พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ คือทางเลือกยอดนิยมสำหรับบ้านที่ต้องการความสวยงามแบบพื้นไม้จริง แต่มีความทนทาน และรองรับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและความชื้นได้ดีกว่าไม้ทั่วไป พื้นชนิดนี้ผลิตจากการประกอบชั้นไม้หลายชั้นเข้าด้วยกัน ทำให้แข็งแรงและมีอายุการใช้งานยาวนาน ในขณะเดียวกันยังคงความสวยงามและให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนไม้ธรรมชาติ ในบทความนี้ ทางเราได้รวบรวม 10 แบรนด์ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ยี่ห้อไหนดี ซึ่งผ่านการคัดเลือกโดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญต่าง ๆ เพื่อให้เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ทุกสไตล์การใช้งานสำหรับคุณมากที่สุด
หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า
ในการจัดอันดับแบรนด์ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ยี่ห้อไหนดี ทางเราได้พิจารณาจากหลักเกณฑ์ที่สำคัญ เพื่อให้ทุกคนสามารถเลือกใช้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการและเหมาะสมกับบ้านของตัวเองมากที่สุด ดังนี้
- คุณภาพของวัสดุ: เราพิจารณาคุณภาพของวัสดุที่ใช้ผลิต รวมถึงชนิดของไม้และความแข็งแรงของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ในแต่ละแบรนด์ เช่น ไม้จริง ไม้โอ๊ค และไม้เมเปิ้ล เป็นต้น
- ความทนทานต่อสภาพแวดล้อม: การทดสอบความสามารถในการทนต่อความชื้นและการขีดข่วน เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นไม้สามารถใช้งานได้ยาวนานและรักษาคุณสมบัติเดิมได้ดี
- การรับรองมาตรฐาน: แบรนด์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ เช่น FSC สำหรับการจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน และมาตรฐานสิ่งแวดล้อมอื่นๆ
- ความสวยงามและลวดลายของไม้: การเลือกลวดลายที่สวยงามและเหมือนไม้จริงมากที่สุด โดยมองหาความละเอียดและความเป็นธรรมชาติของผิวไม้
- ขนาดหน้ากว้างของพื้นไม้: การเลือกหน้ากว้างที่เหมาะสมกับขนาดและสไตล์ของห้อง เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานและความต้องการของพื้นที่
- ความยืดหยุ่นในการติดตั้ง: พื้นไม้ที่สามารถติดตั้งได้หลายรูปแบบ เช่น การติดตั้งแบบลอย การติดตั้งแบบใช้กาว หรือการติดตั้งแบบตะปู เพื่อความง่ายในการใช้งาน
- ราคาและความคุ้มค่า: เปรียบเทียบราคาของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์จากแต่ละแบรนด์ เพื่อให้เหมาะสมกับงบประมาณและคุ้มค่ากับคุณภาพที่ได้รับ
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: พิจารณาว่าวัสดุที่ใช้มาจากแหล่งที่ยั่งยืนและกระบวนการผลิตที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม
10 อันดับ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ทนทาน ลายสวยเหมือนไม้จริง
1. THE BIG PLANK รุ่น EB01 White Oak
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ THE BIG PLANK รุ่น EB01 White Oak เป็นพื้นไม้จริงที่ทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง และความชื้น มีคุณสมบัติกันปลวก 100% และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
วัสดุที่ใช้ผลิต | ไม้จริง |
เหมาะกับขนาดพื้นที่ | 2.888 ตร.ม. |
หน้ากว้าง | 8 นิ้ว |
ข้อดี
- ทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง และความชื้นได้ดี
- มีคุณสมบัติกันปลวก 100%
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต
ข้อควรพิจารณา
- ขนาดหน้ากว้าง 8 นิ้ว อาจไม่เหมาะกับทุกพื้นที่
- ต้องติดตั้งในพื้นที่ที่เรียบและแห้งสนิทเท่านั้นเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
THE BIG PLANK รุ่น EB01 White Oak เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้จริง โดยมีขนาดหน้ากว้าง 8 นิ้ว (ประมาณ 190 มิลลิเมตร) และมีพื้นที่การใช้งานที่เหมาะสมกับขนาด 2.888 ตารางเมตร ตัวพื้นไม้ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง และความชื้นได้ดี พร้อมคุณสมบัติกันปลวก 100% โดยมีผิว veneer หนาถึง 3 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยเพิ่มความทนทานในการใช้งานภายในบ้าน พื้นไม้รุ่นนี้ได้รับการรับรองมาตรฐานกาว D3/D4 และมาตรฐาน E0 ซึ่งปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต ราคาอยู่ที่ 10,044 บาท นอกจากนี้ พื้นไม้ THE BIG PLANK ยังมาจากฟาร์มปิดที่ปลูกไม้เพื่อใช้ทำพื้นไม้โดยเฉพาะ ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเหมาะสำหรับการตกแต่งภายในที่ต้องการความคงทนและสวยงามตามธรรมชาติ
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
พื้นไม้ THE BIG PLANK รุ่น EB01 White Oak เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีความทนทานสูงต่อสารเคมี กรด ด่าง และความชื้น พร้อมคุณสมบัติกันปลวก 100% และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เหมาะสำหรับการตกแต่งภายในที่ต้องการความสวยงามและความคงทนในระยะยาว
2. A LA CARTE รุ่น E09
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ A LA CARTE รุ่น E09 ผลิตจากไม้บีชเนื้อแข็งที่ทนทานต่อความชื้น สารเคมี และความร้อน พร้อมคุณสมบัติกันปลวกและน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับการติดตั้งภายในบ้าน
วัสดุที่ใช้ผลิต | ไม้บีชเนื้อแข็ง |
เหมาะกับขนาดพื้นที่ | 2.275 ตร.ม. |
หน้ากว้าง | 5 นิ้ว |
ข้อดี
- ทนทานต่อความชื้นและสารเคมีได้ดี
- มีคุณสมบัติกันปลวกช่วยยืดอายุการใช้งาน
- น้ำหนักเบากว่าไม้โอ๊ค ทำให้ติดตั้งง่าย
ข้อควรพิจารณา
- ขนาดหน้ากว้าง 5 นิ้ว อาจไม่เหมาะกับทุกพื้นที่
- ต้องระวังการใช้งานในพื้นที่ที่มีความร้อนและความชื้นสูง
A LA CARTE รุ่น E09 เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้บีช (Beech) เนื้อแข็ง โดยมีขนาดหน้ากว้าง 5 นิ้ว (ประมาณ 125 มิลลิเมตร) และเหมาะกับขนาดพื้นที่ 2.275 ตารางเมตร ไม้พื้นรุ่นนี้มีคุณสมบัติทนต่อความชื้นด้วยสารเคลือบพิเศษที่ช่วยป้องกันความชื้นเข้าสู่เนื้อไม้ชั้นกลาง และยังมีการเคลือบน้ำยากันปลวกเพื่อยืดอายุการใช้งาน นอกจากนี้ยังมีความทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง และความร้อน โดยได้รับการรับรองมาตรฐานกาว D3/D4 และมาตรฐาน E0 ที่ปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต ไม้พื้น A LA CARTE รุ่น E09 มาพร้อมกับความหนาของผิว veneer 2-3 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเบากว่าไม้โอ๊ค ซึ่งทำให้สะดวกในการติดตั้งภายใน ราคาอยู่ที่ 7,490 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
พื้นไม้ A LA CARTE รุ่น E09 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะทนทานต่อความชื้น สารเคมี กรด ด่าง และความร้อน อีกทั้งยังมีคุณสมบัติกันปลวกและน้ำหนักเบากว่าไม้โอ๊ค ทำให้ติดตั้งง่ายและใช้งานได้ยาวนานในราคาที่คุ้มค่า
3. BUMRUNGTHAI Golden Thai Teak รุ่น SKU: 1175307
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ BUMRUNGTHAI Golden Thai Teak รุ่น SKU: 1175307 โดดเด่นด้วยผิวไม้สักแท้ที่ทนทานและสวยงาม มีการป้องกันปลวกอย่างดี
วัสดุที่ใช้ผลิต | ผิวไม้สักแท้ที่เคลือบสียูวีอะคริลิก |
เหมาะกับขนาดพื้นที่ | 2.275 ตร.ม. |
หน้ากว้าง | 12.5 ซม. |
ข้อดี
- ผลิตจากผิวไม้สักแท้ที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกระแทก
- มีโครงสร้างไม้อัดสลับเสี้ยนที่ช่วยป้องกันการบิดโก่ง
- เคลือบด้วยสียูวีอะคริลิกแล็กเกอร์เพิ่มความทนทานและป้องกันปลวก
ข้อควรพิจารณา
- ขนาดหน้ากว้าง 12.5 เซนติเมตร อาจไม่เหมาะกับทุกพื้นที่
- เหมาะสำหรับการใช้งานภายในบ้านหรืออาคารเท่านั้น ไม่เหมาะกับพื้นที่ภายนอก
BUMRUNGTHAI Golden Thai Teak รุ่น SKU: 1175307 เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากผิวไม้สักแท้ เคลือบด้วยสียูวีอะคริลิกแล็กเกอร์ 8-11 ชั้น เพื่อเพิ่มความทนทานต่อรอยขีดข่วน แรงกดทับ และแรงกระแทก พื้นไม้รุ่นนี้มีขนาดหน้ากว้าง 12.5 เซนติเมตร และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 2.275 ตารางเมตร โครงสร้างไม้อัดสลับเสี้ยนช่วยป้องกันการบิดโก่ง และได้รับการอบไม้และทาน้ำยากันปลวกอย่างดี ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยเน้นใช้งานภายในบ้านหรืออาคารเท่านั้น ราคาอยู่ที่ 6,600 บาท พื้นไม้ BUMRUNGTHAI รุ่นนี้มาพร้อมลวดลายและสีสันของไม้สักไทยที่ดูเป็นธรรมชาติ ทำให้บ้านหรืออาคารดูมีสไตล์และสวยงาม
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
พื้นไม้ BUMRUNGTHAI Golden Thai Teak รุ่น SKU: 1175307 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะผลิตจากผิวไม้สักแท้ที่มีความทนทานสูงต่อรอยขีดข่วน แรงกดทับ และแรงกระแทก อีกทั้งยังมีการป้องกันปลวกอย่างดี ทำให้ใช้งานได้ยาวนาน และเพิ่มความสวยงามแบบธรรมชาติให้กับพื้นที่ภายในบ้านหรืออาคาร
4. Leowood iWood รุ่น Walnut Oak 125
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Leowood iWood รุ่น Walnut Oak 125 ผลิตจากไม้มะค่าเกรด AAA ที่มีคุณสมบัติกันปลวกและมอดได้ยาวนานถึง 5 ปี มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกระแทกสูง
วัสดุที่ใช้ผลิต | ไม้มะค่า |
เหมาะกับขนาดพื้นที่ | 2.87 ตร.ม. |
หน้ากว้าง | 198 ซม. |
ข้อดี
- ผลิตจากไม้มะค่าเกรด AAA ที่ทนทานและสวยงาม
- มีคุณสมบัติกันปลวกและมอดได้ยาวนานถึง 5 ปี
- ผิวหน้าทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกระแทกสูง
ข้อควรพิจารณา
- ขนาดหน้ากว้าง 198 มิลลิเมตร อาจไม่เหมาะกับทุกพื้นที่
- อัตราบวมน้ำต่ำแต่ยังคงมีความเสี่ยงในการใช้งานในพื้นที่ชื้นมาก
Leowood iWood รุ่น Walnut Oak 125 เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้มะค่าเกรด AAA จากแอฟริกา โดยมีขนาดหน้ากว้าง 198 มิลลิเมตร และเหมาะกับพื้นที่ขนาด 2.87 ตารางเมตร พื้นไม้รุ่นนี้มีคุณสมบัติ Anti-Termite โดยการอัดน้ำยากันปลวกในทุกชั้นไม้ รับประกันการป้องกันปลวกและมอดได้นานถึง 5 ปี ตัวพื้นไม้ยังผ่านการเก็บรายละเอียดด้วยการลบมุมขอบข้างรอบแผ่นไม้ เพื่อเพิ่มความสวยงาม และมีระบบร่องลิ้น (Tongue & Groove) ช่วยเพิ่มการยึดติดของชั้นเนื้อไม้ ลดการเลื่อนหลุด ผิวหน้ามีความทนทานต่อรอยขีดข่วนสูงระดับ AC3 และรองรับแรงกระแทกได้สูงระดับ IC 2-3 พื้นไม้รุ่นนี้ผลิตจาก HDF Board ความหนาแน่นสูงถึง 830 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และมีอัตราบวมน้ำต่ำกว่า 12% เพื่อลดปัญหาจากน้ำและความชื้น ราคาอยู่ที่ 2,385 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
พื้นไม้ Leowood iWood รุ่น Walnut Oak 125 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะผลิตจากไม้มะค่าเกรด AAA ที่มีคุณสมบัติกันปลวกและมอดได้นานถึง 5 ปี พร้อมความทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกระแทกสูง ทำให้มั่นใจได้ในความคงทนและการใช้งานที่ยาวนานในราคาที่คุ้มค่า
5. THE BIG PLANK รุ่น EBP05 White Oak
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ THE BIG PLANK รุ่น EBP05 White Oak โดดเด่นด้วยลวดลายไม้โอ๊คธรรมชาติ ผิว veneer หนา 4 มิลลิเมตร และคุณสมบัติกันปลวก 100% พร้อมความทนทานต่อสารเคมีและความร้อน
วัสดุที่ใช้ผลิต | ไม้โอ๊ค |
เหมาะกับขนาดพื้นที่ | 2.888 ตร.ม. |
หน้ากว้าง | 8 นิ้ว |
ข้อดี
- ลวดลายไม้โอ๊คธรรมชาติสวยงามด้วยเทคโนโลยีการทำสีพิเศษ
- ผิว veneer หนาถึง 4 มิลลิเมตร ทนทานต่อสารเคมีและความร้อน
- มีคุณสมบัติกันปลวก 100% และปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต
ข้อควรพิจารณา
- ขนาดหน้ากว้าง 8 นิ้ว อาจไม่เหมาะกับทุกพื้นที่
- ตัวเลือกสีอาจจำกัดสำหรับผู้ที่ต้องการสีที่หลากหลายมากขึ้น
THE BIG PLANK รุ่น EBP05 White Oak เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้โอ๊ค (Oak) โดยมีขนาดหน้ากว้าง 8 นิ้ว (ประมาณ 190 มิลลิเมตร) และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 2.888 ตารางเมตร รุ่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ Plus+ ซึ่งเน้นการดึงความสวยงามของไม้โอ๊คออกมาให้เด่นชัด โดยใช้เทคโนโลยีการทำสีพิเศษด้วยมือบนผิว veneer ที่หนาถึง 4 มิลลิเมตร เพื่อรักษาความงามที่เป็นธรรมชาติของลวดลายไม้ นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติกันปลวก 100% ทนต่อสารเคมี กรด ด่าง และความร้อน พื้นไม้รุ่นนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐานกาว D3/D4 และมาตรฐาน E0 ซึ่งปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต ราคาอยู่ที่ 11,743 บาท โดยมีสี B-Heritage Gray เป็นสีหลัก พร้อมตัวเลือกสีอื่น ๆ อีก 5 สีในซีรีส์เดียวกัน
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
พื้นไม้ THE BIG PLANK รุ่น EBP05 White Oak เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะเน้นความสวยงามของลวดลายไม้โอ๊คธรรมชาติ มีผิว veneer หนาถึง 4 มิลลิเมตร ทนทานต่อสารเคมี กรด ด่าง และความร้อน พร้อมคุณสมบัติกันปลวก 100% ทำให้มั่นใจได้ในความคงทนและความปลอดภัยในการใช้งาน
6. A LA CARTE รุ่น E19-1 SB-Coffee
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ A LA CARTE รุ่น E19-1 SB-Coffee โดดเด่นด้วยลายไม้สีเข้มแบบกาแฟดำ พร้อมการเคลือบ UV Oil และ Aluminium Oxide เพื่อความทนทาน มีคุณสมบัติป้องกันความชื้นและปลวก ติดตั้งง่ายและปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต
วัสดุที่ใช้ผลิต | ไม้บีชเนื้อแข็ง |
เหมาะกับขนาดพื้นที่ | 2.888 ตร.ม. |
หน้ากว้าง | 5 นิ้ว |
ข้อดี
- ลายไม้สีเข้มแบบกาแฟดำที่คมชัดและไม่ซ้ำกัน
- เคลือบด้วย UV Oil และ Aluminium Oxide เพื่อความทนทาน
- มีคุณสมบัติป้องกันความชื้นและปลวกได้ดี
ข้อควรพิจารณา
- ขนาดหน้ากว้าง 5 นิ้ว อาจไม่เหมาะกับทุกพื้นที่
- สีเข้มอาจทำให้ห้องดูมืดในบางสถานการณ์
A LA CARTE รุ่น E19-1 SB-Coffee เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้บีชเนื้อแข็ง มีขนาดหน้ากว้าง 5 นิ้ว (ประมาณ 125 มิลลิเมตร) และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 2.888 ตารางเมตร พื้นไม้รุ่นนี้โดดเด่นด้วยลายไม้สีเข้มแบบกาแฟดำ (SB-Coffee) ที่คมชัดและไม่ซ้ำกันในแต่ละแผ่น หน้าไม้ถูกเคลือบด้วย UV Oil และ Aluminium Oxide เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันการหลุดร่อนของหน้าไม้ นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติป้องกันความชื้นและทาน้ำยากันปลวกเพื่อยืดอายุการใช้งาน พื้นไม้รุ่นนี้ติดตั้งง่ายด้วยระบบลิ้น (Tongue & Groove) และได้รับการรับรองมาตรฐานกาว D3/D4 และมาตรฐาน E0 ซึ่งปลอดภัยต่อสิ่งมีชีวิต ราคาอยู่ที่ 6,599 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
พื้นไม้ A LA CARTE รุ่น E19-1 SB-Coffee เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีลายไม้สีเข้มที่คมชัดและไม่ซ้ำกันในแต่ละแผ่น พร้อมการเคลือบ UV Oil และ Aluminium Oxide เพื่อความทนทาน ป้องกันความชื้นและปลวกได้ดี ทำให้มั่นใจในความแข็งแรงและการใช้งานที่ยาวนานในราคาที่คุ้มค่า
7. BUMRUNGTHAI Cloudy Oak รุ่น SKU: 1175423
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ BUMRUNGTHAI Cloudy Oak รุ่น SKU: 1175423 ผลิตจากไม้โอ๊คคุณภาพสูง มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกระแทก พร้อมสีโทนอ่อนที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศสบายตาภายในบ้าน
วัสดุที่ใช้ผลิต | ไม้โอ๊ค |
เหมาะกับขนาดพื้นที่ | 2.275 ตร.ม. |
หน้ากว้าง | 12.5 ซม. |
ข้อดี
- ผลิตจากไม้โอ๊คคุณภาพสูง ทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกระแทก
- สีโทนอ่อนช่วยเพิ่มความสบายตาและบรรยากาศภายในบ้าน
- โครงสร้างไม้อัดสลับเสี้ยนช่วยป้องกันการบิดโก่ง
ข้อควรพิจารณา
- ขนาดหน้ากว้าง 12.5 เซนติเมตร อาจไม่เหมาะกับทุกพื้นที่
- ต้องติดตั้งบนพื้นเรียบและแห้งสนิทเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
BUMRUNGTHAI Cloudy Oak รุ่น SKU: 1175423 เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้โอ๊คคุณภาพสูง โดยมีขนาดหน้ากว้าง 12.5 เซนติเมตร และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 2.275 ตารางเมตร พื้นไม้รุ่นนี้มีผิวหน้าที่เคลือบด้วยสียูวีอะคริลิกแล็กเกอร์ 8-11 ชั้น เพื่อเพิ่มความทนทานต่อรอยขีดข่วน แรงกด และแรงกระแทก โครงสร้างไม้อัดสลับเสี้ยนช่วยป้องกันการบิดโก่ง และผ่านกระบวนการอบไม้และอัดน้ำยากันปลวกอย่างดี สี Cloudy Oak เป็นสีโทนอ่อนที่ช่วยเพิ่มความสบายตาและบรรยากาศที่น่าอยู่ภายในบ้าน ราคาอยู่ที่ 4,500 บาท พื้นไม้รุ่นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ภายในบ้านหรืออาคาร และควรติดตั้งบนพื้นที่เรียบ แห้งสนิท และสะอาดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
พื้นไม้ BUMRUNGTHAI Cloudy Oak รุ่น SKU: 1175423 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะผลิตจากไม้โอ๊คคุณภาพสูง มีความทนทานต่อรอยขีดข่วนและแรงกระแทก อีกทั้งยังมีสีโทนอ่อนที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศสบายตาภายในบ้าน ในราคาที่คุ้มค่า
8. Naturwood Grey Oak รุ่น SKU 10102190
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Naturwood Grey Oak รุ่น SKU 10102190 ผลิตจากไม้โอ๊คยุโรปเกรด A+++ มีผิวหน้าหนาถึง 3 มิลลิเมตร ทนทานต่อการพองตัวและบิดโก่ง
วัสดุที่ใช้ผลิต | ไม้โอ๊ค |
เหมาะกับขนาดพื้นที่ | 1.35 ตร.ม. |
หน้ากว้าง | 5 นิ้ว |
ข้อดี
- ผิวหน้าหนาถึง 3 มิลลิเมตร สามารถขัดสีใหม่ได้หลายรอบ
- เคลือบด้วย UV Lacquer 8 ชั้น เพิ่มความทนทานและป้องกันการพองตัว
- เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทย
ข้อควรพิจารณา
- ขนาดพื้นที่ครอบคลุมเพียง 1.35 ตารางเมตร อาจไม่เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่
- ขนาดหน้ากว้าง 12.5 เซนติเมตร อาจไม่เข้ากับทุกสไตล์การตกแต่ง
Naturwood Grey Oak รุ่น SKU 10102190 เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้โอ๊คยุโรปเกรด A+++ โดยมีขนาดหน้ากว้าง 5 นิ้ว (ประมาณ 12.5 เซนติเมตร) และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 1.35 ตารางเมตร พื้นไม้รุ่นนี้มีความหนาผิวหน้า 3 มิลลิเมตร ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานพื้นไม้ทั่วไปในตลาด ทำให้สามารถขัดสีใหม่ได้หลายรอบ ผิวไม้ถูกเคลือบด้วย UV Lacquer 8 ชั้น ช่วยเพิ่มความทนทานและป้องกันการพองตัวและบิดโก่ง ทำให้พื้นไม้เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทย พื้นไม้รุ่นนี้ยังติดตั้งง่ายด้วยระบบลิ้นรางและผ่านการอบแห้งที่ได้มาตรฐาน โครงสร้าง HDF มีความแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งาน ราคาอยู่ที่ 2,897 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
พื้นไม้ Naturwood Grey Oak รุ่น SKU 10102190 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะผลิตจากไม้โอ๊คยุโรปเกรด A+++ ที่มีผิวหน้าหนาถึง 3 มิลลิเมตร สามารถขัดสีใหม่ได้หลายรอบ พร้อมเคลือบ UV Lacquer 8 ชั้น ทำให้ทนทานต่อการพองตัวและบิดโก่ง เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทย ในราคาที่คุ้มค่า
9. Leowood iWood รุ่น Prestige
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ Leowood iWood รุ่น Prestige ผลิตจากไม้โอ๊คเนื้อดีนำเข้าจากอเมริกา มีความทนทานสูงต่อรอยขีดข่วน ติดตั้งง่าย และรับประกันการป้องกันปลวกและมอดยาวนานถึง 5 ปี
วัสดุที่ใช้ผลิต | ผิวหน้าเนื้อไม้โอ๊ค |
เหมาะกับขนาดพื้นที่ | 2.7 ตร.ม. |
หน้ากว้าง | 15.00cm |
ข้อดี
- ผลิตจากไม้โอ๊คนำเข้าจากอเมริกา มีความทนทานและป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี
- ติดตั้งง่ายด้วยระบบคลิกล็อกและขอบเหลี่ยม 90 องศา
- รับประกันการป้องกันปลวกและมอดนานถึง 5 ปี
ข้อควรพิจารณา
- ขนาดหน้ากว้าง 15 เซนติเมตร อาจไม่เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็ก
- ต้องขัดทำสีใหม่หากมีรอยเกิดขึ้นหลังการใช้งานหลายปี
Leowood iWood รุ่น Prestige เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่มีผิวหน้าเนื้อไม้โอ๊ค (White Oak) นำเข้าจากอเมริกา ขนาดหน้ากว้าง 15 เซนติเมตร และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 2.7 ตารางเมตร ผิวหน้าไม้เคลือบด้วยสียูวีอะคริลิคแล็กเกอร์ 8 ชั้น เพื่อเพิ่มความทนทานและป้องกันรอยขีดข่วน สามารถขัดทำสีใหม่ได้หากมีรอยเกิดขึ้นหลังการใช้งานหลายปี นอกจากนี้ พื้นไม้รุ่นนี้ยังติดตั้งง่ายด้วยระบบคลิกล็อกและมีลักษณะขอบเหลี่ยม 90 องศา เหมาะสำหรับการตกแต่งบ้านในสไตล์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องครัว หรือห้องนั่งเล่น ราคาอยู่ที่ 1,226 บาท พื้นไม้รุ่นนี้ยังคงรับประกันคุณภาพการป้องกันปลวกและมอดยาวนานถึง 5 ปี
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
พื้นไม้ Leowood iWood รุ่น Prestige เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะผลิตจากไม้โอ๊คเนื้อดีนำเข้าจากอเมริกา เคลือบด้วยสียูวีอะคริลิคแล็กเกอร์ 8 ชั้น เพื่อเพิ่มความทนทานและป้องกันรอยขีดข่วน อีกทั้งยังติดตั้งง่ายด้วยระบบคลิกล็อก และรับประกันการป้องกันปลวกและมอดนานถึง 5 ปี ทำให้มั่นใจได้ในความคุ้มค่าและความทนทานในการใช้งาน
10. TAPIO สีไม้โอ๊ค รุ่น PH047
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ TAPIO สีไม้โอ๊ค รุ่น PH047 ผลิตจากไม้แท้ที่มีความทนทานต่อการขีดข่วนและป้องกันการบิดโก่ง ด้วยโครงสร้างไม้อัดสลับเสี้ยน
วัสดุที่ใช้ผลิต | ไม้แท้ |
เหมาะกับขนาดพื้นที่ | 1.22 ตร.ม. |
หน้ากว้าง | 45 cm |
ข้อดี
- ผลิตจากไม้แท้ ลวดลายสวยงามเสมือนไม้จริง
- ผิวหน้าทนทานต่อการขีดข่วนและป้องกันการบิดโก่งได้ดี
- ติดตั้งและรื้อถอนง่าย ดูแลรักษาสะดวก
ข้อควรพิจารณา
- ขนาดหน้ากว้าง 45 เซนติเมตร อาจไม่เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็ก
- ต้องใช้จำนวนมาก หากปูในพื้นที่ใหญ่
TAPIO สีไม้โอ๊ค รุ่น PH047 เป็นพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ผลิตจากไม้แท้ โดยมีขนาดหน้ากว้าง 45 เซนติเมตร และเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 1.22 ตารางเมตร รุ่นนี้มีลวดลายสวยงามเสมือนไม้จริง และผิวหน้าทนทานต่อการขีดข่วน โครงสร้างไม้อัดสลับเสี้ยนช่วยเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันการบิดโก่ง นอกจากนี้ยังผ่านกระบวนการอบไม้และอัดน้ำยากันปลวกอย่างดี พื้นไม้รุ่นนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านหลากหลายรูปแบบ สามารถติดตั้งและรื้อถอนง่าย รวมถึงการดูแลรักษาและทำความสะอาดที่สะดวก ราคาอยู่ที่ 3,644 บาทต่อกล่อง โดย 1 กล่องประกอบด้วย 6 แผ่น ซึ่งเพียงพอสำหรับปูพื้นที่ขนาด 1.22 ตารางเมตร
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
พื้นไม้ TAPIO สีไม้โอ๊ค รุ่น PH047 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะผลิตจากไม้แท้ที่มีลวดลายสวยงามเสมือนไม้จริง พร้อมความทนทานต่อการขีดข่วน โครงสร้างไม้อัดสลับเสี้ยนช่วยเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันการบิดโก่ง ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้านหลากหลายรูปแบบ ติดตั้งง่ายและดูแลรักษาสะดวก
วัสดุที่ใช้ผลิตพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ มีผลต่อความทนทานอย่างไร?
ความสำคัญของวัสดุที่ใช้ในการผลิตพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ การเลือกวัสดุที่ใช้ในการผลิตพื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีผลอย่างมากต่อความทนทานและความสวยงามของพื้นไม้ เนื่องจากพื้นไม้เอ็นจิเนียร์นั้นประกอบด้วยชั้นไม้ที่ถูกบีบอัดเข้าด้วยกัน วัสดุที่ใช้จึงต้องทนทานต่อความชื้นและการขีดข่วนได้ดี
- ไม้จริง: ให้ความรู้สึกอบอุ่นและความงามธรรมชาติ
- ไม้บีช: ทนต่อการเสียดสีและแรงกดดันสูง
- ไม้โอ๊ค: มีลวดลายที่สวยงามและทนทานต่อการหดตัว
- ไม้เมเปิ้ล: มีความสว่างและช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น
- ไม้มะค่า: ทนทานและมีความหนาแน่นสูง
ตารางเปรียบเทียบวัสดุต่าง ๆ
วัสดุ | คุณสมบัติ | ความทนทานต่อความชื้น | ความทนทานต่อการขีดข่วน |
---|---|---|---|
ไม้จริง | ความงามธรรมชาติ | ปานกลาง | สูง |
ไม้บีช | ทนต่อแรงกดดัน | สูง | สูงมาก |
ไม้โอ๊ค | ลวดลายสวยงาม | สูง | สูง |
ไม้เมเปิ้ล | สว่าง ช่วยให้ห้องดูกว้าง | ปานกลาง | ปานกลาง |
ไม้มะค่า | ความหนาแน่นสูง | สูงมาก | สูงมาก |
การเลือกกาวติดไม้และทริมเมอร์เพื่อติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์
เมื่อพูดถึงการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ การเลือกกาวติดไม้และทริมเมอร์ที่เหมาะสมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะกาวติดไม้ที่ดีสามารถช่วยเพิ่มความทนทานของพื้นไม้ได้เป็นอย่างดี และทริมเมอร์ที่เหมาะสมจะช่วยให้การตัดแต่งขอบไม้เป็นไปอย่างแม่นยำ ด้วยเหตุนี้ การเลือกกาวและอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตั้งจึงควรเหมาะสมกับชนิดของไม้และสภาพแวดล้อมที่พื้นไม้จะต้องเผชิญ การเลือกกาวติดไม้ยี่ห้อไหนดีนั้นมีประเภทของกาวติดไม้ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานของคุณ เช่น กาวโพลียูรีเทน มีคุณสมบัติทนน้ำและความชื้นได้ดี เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความชื้นสูง กาวอีพ็อกซี่จะให้การยึดเกาะที่แข็งแรง ทนทานต่อการเสียดสีและแรงกระแทก หรือกาวสำหรับไม้สูตรพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อไม้ ช่วยให้การติดตั้งพื้นไม้มีความแข็งแรงและยาวนาน
ส่วนการเลือกทริมเมอร์ควรดูที่มีใบมีดคมและสามารถปรับได้หลายระดับ ขอแนะนำ 10 อันดับทริมเมอร์ที่ดีที่สุด เพื่อความแม่นยำในการตัดและแต่งพื้นไม้ หากพื้นที่การติดตั้งมีลักษณะพิเศษ เช่น มุมแคบหรือซอกมุม การเลือกทริมเมอร์ที่มีขนาดเล็กและเคลื่อนย้ายได้ง่ายจะช่วยให้การตัดแต่งทำได้ดีขึ้น ดังนั้น การเลือกวัสดุและอุปกรณ์ที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้การติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีความแข็งแรงและทนทานเท่านั้น แต่ยังช่วยให้การบำรุงรักษาในระยะยาวง่ายขึ้น ทำให้พื้นไม้ของคุณสวยงามและใช้งานได้ยาวนานอย่างไม่มีปัญหา
วิธีการเลือกพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ให้เหมาะกับสไตล์บ้าน
- การพิจารณาสไตล์บ้าน: สไตล์ของบ้านคุณเป็นโมเดิร์นหรือคลาสสิก หากเป็นโมเดิร์น อาจเลือกพื้นไม้ที่มีสีอ่อนและหน้ากว้าง ส่วนบ้านแนวคลาสสิกอาจเหมาะกับไม้สีเข้มและลวดลายเรียบง่าย
- การเลือกสีพื้นไม้: สีของพื้นไม้ควรเข้ากับเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายใน สีอ่อนช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งในขณะที่สีเข้มให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นส่วนตัว
- การพิจารณาขนาดหน้ากว้างของพื้นไม้: พื้นไม้ที่มีหน้ากว้างให้ความรู้สึกทันสมัยและเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับห้องขนาดใหญ่ สำหรับห้องเล็ก พื้นไม้ที่มีหน้ากว้างเล็กลงอาจช่วยให้ห้องดูเรียบร้อยและกว้างขึ้น
- ความทนทานของวัสดุ: พิจารณาความต้องการใช้งานจริงในบ้านของคุณ เลือกวัสดุที่สามารถทนต่อการเสียดสีและความชื้นสูงหากบ้านคุณมีการใช้งานหนักหรือมีสัตว์เลี้ยง
ข้อควรระวังในการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์เพื่อความทนทาน
- การตรวจสอบความเรียบของพื้นฐาน: ก่อนการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นฐานเรียบและไม่มีความชื้นสูง เพื่อป้องกันการบวมหรือยุบตัวของพื้นไม้
- การใช้วัสดุรองพื้นที่เหมาะสม: การเลือกใช้วัสดุรองพื้นที่เหมาะสมจะช่วยลดเสียงกระทบและความเสียหายจากความชื้น วัสดุรองพื้นควรสามารถป้องกันความชื้นได้ดีและเหมาะสมกับประเภทของพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ใช้
- การเลือกวิธีติดตั้งที่เหมาะสม: มีวิธีการติดตั้งพื้นไม้หลายแบบ เช่น การติดตั้งแบบลอย แบบติดกาว หรือแบบใช้ตะปู แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกัน ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในบ้าน
- การป้องกันและการดูแลรักษาหลังการติดตั้ง: หลังจากติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์แล้ว ควรหลีกเลี่ยงการเดินทับหรือวางของหนักๆ บนพื้นในช่วงแรก และควรทำความสะอาดพื้นอย่างเหมาะสม เพื่อคงความสวยงามและความทนทานของพื้นไม้ไว้นานที่สุด
สรุปได้ว่า การเลือก พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะสมสำหรับบ้านของคุณ ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น วัสดุที่ใช้ในการผลิต ขนาดหน้ากว้างของพื้น และความเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ใช้งาน เพื่อให้ได้พื้นที่ไม่เพียงแต่สวยงามแต่ยังทนทาน ซึ่งในบทความนี้เราก็ได้รวบรวมข้อมูลของ 10 แบรนด์พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ที่ดีที่สุด โดยมีการอธิบายถึงวัสดุที่ใช้ ขนาดหน้ากว้าง และความเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ใช้สอย เพื่อช่วยให้คุณเลือกพื้นที่ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องความสวยงามและความคงทน นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการเลือกพื้นไม้ให้เข้ากับสไตล์บ้าน และข้อควรระวังในการติดตั้งเพื่อยืดอายุการใช้งานของพื้นไม้ เพื่อให้คุณได้พื้นไม้ที่มีคุณภาพและใช้งานได้ยาวนานตามความต้องการ
คำถามที่พบบ่อย
1. วัสดุใดบ้างที่ใช้ในการผลิตพื้นไม้เอ็นจิเนียร์และมีผลต่อความทนทานอย่างไร?
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ผลิตจากหลายชนิดของไม้ เช่น ไม้จริง, ไม้บีช, ไม้โอ๊ค, ไม้เมเปิ้ล และไม้มะค่า ซึ่งแต่ละชนิดมีความทนทานต่อความชื้นและการขีดข่วนที่แตกต่างกัน การเลือกวัสดุที่เหมาะสมจะช่วยให้พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและดูสวยงาม
2. การเลือกพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ให้เหมาะกับสไตล์บ้านควรพิจารณาอะไรบ้าง?
ควรพิจารณาสไตล์ของบ้าน สีของพื้นไม้ที่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งภายใน รวมถึงขนาดหน้ากว้างของพื้นไม้ การเลือกสีและขนาดที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศและความสวยงามให้กับบ้าน
3. มีข้อควรระวังอะไรบ้างในการติดตั้งพื้นไม้เอ็นจิเนียร์?
ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นฐานเรียบและไม่มีความชื้นสูงก่อนการติดตั้ง ใช้วัสดุรองพื้นที่เหมาะสมเพื่อลดเสียงกระทบและป้องกันความชื้น และเลือกวิธีติดตั้งที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในบ้าน
4. การดูแลรักษาพื้นไม้เอ็นจิเนียร์หลังจากติดตั้งมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?
หลีกเลี่ยงการเดินทับหรือวางของหนัก ๆ บนพื้นในช่วงแรกหลังการติดตั้ง และควรทำความสะอาดพื้นไม้เอ็นจิเนียร์อย่างสม่ำเสมอด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การใช้ไม้ถูพื้นที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อพื้นไม้