหมาะสำหรับสุนัขที่มีน้ำหนัก 4 – 40 กิโลกรัม และอายุตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป ตัวยามีประสิทธิภาพในการป้องกันและกำจัดเห็บหมัด รวมถึงช่วยไล่ยุงได้ยาวนาน 4 สัปดาห์ หลังจากหยอดยา 1 ชั่วโมง สามารถกระจายตัวบนตัวสุนัขและยังคงประสิทธิภาพอยู่ได้นาน หนึ่งหลอดสามารถใช้ได้กับสุนัข 1 ตัว และหนึ่งกล่องบรรจุ 4 หลอด ผลิตภัณฑ์นี้ผลิตในประเทศฝรั่งเศสและมีความจำเพาะต่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ทำให้ปลอดภัยต่อตัวสุนัข คำเตือนในการใช้งานคือห้ามใช้กับสุนัขที่มีอายุน้อยกว่า 2 เดือน ราคาอยู่ที่ 705 บาท และสามารถซื้อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Lazada และ Shopee
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Virbac EFFITIX Spot-on L เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะสามารถกำจัดเห็บ หมัด และไล่ยุงได้ในหนึ่งเดียว โดยออกฤทธิ์นาน 4 สัปดาห์ เหมาะสำหรับสุนัขที่มีน้ำหนัก 4 – 40 กิโลกรัม และยังคงมีประสิทธิภาพหลังจากหยอดเพียง 1 ชั่วโมง ทำให้สะดวกต่อการใช้งานและช่วยปกป้องสุนัขจากแมลงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. BAYER Seresto tick and flea collar
BAYER Seresto tick and flea collar เป็นปลอกคอกำจัดเห็บหมัดสำหรับสุนัขที่ออกฤทธิ์ยาวนาน 8 เดือน ให้การปกป้องตลอด 24 ชั่วโมง และผลิตด้วยนวัตกรรมจากเยอรมนี
ปริมาณ | ขนาดยาว 70 ซม. |
รูปแบบยา | แบบปลอกคอ |
ส่วนผสม | สารอิมิดาโคลพริด, สารฟลูเมทริน |
ข้อดี
- ออกฤทธิ์กำจัดเห็บหมัดได้นานถึง 8 เดือนโดยไม่ต้องใช้ซ้ำบ่อย
- ให้การปกป้องตลอด 24 ชั่วโมง ลดโอกาสเกิดโรคที่เกิดจากเห็บหมัดเป็นพาหะ
- ใช้งานง่ายเพียงสวมปลอกคอและไม่ต้องหยดยาหรือฉีดสเปรย์
ข้อควรพิจารณา
- ต้องให้ปลอกคอสัมผัสกับผิวหนังโดยตรงเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด
- ไม่สามารถใช้ร่วมกับสุนัขที่แพ้สารออกฤทธิ์บางชนิดในผลิตภัณฑ์
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
BAYER Seresto tick and flea collar เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะช่วยป้องกันและกำจัดเห็บหมัดได้นานถึง 8 เดือนโดยไม่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ซ้ำบ่อย ๆ ให้การปกป้องตลอด 24 ชั่วโมง และออกแบบให้ใช้งานง่ายเพียงสวมปลอกคอ ทำให้สะดวกสำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง7. Provet ผลิตภัณฑ์ป้องกันและกำจัดเห็บหมัดชนิดหยดหลัง
Provet เป็นยาหยอดหลังสำหรับกำจัดเห็บหมัดในสุนัขที่มีสารฟิโพรนิลเป็นส่วนผสม ออกฤทธิ์ได้นาน 1 เดือน และช่วยป้องกันการเกิดเห็บหมัดรุ่นถัดไป โดยได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย
ปริมาณ | 1.34 มล. |
รูปแบบยา | แบบยาหยอด |
ส่วนผสม | สารฟิโพรนิล |
ข้อดี
- กำจัดเห็บหมัดได้ครบวงจรตั้งแต่ตัวอ่อนจนถึงตัวเต็มวัย และออกฤทธิ์นาน 1 เดือน
- มีมาตรฐานความปลอดภัยและผ่านการทดสอบรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
- ราคาประหยัดเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์กำจัดเห็บหมัดชนิดอื่น
ข้อควรพิจารณา
- ต้องหลีกเลี่ยงการอาบน้ำก่อนและหลังหยดยาเป็นเวลา 2 วันเพื่อให้ตัวยากระจายตัวเต็มที่
- ต้องใช้เป็นประจำทุกเดือนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการควบคุมเห็บหมัดอย่างต่อเนื่อง
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Provet เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะสามารถกำจัดเห็บหมัดได้ครบวงจรตั้งแต่ตัวอ่อนจนถึงตัวเต็มวัย ออกฤทธิ์นาน 1 เดือน และได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย อีกทั้งยังมีราคาประหยัดเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์กำจัดเห็บหมัดชนิดอื่น ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นประจำทุกเดือน8. N-Tick ยาหยดกำจัดเห็บหมัด สำหรับสุนัข
N-Tick เป็นยาหยดกำจัดเห็บหมัดสำหรับสุนัขที่มีสารฟิโพรนิลเป็นส่วนผสม ออกฤทธิ์ภายใน 20 ชั่วโมง และช่วยหยุดวงจรการฟักตัวของเห็บหมัด โดยเหมาะสำหรับสุนัขน้ำหนัก 10 - 20 กิโลกรัม และอายุ 6 เดือนขึ้นไป
ปริมาณ | 0.67 มล. |
รูปแบบยา | แบบยาหยอด |
ส่วนผสม | สารฟิโพรนิล |
ข้อดี
- ออกฤทธิ์กำจัดเห็บหมัดภายใน 20 ชั่วโมงและช่วยหยุดวงจรการฟักตัวใหม่
- เหมาะสำหรับสุนัขน้ำหนัก 10 - 20 กิโลกรัม และใช้ได้กับสุนัขอายุ 6 เดือนขึ้นไป
- ใช้งานง่ายโดยหยดลงบนผิวหนังและมีประสิทธิภาพต่อเนื่องนาน 1 เดือน
ข้อควรพิจารณา
- ต้องหลีกเลี่ยงการอาบน้ำหลังหยอดยาเพื่อให้ตัวยาทำงานได้เต็มที่
- ไม่สามารถใช้กับสุนัขอายุต่ำกว่า 6 เดือนหรือสุนัขที่มีน้ำหนักนอกช่วงที่กำหนด
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
N-Tick เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะออกฤทธิ์กำจัดเห็บหมัดภายใน 20 ชั่วโมงและช่วยหยุดวงจรการฟักตัวใหม่ ทำให้สามารถควบคุมปัญหาเห็บหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับสุนัขที่มีน้ำหนัก 10 – 20 กิโลกรัม และใช้เป็นประจำทุกเดือนเพื่อป้องกันการติดซ้ำได้ดี9. SmartHeart Tick & Flea Dog Shampoo
SmartHeart Tick & Flea Dog Shampoo เป็นแชมพูอาบน้ำสำหรับกำจัดเห็บหมัดในสุนัขที่มีส่วนผสมของสารไซเพอร์เมทริน ใช้งานง่ายโดยฟอกให้ทั่วตัวและล้างออก ช่วยควบคุมเห็บหมัดได้เมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอ
ปริมาณ | 200 มล. |
รูปแบบยา | แบบใช้อาบน้ำ |
ส่วนผสม | ไซเพอร์เมทริน |
ข้อดี
- ใช้งานง่ายเพียงผสมกับน้ำและฟอกให้ทั่วตัวสุนัข
- สามารถใช้เป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อควบคุมเห็บหมัด
- มีส่วนผสมของไซเพอร์เมทรินที่ช่วยกำจัดเห็บหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อควรพิจารณา
- ต้องรอ 15 นาทีก่อนล้างออกเพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์
- ไม่เหมาะสำหรับสุนัขที่ป่วย อ่อนแอ หรือกำลังตั้งท้อง
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
SmartHeart Tick & Flea Dog Shampoo เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการกำจัดเห็บหมัดขณะอาบน้ำสุนัข เพราะใช้งานง่าย เพียงผสมกับน้ำและฟอกให้ทั่วตัวสุนัข นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อช่วยควบคุมปัญหาเห็บหมัดได้อย่างต่อเนื่อง10. Green Vetz ผลิตภัณฑ์กำจัดเห็บสุนัข
Green Vetz เป็นยาหยดกำจัดเห็บหมัดสำหรับสุนัขที่มีสารฟิโพรนิลเป็นส่วนผสม ออกแบบให้เหมาะกับสุนัขขนาดต่างๆ ใช้งานง่ายโดยหยดลงบนผิวหนังและมีประสิทธิภาพยาวนาน 1 เดือนต่อการใช้ 1 ครั้ง
ปริมาณ | 2.68 มล. |
รูปแบบยา | แบบยาหยอด |
ส่วนผสม | สารฟิโพรนิล |
ข้อดี
- ใช้งานง่าย เพียงหยดลงบนผิวหนังของสุนัข
- ออกฤทธิ์ได้นาน 1 เดือน และมีตัวเลือกสำหรับสุนัขหลายขนาด
- ราคาเข้าถึงง่าย และหาซื้อได้จากแพลตฟอร์มออนไลน์
ข้อควรพิจารณา
- ต้องงดอาบน้ำก่อนและหลังใช้ 2 วัน เพื่อให้ตัวยากระจายตัวได้เต็มที่
- ต้องระวังไม่ให้สุนัขเลียบริเวณที่หยดยา
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Green Vetz เป็นยาหยดกำจัดเห็บหมัดที่ใช้งานง่าย เพียงหยดลงบนผิวหนังของสุนัข และออกฤทธิ์ได้นาน 1 เดือน ช่วยควบคุมเห็บหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกขนาดของสุนัข ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายทำความเข้าใจกับส่วนผสมในยากําจัดเห็บหมัด
ส่วนผสมสำคัญในยากำจัดเห็บหมัด
- ฟิโพรนิล (Fipronil) เป็นสารที่ออกฤทธิ์ทำลายระบบประสาทของเห็บหมัดโดยตรง ทำให้เกิดอัมพาตและตายในที่สุด ยาชนิดนี้มักใช้ในรูปแบบหยดหลังและสเปรย์ มีประสิทธิภาพในการกำจัดเห็บหมัดตัวเต็มวัยได้ดี และมักใช้เป็นตัวเลือกแรกเมื่อสุนัขมีเห็บหมัดจำนวนมาก
- ไอเวอร์เมกติน (Ivermectin) เป็นสารที่สามารถกำจัดพยาธิภายใน เช่น พยาธิหัวใจ และยังมีผลต่อเห็บหมัดด้วย ยาชนิดนี้มักอยู่ในรูปแบบยากิน ข้อดีคือสามารถป้องกันพยาธิหัวใจได้พร้อมกัน อย่างไรก็ตาม สุนัขบางสายพันธุ์ เช่น คอลลี่ อาจมีอาการแพ้สารนี้อย่างรุนแรง จึงควรตรวจสอบให้แน่ใจก่อนใช้
- ไพริพรอกซีเฟน (Pyriproxyfen) เป็นสารที่ทำงานโดยควบคุมการเจริญเติบโตของตัวอ่อนเห็บหมัด ทำให้ไม่สามารถเติบโตเป็นตัวเต็มวัยได้ และช่วยลดโอกาสการแพร่พันธุ์ของเห็บหมัด สารนี้มักใช้ร่วมกับยากำจัดเห็บหมัดตัวเต็มวัยเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด พบได้ในรูปแบบหยดหลังและสเปรย์
- เซลาเมกติน (Selamectin) เป็นสารที่สามารถฆ่าเห็บหมัด พยาธิภายใน และไรในหู ใช้ได้ในสุนัขที่มีผิวแพ้ง่ายเพราะไม่ทำให้ระคายเคือง มักอยู่ในรูปแบบยาหยดหลัง และต้องใช้เป็นประจำเพื่อให้มีประสิทธิภาพต่อเนื่อง
- ไอโซไซอะไซน์ (Isoxazoline) เป็นสารที่กำจัดเห็บหมัดโดยออกฤทธิ์กับระบบประสาทของแมลง เหมาะสำหรับสุนัขที่มีปัญหาเห็บหมัดเรื้อรัง เพราะสามารถป้องกันได้ยาวนานหลายสัปดาห์ มักอยู่ในรูปแบบยาเม็ดที่ต้องกินเข้าไป
ส่วนผสม | การออกฤทธิ์ | ข้อดี | ข้อควรระวัง | รูปแบบยา |
ฟิโพรนิล (Fipronil) | ฆ่าเห็บหมัดโดยทำลายระบบประสาท | ออกฤทธิ์เร็ว ฆ่าเห็บหมัดตัวเต็มวัยได้ดี | อาจระคายเคืองผิวหนัง | หยดหลัง, สเปรย์ |
ไอเวอร์เมกติน (Ivermectin) | ฆ่าเห็บหมัดและพยาธิภายใน | ป้องกันพยาธิหัวใจได้ด้วย | อาจเป็นอันตรายในสุนัขบางสายพันธุ์ | ยากิน |
ไพริพรอกซีเฟน (Pyriproxyfen) | ป้องกันตัวอ่อนเห็บหมัดโตเป็นตัวเต็มวัย | ลดการแพร่พันธุ์ของเห็บหมัด | ไม่ฆ่าตัวเต็มวัย ต้องใช้ร่วมกับยาอื่น | หยดหลัง, สเปรย์ |
เซลาเมกติน (Selamectin) | ฆ่าเห็บหมัดและพยาธิภายใน | อ่อนโยนต่อผิวหนัง เหมาะสำหรับสุนัขแพ้ง่าย | ต้องใช้เป็นประจำทุกเดือน | หยดหลัง |
ไอโซไซอะไซน์ (Isoxazoline) | ฆ่าเห็บหมัดที่ดูดเลือด | ออกฤทธิ์ได้นานหลายสัปดาห์ | อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในบางตัว | ยากิน |
ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกยากำจัดเห็บหมัด
- ระดับการติดเชื้อของเห็บหมัด หากสุนัขมีเห็บหมัดเยอะ ควรเลือกยาที่ออกฤทธิ์เร็ว เช่น ฟิโพรนิล หรือเซลาเมกติน
- ความปลอดภัยสำหรับสุนัข สุนัขบางสายพันธุ์อาจแพ้สารบางชนิด เช่น ไอเวอร์เมกติน อาจเป็นอันตรายต่อสายพันธุ์ที่ไวต่อยา
- วิธีการใช้ หากสุนัขไม่ชอบให้ทายาหรือฉีดสเปรย์ อาจเลือกใช้ยาแบบกิน เช่น ไอโซไซอะไซน์
- ประสิทธิภาพในการป้องกัน ยาบางชนิดสามารถกำจัดเห็บหมัดตัวเต็มวัยได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถป้องกันการแพร่พันธุ์ จึงควรใช้ร่วมกับสารควบคุมวงจรชีวิตของเห็บหมัด
วิธีป้องกันเห็บหมัดนอกเหนือจากการใช้ยา
1. อาบน้ำและดูแลขนของสุนัข
ควรอาบน้ำให้สุนัขเป็นประจำ โดยเลือกใช้แชมพูสุนัขที่ดีที่สุด ช่วยลดเห็บหมัด และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ผิวหนังสุนัขแห้งหรือเกิดการระคายเคือง หลังอาบน้ำ ควรใช้หวีสางเห็บหมัดเพื่อตรวจดูว่ามีเห็บหมัดติดอยู่ที่ขนหรือไม่ หวีสำหรับสางเห็บหมัดจะมีซี่ที่ถี่กว่าหวีทั่วไป ทำให้สามารถดักจับเห็บหมัดได้ง่ายขึ้น หากพบเห็บหมัด ควรกำจัดอย่างถูกวิธี เช่น ใช้คีมคีบออกให้หมด และหลีกเลี่ยงการบีบตัวเห็บ เพราะอาจทำให้ไข่หรือสารคัดหลั่งจากเห็บแพร่กระจายในสิ่งแวดล้อม
2. ทำความสะอาดที่นอนและของใช้ของสุนัข
การทำความสะอาดที่นอนของสุนัขเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เห็บหมัดสามารถวางไข่และเจริญเติบโตในที่นอนของสุนัขได้ หากปล่อยให้สุนัขนอนบนที่นอนที่มีไข่เห็บหมัดปะปนอยู่ สุนัขอาจติดเห็บหมัดซ้ำได้ง่าย ควรซักที่นอน ผ้าห่ม และของใช้ของสุนัขด้วยน้ำร้อนทุกสัปดาห์ เพราะความร้อนสามารถฆ่าไข่และตัวอ่อนของเห็บหมัดได้ดี นอกจากนี้ ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดพรม โซฟา และพื้นบ้านเป็นประจำ เพราะไข่และตัวอ่อนของเห็บหมัดอาจหลุดจากตัวสุนัขและตกอยู่ตามพื้นผิวต่าง ๆ หากพบเห็บหมัดในบ้าน อาจใช้สเปรย์กำจัดเห็บหมัดที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยงเพื่อช่วยควบคุมปัญหา
3. ควบคุมเห็บหมัดในสนามหญ้าและพื้นที่รอบบ้าน
พื้นที่กลางแจ้ง เช่น สนามหญ้าและสวน เป็นแหล่งที่เห็บหมัดสามารถอาศัยและแพร่พันธุ์ได้ดี หากบ้านมีสนามหญ้า ควรหมั่นตัดหญ้าให้สั้นและกำจัดใบไม้แห้งที่ร่วงสะสม เพราะเป็นจุดที่เห็บหมัดชอบซ่อนตัว นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการปล่อยสุนัขเล่นในบริเวณที่มีหญ้ารกหรือพื้นที่ที่มีสัตว์อื่นอยู่เยอะ เพราะอาจเป็นแหล่งที่มีเห็บหมัดแฝงอยู่ หากต้องการใช้สารป้องกันเห็บหมัดในสนามหญ้า ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น ไดอะทอมาเซียสเอิร์ธ (Diatomaceous Earth) ซึ่งเป็นสารจากธรรมชาติที่ช่วยกำจัดแมลงโดยไม่เป็นอันตรายต่อสุนัข การใช้ไส้เดือนฝอย (Beneficial Nematodes) ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี เพราะไส้เดือนฝอยสามารถช่วยกำจัดตัวอ่อนของเห็บหมัดที่อยู่ในดินได้
4. ใช้วิธีธรรมชาติในการไล่เห็บหมัด
การใช้วิธีธรรมชาติเป็นอีกทางเลือกในการป้องกันเห็บหมัดโดยไม่ต้องใช้สารเคมี น้ำมันหอมระเหยจาก ตะไคร้หอม ลาเวนเดอร์ หรือมะกรูด เป็นตัวช่วยที่ดี เพราะมีกลิ่นที่เห็บหมัดไม่ชอบ สามารถใช้ผสมน้ำเปล่าแล้วฉีดพ่นบริเวณที่สุนัขอยู่ หรือเช็ดตัวสุนัขหลังอาบน้ำเพื่อช่วยลดการเกาะติดของเห็บหมัด อีกวิธีที่สามารถทำได้คือการผสมน้ำส้มสายชู 1 ส่วน กับน้ำเปล่า 1 ส่วน แล้วใช้เช็ดตัวสุนัขหลังอาบน้ำ ซึ่งช่วยไล่เห็บหมัดได้ดี นอกจากนี้ การนำใบสะระแหน่ โรสแมรี่ หรือดอกเบญจมาศ ไปวางไว้ในบริเวณที่สุนัขนอน ก็สามารถช่วยลดจำนวนเห็บหมัดได้ในระยะยาว
การดูแลอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันเห็บหมัด
ควรดูแลสุนัขให้สะอาดอยู่เสมอ และหมั่นตรวจดูขนว่ามีเห็บหมัดหรือไม่ หากพบเห็บหมัดบนตัวสุนัข ควรรีบกำจัดเพื่อป้องกันการแพร่พันธุ์ การดูแลสุขภาพสุนัขให้แข็งแรงเป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญในการป้องกันเห็บหมัด ซึ่งอาหารที่มีคุณภาพดีสามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสุนัขได้ 10 อาหารเปียกสุนัขยอดนิยม ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากมีความชุ่มชื้นสูง ช่วยให้สุนัขได้รับน้ำเพียงพอ ลดปัญหาผิวแห้งที่อาจทำให้เกิดอาการคันและการเกา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เห็บหมัดเข้ามาเกาะติดได้ง่าย นอกจากนี้ อาหารเปียกยังมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายของสุนัขทำงานได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการขาดสารอาหาร หรือภาวะขาดน้ำ การเลือกอาหารเปียกที่มีโปรตีนคุณภาพสูงและไม่มีสารปรุงแต่งที่เป็นอันตราย เมื่อมีการดูแลที่เหมาะสม จะช่วยให้สุนัขมีสุขภาพแข็งแรง ผิวหนังและขนมีความชุ่มชื้น ซึ่งส่งผลให้สามารถต้านทานปัญหาเห็บหมัดได้ดีขึ้น
ยากําจัดเห็บหมัดแบบกิน vs. แบบหยด แบบไหนดีกว่ากัน
ยากำจัดเห็บหมัดแบบกิน
ยาแบบกินมีประสิทธิภาพในการกำจัดเห็บหมัดโดยออกฤทธิ์จากภายใน เมื่อเห็บหมัดกัดสุนัขและดูดเลือด สารออกฤทธิ์ในตัวยาจะเข้าไปทำลายระบบประสาทของเห็บหมัด ทำให้มันตายในที่สุด ข้อดีของยาแบบกินคือสามารถควบคุมเห็บหมัดได้จากภายในร่างกายของสุนัข และไม่ต้องกังวลว่ายาจะหลุดออกจากตัวสุนัขเมื่อโดนน้ำ นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการแพ้สารที่ใช้ทาผิวหนัง อย่างไรก็ตาม ยาแบบกินต้องให้สุนัขกินเข้าไป ซึ่งอาจเป็นปัญหาหากสุนัขไม่ยอมกินยา บางตัวอาจต้องซ่อนยาไว้ในอาหารหรือขนมเพื่อกระตุ้นให้กินเข้าไป อีกทั้งยาแบบกินมักมีราคาสูงกว่าแบบหยด และอาจไม่ได้ป้องกันเห็บหมัดได้รวดเร็วเท่ากับยาแบบหยดยากำจัดเห็บหมัดแบบหยด
ยาแบบหยดเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับเจ้าของสุนัข เนื่องจากใช้งานง่าย เพียงหยดลงบริเวณต้นคอหรือกลางหลังของสุนัข สารออกฤทธิ์จะกระจายไปทั่วชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และฆ่าเห็บหมัดที่สัมผัสกับสารออกฤทธิ์โดยตรง ทำให้สามารถกำจัดเห็บหมัดได้อย่างรวดเร็ว ข้อดีของยาแบบหยดคือออกฤทธิ์เร็ว และไม่ต้องให้สุนัขกินยาเข้าไปโดยตรง ซึ่งเหมาะสำหรับสุนัขที่กินยายาก อย่างไรก็ตาม การใช้ยาแบบหยดต้องระมัดระวังไม่ให้สุนัขเลียบริเวณที่หยดยา และต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้สุนัขเปียกน้ำภายใน 48 ชั่วโมงหลังการใช้ยา นอกจากนี้ สุนัขบางตัวอาจแพ้สารที่ใช้ในยาแบบหยด ทำให้เกิดอาการคันหรือระคายเคืองบริเวณที่ทายา ตารางเปรียบเทียบยาแบบกินและแบบหยดประเภทของยา | วิธีการออกฤทธิ์ | ข้อดี | ข้อควรระวัง |
ยาแบบกิน | ฆ่าเห็บหมัดจากภายใน เมื่อเห็บหมัดกัดสุนัข | ใช้งานสะดวก ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำ | สุนัขบางตัวอาจไม่ชอบกิน |
ยาแบบหยด | ฆ่าเห็บหมัดจากภายนอก ผ่านการสัมผัสกับยา | ออกฤทธิ์เร็ว ฆ่าเห็บหมัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ | ต้องระวังการเลียและเปียกน้ำ |
ปัจจัยในการเลือกใช้ยาแบบกินหรือแบบหยด
การเลือกใช้ยากำจัดเห็บหมัดขึ้นอยู่กับลักษณะของสุนัขและความสะดวกของเจ้าของ หากสุนัขไม่ชอบกินยา การใช้ยาแบบหยดอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเพราะใช้งานง่ายและออกฤทธิ์เร็ว แต่หากต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาสุนัขเลียยา หรือต้องการความสะดวกในการใช้งาน ยาแบบกินก็เป็นตัวเลือกที่ดี เนื่องจากไม่ต้องกังวลเรื่องการสัมผัสกับน้ำหรือการเลียยาที่ผิวหนัง สุนัขบางตัวอาจแพ้สารที่ใช้ในยาแบบหยด ทำให้เกิดอาการคันหรือระคายเคือง ดังนั้น หากสุนัขมีผิวแพ้ง่าย ควรพิจารณาใช้ยาแบบกินแทน นอกจากนี้ สุนัขที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีฝนตกบ่อย หรือชอบเล่นน้ำ อาจเหมาะกับยาแบบกินมากกว่า เพราะไม่ต้องกังวลว่ายาจะถูกชะล้างออกการเลือกยากำจัดเห็บหมัดที่เหมาะสมกับสุนัขเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเห็บหมัดสามารถทำให้สุนัขมีอาการคัน ติดเชื้อ และเสี่ยงต่อโรคร้ายแรง บทความนี้แนะนำ 10 ยากําจัดเห็บหมัดสุนัข ยี่ห้อไหนดี ที่ให้ปลอดภัยกับสัตว์เลี้ยง ที่ได้รับความนิยม โดยให้ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณ รูปแบบยา และส่วนผสมของแต่ละแบรนด์ พร้อมคำอธิบายสั้น ๆ เพื่อช่วยให้เจ้าของสามารถเลือกใช้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับส่วนผสมหลักในยากำจัดเห็บหมัด อธิบายว่าส่วนผสมแต่ละชนิดทำงานอย่างไรและมีข้อควรระวังอะไรบ้าง รวมถึงเคล็ดลับป้องกันเห็บหมัดเพิ่มเติม เช่น การดูแลความสะอาดของสุนัขและที่อยู่อาศัย เพื่อช่วยลดจำนวนเห็บหมัดในระยะยาว บทความยังเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของยากำจัดเห็บหมัดแบบกินและแบบหยด เพื่อให้เจ้าของสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม การเลือกใช้ยากำจัดเห็บหมัดให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของสุนัขและสภาพแวดล้อมจะช่วยให้การควบคุมเห็บหมัดมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้สุนัขมีสุขภาพที่ดีขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
1. ยากำจัดเห็บหมัดแบบกินและแบบหยดแตกต่างกันอย่างไร?
ยากำจัดเห็บหมัดแบบกินทำงานโดยซึมเข้าสู่กระแสเลือดของสุนัข เมื่อเห็บหมัดกัดสุนัข สารออกฤทธิ์จะเข้าสู่ร่างกายของเห็บหมัดและทำให้มันตาย ยาแบบนี้มีข้อดีตรงที่ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหรือการเลียยา อย่างไรก็ตาม สุนัขบางตัวอาจไม่ชอบกินยาและต้องซ่อนยาในอาหาร ส่วนยาแบบหยดออกฤทธิ์ผ่านผิวหนัง โดยกระจายไปทั่วผิวหนังและชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้เห็บหมัดตายเมื่อสัมผัสกับสารออกฤทธิ์ ยาแบบหยดมักออกฤทธิ์เร็ว แต่ต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้สุนัขเลียบริเวณที่หยดยาหรือเปียกน้ำภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากใช้ยา
2. ควรใช้ยากำจัดเห็บหมัดบ่อยแค่ไหน?
ความถี่ในการใช้ยากำจัดเห็บหมัดขึ้นอยู่กับประเภทของยา ยาแบบกินและแบบหยดส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์ป้องกันประมาณ 1 เดือนต่อการใช้หนึ่งครั้ง บางตัวที่มีสูตรออกฤทธิ์นานสามารถใช้ได้ทุก 2-3 เดือน อ่านฉลากผลิตภัณฑ์เพื่อดูคำแนะนำของผู้ผลิตและเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสุนัข
3. มีวิธีป้องกันเห็บหมัดที่ไม่ต้องใช้ยาไหม?
การป้องกันเห็บหมัดสามารถทำได้โดยการดูแลความสะอาดของสุนัขและสภาพแวดล้อม ควรอาบน้ำให้สุนัขเป็นประจำ ใช้แชมพูที่ช่วยลดเห็บหมัด ทำความสะอาดที่นอน ผ้าห่ม และของใช้ของสุนัขด้วยน้ำร้อนทุกสัปดาห์ หมั่นดูดฝุ่นพรมและพื้นบ้านเพื่อลดการสะสมของไข่เห็บหมัด ควบคุมพื้นที่รอบบ้าน เช่น ตัดหญ้าให้สั้น และใช้สารไล่เห็บหมัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันตะไคร้หอม หรือน้ำส้มสายชู
4. ใช้ยากำจัดเห็บหมัดร่วมกับการป้องกันวิธีอื่นได้ไหม?
สามารถใช้ยากำจัดเห็บหมัดร่วมกับวิธีป้องกันอื่นได้ เช่น การดูแลความสะอาด การควบคุมเห็บหมัดในสนามหญ้า และการใช้สารจากธรรมชาติร่วมด้วย วิธีนี้ช่วยลดจำนวนเห็บหมัดในสิ่งแวดล้อม และลดโอกาสที่เห็บหมัดจะกลับมาติดสุนัขได้อีก