10 อันดับ น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี บำรุงผมไม่เสีย ให้ความชุ่มชื้น สีสวยสม่ำเสมอ

COVER-466-Hair-Hleach

การใช้น้ำยากัดสีผม เป็นขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการทำสีผมให้สว่างขึ้น โดยเฉพาะการทำสีผมอ่อน ๆ เช่น สีบลอนด์, สีเทา, หรือสีพาสเทล ซึ่งไม่สามารถทำได้บนผมที่มีสีเข้ม หากไม่ผ่านการกัดสีให้สว่างก่อน กระบวนการกัดสีจะช่วยให้เม็ดสีเดิมในเส้นผมถูกลบออก ทำให้สีเฉดผมอ่อนลงและพร้อมสำหรับการลงสีใหม่ตามต้องการ นอกจากนี้ ยังช่วยให้สีที่ย้อมลงไปติดทนนานและมีความชัดเจนมากขึ้น

ดังนั้นการเลือกน้ำยากัดสีผมที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยให้สีผมสว่างได้ตามต้องการแล้ว ยังต้องดูแลสุขภาพของเส้นผมไปพร้อมกัน ผลิตภัณฑ์ผ่านมาตรฐานและมีคุณภาพ จะช่วยป้องกันปัญหาผมแห้งเสียหลังการทำสี โดยเฉพาะหากมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงผม เช่น เคราตินหรือน้ำมันจากธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยรักษาความชุ่มชื้นของเส้นผมและลดความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหาย ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำ 10 อันดับ น้ำยากัดสีผม ยี่ห้อไหนดี บำรุงผมไม่เสีย ให้ความชุ่มชื้น สีสวยสม่ำเสมอ และวิธีการเลือกซื้อน้ำยากัดสีผมที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้อ่านสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องผลลัพธ์ที่ดีและการบำรุงเส้นผม โดยจะเน้นไปที่ปัจจัยสำคัญต่าง ๆ ที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อกัน


หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า

  • ประเภทแบบผงหรือแบบครีม : เราเลือกน้ำยากัดสีผมที่เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นแบบผงหรือแบบครีม โดยคำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน ผลลัพธ์หลังการกัดสี และความเหมาะสมกับสภาพเส้นผมของแต่ละคน ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้ง่ายยิ่งขึ้น
  • ระดับความเข้มข้น : เราพิจารณาระดับความเข้มข้นของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ ซึ่งมักมีตั้งแต่ 3% ขึ้นไป การเลือกความเข้มข้นที่เหมาะสมช่วยให้ผลลัพธ์ในการกัดสีผมปลอดภัย โดยแนะนำให้ปรับเวลาหรือจำนวนครั้งในการใช้น้ำยาให้เหมาะกับสภาพเส้นผมแต่ละแบบ
  • ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก : สำหรับผู้ที่มีหนังศีรษะหรือผิวบอบบางแพ้ง่าย เราให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติหรือออร์แกนิก เพื่อลดความเสี่ยงในการระคายเคือง และช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจในความปลอดภัยขณะใช้งาน
  • ความเหมาะสมของสีผมหลังการใช้ : การตรวจสอบผลลัพธ์หลังใช้เป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการในการทำสีผมขั้นถัดไป การเลือกผลิตภัณฑ์ที่กัดสีได้อย่างแม่นยำจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับสภาพเส้นผมของผู้ใช้
  • ความเสี่ยงจากการระคายเคือง : นอกเหนือจากนี้ เราแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ผลืตภัณฑ์ด้วยตนเองในกรณีที่มีความเสี่ยงในการเกิดการระคายเคือง นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงส่วนผสมที่อ่อนโยนและปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพหนังศีรษะ และช่วยให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและไร้ปัญหาภายหลัง

1. NIGAO Bleaching Cream Maxx Light

1 NIGAO Bleaching Cream Maxx Light

NIGAO Bleaching Cream Maxx Light ฟอกผมให้สว่างถึง 8 ระดับ พร้อมการบำรุงและไม่มีแอมโมเนีย ทำให้ผมดูเงางามสุขภาพดีทุกครั้งที่ใช้

ปริมาณ100 ml
รูปแบบน้ำยาครีม
ระดับความเข้มข้น3%, 6%, 9%, 12%
ประเภทน้ำยาทั่วไป
สารบำรุงเส้นผมMineral Oil

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

NIGAO Bleaching Cream Maxx Light ปริมาณสุทธิ 100 มิลลิลิตร สามารถเพิ่มระดับความสว่างของเส้นผมได้สูงสุดถึง 8 ระดับในการใช้งานเพียงครั้งเดียว โดยไม่ก่อให้เกิดกลิ่นฉุนและไม่แสบจมูก ไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย ทำให้ปลอดภัยต่อผู้ใช้ และลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง มีส่วนผสมของน้ำมันจากธรรมชาติ ที่ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่นและเงางาม ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการกัดสีผม ทำให้เส้นผมดูสุขภาพดีแม้จะผ่านการฟอกสี นอกจากนี้ น้ำยากัดสีผมจาก NIGAO นี้ยังออกแบบมาเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ที่มีความไวต่อกลิ่นหรือมีประสาทสัมผัสไว เนื่องจากไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองหนังศีรษะ

วิธีการใช้แนะนำให้ผสมน้ำยากัดสีผมกับดีเวลลอปเปอร์ ในอัตราส่วน 1:1.5 และป้ายครีมลงบนเส้นผม โดยเว้นระยะห่างจากโคนผมประมาณ 1 นิ้ว เพื่อป้องกันการระคายเคืองของหนังศีรษะ และทิ้งไว้นานประมาณ 40 นาที โดยไม่ควรเกินจากเวลาที่ระบุไว้ จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดและสระผมด้วยแชมพู NIGAO Deluxe Shampoo Color Maintain คำเตือนที่สำคัญในการใช้งานท คือ การทดสอบการแพ้ก่อนใช้ทุกครั้ง 48 ชั่วโมงล่วงหน้า และต้องหยุดใช้ทันทีหากเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองบนหนังศีรษะ ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ควรใช้ในการฟอกสีขนตาหรือขนคิ้ว

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

NIGAO Bleaching Cream Maxx Light เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสีผมให้สว่างถึง 8 ระดับในการใช้งานเพียงครั้งเดียว โดยไม่ก่อให้เกิดกลิ่นฉุนและไม่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย ซึ่งเป็นสารที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของน้ำมันจากธรรมชาติที่ช่วยบำรุงเส้นผม ลดความแห้งเสียและการระคายเคือง ทำให้ผมยังคงดูสุขภาพดี เงางาม แม้จะผ่านการกัดสี นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีความไวต่อกลิ่นหรือผู้ที่มีหนังศีรษะแพ้ง่าย

2. Lolane Pixxel Bleaching Powder

2 Lolane Pixxel Bleaching Powder

ผงกัดสีผม Lolane Pixxel ฟอกผมให้สว่างถึงระดับ 11 พร้อมการบำรุงคอลลาเจน ลดเม็ดสีเหลืองและป้องกันผมแห้งเสียหลังการฟอก

ปริมาณ15 g
รูปแบบน้ำยาผง
ระดับความเข้มข้น3%, 6%, 9%,12%
ประเภทน้ำยาทั่วไป
สารบำรุงเส้นผมไม่มี

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Lolane Pixxel Hair Bleaching Powder ผลิตภัณฑ์ผงกัดสีผมที่มีประสิทธิภาพสูง โดยมี 4 สูตรให้เลือก ได้แก่ Light Level, Normal Lift, Extreme Lift และ Gentle Lift แต่ละสูตรสามารถปรับระดับความสว่างของเส้นผมได้ตั้งแต่ระดับ 7 จนถึงระดับ 11 โดยไม่ต้องฟอกหลายครั้ง ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ผงละเอียด ไม่ฟุ้งกระจาย และยังช่วยลดเม็ดสีเหลืองบนเส้นผมเพื่อให้สีผมสว่างแต่ไม่ติดเหลือง สำหรับการใช้งานนั้น จะต้องผสมกับโลแลนออกซี่มิลค์ โลชั่น ในอัตราส่วน 1:1 หรือ 1:3 ขึ้นอยู่กับสูตรที่เลือก การใช้งานแนะนำให้ป้ายเนื้อครีมลงบนเส้นผมโดยเว้นโคนผม 1-2 ซม. เพื่อป้องกันการระคายเคืองหนังศีรษะ จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดเมื่อได้ระดับความสว่างที่ต้องการ

นอกจากนี้ยังมีสูตรที่ผสมคอลลาเจน ซึ่งช่วยให้ผมไม่แห้งเสียหลังการฟอก และช่วยให้เส้นผมนุ่มลื่นไม่พันกัน เหมาะสำหรับผมแห้งเสียหรือผมที่ไม่เคยผ่านการทำเคมี ผลิตภัณฑ์นี้มีปริมาณสุทธิ 15 กรัมต่อซอง เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในระดับมืออาชีพและบุคคลทั่วไป คำเตือนสำหรับการใช้งานคือ ต้องทดสอบการแพ้ก่อนใช้เสมอ และระมัดระวังไม่ให้ผลิตภัณฑ์สัมผัสกับหนังศีรษะโดยตรง นอกจากนี้ควรใช้ถุงมือที่เหมาะสมขณะใช้งานและหลีกเลี่ยงการใช้งานในบริเวณขนคิ้วหรือขนตา

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Lolane Pixxel Hair Bleaching Powder เป็นผงกัดสีผมที่มีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสีผมให้สว่างถึงระดับ 11 โดยไม่ต้องฟอกหลายครั้ง มีสูตรให้เลือกหลายระดับตามสภาพเส้นผม ตั้งแต่สูตรอ่อนโยนสำหรับผมที่บอบบางจนถึงสูตรที่เหมาะสำหรับผมที่แข็งแรงและผ่านการทำเคมี นอกจากนี้ยังมีสูตรผสมคอลลาเจนที่ช่วยลดความแห้งเสียและช่วยให้เส้นผมยังคงนุ่มลื่นหลังการฟอก อีกทั้งยังมีคุณสมบัติที่ช่วยลดเม็ดสีเหลือง ทำให้สีผมดูสว่างโดยไม่ติดเหลือง ผงกัดสีละเอียด ใช้งานง่าย ไม่ฟุ้งกระจาย ทำให้การใช้งานสะดวกและมีประสิทธิภาพ

3. Dcash Professional Master Bleaching Powder Lightener

3 Dcash Professional Master Bleaching Powder Lightener

Dcash Professional Master Bleaching Powder Lightener ฟอกสีผมให้สว่างใน 10 นาที พร้อมปกป้องเส้นผมไม่ให้แห้งเสีย

ปริมาณ15 g
รูปแบบน้ำยาผง
ระดับความเข้มข้น12%
ประเภทน้ำยาทั่วไป
สารบำรุงเส้นผมไม่มี

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Dcash Professional Master Bleaching Powder Lightener ปริมาณสุทธิ 15 กรัม ผงฟอกสีผมที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถยกระดับความสว่างของเส้นผมได้ถึง 7-9 ระดับ โดยใช้เวลาที่รวดเร็วเพียง 10 นาที ผงมีเนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย ช่วยให้เส้นผมดูดซับสีย้อมผมได้ดียิ่งขึ้น โดยมีเฉดสีให้เลือกถึง 4 สี ได้แก่ สีทอง สีเงิน สีขาว และสีแดง ซึ่งสามารถใช้ในการสร้างมิติให้สีผมดูสวยงามมากขึ้น สูตรออกแบบมาเพื่อลดการทำลายโครงสร้างเส้นผมและป้องกันไม่ให้เส้นผมแข็งกระด้างหลังการฟอก ผลลัพธ์ที่ได้คือเส้นผมที่นิ่มไม่แห้งเสีย ช่วยให้การฟอกสีผมเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการทำไฮไลต์และการเปลี่ยนสีผมที่ต้องการความสว่าง วิธีการใช้งานแนะนำให้ผสมผงฟอกกับดีเวลลอปเปอร์ในอัตราส่วนที่เหมาะสม ผสมให้เป็นเนื้อเดียวกันในภาชนะที่ไม่ใช่โลหะ ทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที จากนั้นจึงทำการฟอกสีผม และล้างออกด้วยแชมพู พร้อมหมักด้วยทรีทเม้นท์เพื่อช่วยล้างสารเคมีตกค้างในเส้นผม เหมาะสำหรับการใช้งานเพื่อการฟอกสีผมระดับมืออาชีพ

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Dcash Professional Master Bleaching Powder Lightener สามารถปรับความสว่างของสีผมโดยไม่ทำลายเส้นผม ผลิตภัณฑ์นี้สามารถยกระดับความสว่างของเส้นผมได้ถึง 7-9 ระดับในระยะเวลาอันสั้น ด้วยสูตรพิเศษที่ช่วยลดความเสียหายของเส้นผม ทำให้เส้นผมไม่แห้งกระด้างหลังการฟอก อีกทั้งผงฟอกสีมีเนื้อละเอียด เกลี่ยง่าย และมีเฉดสีให้เลือกถึง 4 สี สามารถปรับสีผมตามความต้องการได้อย่างหลากหลาย นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ยังช่วยให้เส้นผมสามารถดูดซับสีย้อมผมได้ดียิ่งขึ้นหลังการฟอกสี

4. CRUSET Hair Bleaching Cream

4 CRUSET Hair Bleaching Cream

CRUSET Hair Bleaching Cream ฟอกผมให้สว่างพร้อมบำรุงเส้นผมด้วยน้ำมันมะกอกและวิตามินอี ให้ผมเงางามและสุขภาพดีแม้หลังการฟอก

ปริมาณ15 g
รูปแบบน้ำยาผง
ระดับความเข้มข้น12%
ประเภทน้ำยาทั่วไป
สารบำรุงเส้นผมน้ำมันมะกอก Vitamin E

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

CRUSET Hair Bleaching Cream ครีมฟอกสีผมที่ช่วยเพิ่มความสว่างให้เส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมบำรุงผมในตัว ด้วยส่วนผสมของน้ำมันมะกอกและวิตามินอี ซึ่งช่วยให้เส้นผมยังคงเงางาม สุขภาพดี แม้จะผ่านการฟอกสี การใช้งานผลิตภัณฑ์นี้สามารถช่วยให้ผมสว่างขึ้นได้ 3-4 ระดับจากสีผมเดิม เหมาะสำหรับการปรับสีผมก่อนย้อมหรือทำไฮไลท์ มีให้เลือก 2 เฉดสี ได้แก่ สีขาว (เบอร์ A000) และสีทอง (เบอร์ A900) ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกตามความต้องการของสีผมที่ต้องการ ผลิตภัณฑ์แบรนด์นี้ มีความเข้มข้นของดีเวลลอปเปอร์ครีม 12% ซึ่งเป็นระดับที่ช่วยให้สีผมอ่อนลงอย่างเป็นธรรมชาติ โดยการใช้งานจำเป็นต้องผสมครีมฟอกสีผม 1 ซอง (15 กรัม) กับดีเวลลอปเปอร์ครีม 1 ขวด (35 มิลลิลิตร) คนให้เข้ากันแล้วทาลงบนเส้นผม ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพเส้นผมของผู้ใช้ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด คำเตือนในการใช้งานคือต้องสวมถุงมือขณะใช้และควรทดสอบการระคายเคืองก่อนใช้งาน เนื่องจากน้ำยามีความเข้มข้นสูง จึงควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำบนผลิตภัณฑ์อย่างเคร่งครัด

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

CRUSET Hair Bleaching Cream เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟอกสีผมโดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสียหายของเส้นผม เนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันมะกอกและวิตามินอี ซึ่งช่วยบำรุงเส้นผมให้ยังคงเงางามและมีสุขภาพดีแม้หลังจากผ่านกระบวนการกัดสี อีกทั้งยังสามารถเพิ่มระดับความสว่างของเส้นผมได้ถึง 3-4 ระดับ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสีผมหรือทำไฮไลท์ก่อนการย้อม นอกจากนี้ ความเข้มข้นของดีเวลลอปเปอร์ครีม 12% ยังช่วยให้สีผมออกมาสม่ำเสมอและเป็นธรรมชาติ พร้อมทั้งมีให้เลือก 2 เฉดสีคือสีขาวและสีทอง ทำให้สามารถเลือกได้ตามความต้องการ

5. Berina Hair Bleaching Powder

5 Berina Hair Bleaching Powder

Berina Hair Bleaching Powder ฟอกสีผมสว่าง พร้อมรักษาความเงางามและน้ำหนักของเส้นผม ให้คุณมั่นใจในทุกครั้งที่ใช้งาน

ปริมาณ15 g
รูปแบบน้ำยาผง
ระดับความเข้มข้น12%
ประเภทน้ำยาทั่วไป
สารบำรุงเส้นผมไม่มี

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Berina Hair Bleaching Powder ผงฟอกสีผมที่มีประสิทธิภาพสูง โดยช่วยให้สีผมสว่างขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และเส้นผมยังคงมีประกายเงางาม ดูมีน้ำหนักหลังการฟอก ผลิตภัณฑ์นี้มาพร้อมกับดีเวลลอปเปอร์ที่มีความเข้มข้น 12% ซึ่งสามารถผสมผงฟอกสี 15 กรัม กับดีเวลลอปเปอร์ 60 มิลลิลิตร เพื่อนำไปใช้ทาลงบนเส้นผมได้ทันที การใช้งานต้องทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด จุดเด่นของแบรนด์ คือ การทำให้สีผมติดทนนานและเส้นผมไม่เสียหลังการฟอก ทำให้ผู้ใช้สามารถมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นี้สามารถกัดสีผมออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้เส้นผมแห้งเสีย นอกจากนี้ยังช่วยปกปิดผมขาวได้อย่างเนียนเรียบ และทำให้สีผมสม่ำเสมอทั่วทั้งศีรษะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสีผมให้สว่างขึ้น หรือเตรียมผมสำหรับการย้อมสีเพิ่มเติม

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Berina Hair Bleaching Powder มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความสว่างของเส้นผมอย่างเป็นธรรมชาติและดูมีน้ำหนัก โดยมีจุดเด่นที่สำคัญคือราคาที่จับต้องได้และใช้งานง่าย ด้วยส่วนผสมที่เข้มข้น 12% เมื่อใช้ร่วมกับดีเวลลอปเปอร์ สามารถกัดสีผมได้อย่างรวดเร็วเพียง 20-30 นาที ช่วยปกปิดผมขาวได้ดี และทำให้สีผมที่ฟอกออกมามีความสม่ำเสมอและติดทนนาน นอกจากนี้ ยังช่วยรักษาความเงางามและสุขภาพของเส้นผมหลังการฟอก ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสีผมโดยไม่ทำให้เส้นผมเสียหาย

6. Kota Sandy Soft Blonde Bleaching Powder

6 Kota Sandy Soft Blonde Bleaching Powder

Kota Sandy Soft Blonde Bleaching Powder ฟอกผมสว่างแบบออร์แกนิก พร้อมบำรุงให้ผมนุ่มสลวย สุขภาพดี ไม่แสบหนังศีรษะ

ปริมาณ100 ml
รูปแบบน้ำยาผง
ระดับความเข้มข้น9%
ประเภทน้ำยาออร์แกนิก
สารบำรุงเส้นผมโสม, น้ำมันมะพร้าว, อัญชัน, ว่านหางจระเข้, โชวู, น้ำมันมะกอก, กรดมะนาว, Jojoba Oil, Argan Oil

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Kota Sandy Soft Blonde Bleaching Powder ผลิตภัณฑ์น้ำยากัดสีผมสูตรออร์แกนิก ที่มีส่วนประกอบจากสารบำรุงธรรมชาติหลากหลายชนิด เช่น โสม น้ำมันมะพร้าว ว่านหางจระเข้ อัญชัน น้ำมันมะกอก และ Argan Oil ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยบำรุงเส้นผม ลดการแห้งเสียและปัญหาที่มักเกิดจากการทำเคมี น้ำยากัดสีผมรุ่นนี้มีความเข้มข้น 9% และให้ลุค Soft Blonde ที่ดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีกลิ่นหอม ไม่ฉุน และไม่ทำให้ระคายเคืองหนังศีรษะ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการฟอกสีผมที่ปลอดภัยและไม่ทำร้ายสุขภาพหนังศีรษะ

ผลิตภัณฑ์ต้องใช้ผสมกับน้ำยาดีเวลลอปเปอร์และทิ้งไว้บนเส้นผมประมาณ 20-30 นาที ก่อนล้างออก ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติและสารบำรุงต่างๆ ทำให้เส้นผมยังคงสุขภาพดี มีน้ำหนัก และดูเงางามแม้หลังการฟอกสี นอกจากนี้ Kota Sandy Soft Blonde Bleaching Powder ยังได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ใช้เนื่องจากไม่มีการระคายเคืองและเหมาะกับการใช้ฟอกสีผมในระดับความสว่างที่ต้องการ

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Kota Sandy Soft Blonde Bleaching Powder เป็นน้ำยากัดสีผมที่ดีเพราะเป็นสูตรออร์แกนิก ซึ่งมีส่วนประกอบจากสารบำรุงธรรมชาติหลากหลาย เช่น โสม น้ำมันมะพร้าว ว่านหางจระเข้ น้ำมันมะกอก และ Argan Oil สารบำรุงเหล่านี้ช่วยลดความเสี่ยงในการทำร้ายเส้นผมขณะฟอก ทำให้ผมไม่แห้งเสียหรือแข็งกระด้าง นอกจากนี้ น้ำยากัดผมนี้ยังออกแบบมาให้มีกลิ่นหอม ไม่ฉุน และไม่ทำให้ระคายเคืองหนังศีรษะ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสีผมอย่างปลอดภัย อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและเส้นผมยังคงความเงางามหลังการฟอก การผสมผงกัดกับดีเวลลอปเปอร์ 9% ให้ลุค Soft Blonde ที่สว่างนุ่มนวล ทำให้เส้นผมดูสุขภาพดีและดูมีน้ำหนัก

7. Star List Quik Blond

7 Star List Quik Blond

STAR LIST Quik Blond ฟอกสีผมให้สว่างทันใจ กลิ่นไม่ฉุน พร้อมปรับสีได้มากถึง 8 ระดับ ในกล่องแถมถุงมือสำหรับใช้งาน โดยไม่ต้องหาซื้อเพิ่มเติม

ปริมาณ50 g
รูปแบบน้ำยาผง
ระดับความเข้มข้น6%, 9%, 12%
ประเภทน้ำยาทั่วไป
สารบำรุงเส้นผมไม่มี

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

STAR LIST Quik Blond ผลิตภัณฑ์มีจุดเด่นในการยกระดับความสว่างของเส้นผมได้อย่างรวดเร็ว สามารถเพิ่มระดับความสว่างได้สูงสุดถึง 8 ระดับ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับสีผมหรือทำไฮไลท์ โดยมีให้เลือกหลายความเข้มข้น ได้แก่ 6%, 9%, และ 12% ทำให้สามารถเลือกใช้ตามสภาพเส้นผมของแต่ละคน นอกจากนี้ ผงฟอกนี้ยังมีกลิ่นที่ไม่ฉุนและไม่แสบจมูก ซึ่งทำให้สะดวกต่อการใช้งานในทุกสถานการณ์ ผลิตภัณฑ์นี้ยังช่วยให้การย้อมผมหลังการกัดสีติดได้ดียิ่งขึ้น ทำให้สีผมมีความสม่ำเสมอและชัดเจน อีกทั้งแถมถุงมือสำหรับใช้งาน ทำให้สะดวกต่อผู้ใช้มากขึ้น และไม่ต้องหาซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม วิธีการใช้งานเริ่มจากการสระผมโดยไม่เกาหนังศีรษะ จากนั้นผสมผงฟอกกับดีเวลลอปเปอร์ แล้วทาลงบนเส้นผม ทิ้งไว้ 30-40 นาที ก่อนล้างออกด้วยน้ำสะอาด นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์นี้ยังมีขนาดหลากหลาย ตั้งแต่ 20 กรัมไปจนถึง 420 กรัม ทำให้สามารถเลือกใช้ตามปริมาณเส้นผมและความต้องการ

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

STAR LIST Quik Blond เป็นผลิตภัณฑ์ฟอกสีผมที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยให้ผมสว่างขึ้นได้ถึง 8 ระดับภายในเวลาอันสั้น ทำให้เหมาะสำหรับการเปลี่ยนสีผมหรือการทำไฮไลท์ นอกจากนี้ยังมีระดับความเข้มข้นให้เลือก 3 ระดับ อีกทั้งผงฟอกนี้ยังมีกลิ่นไม่ฉุนและไม่ทำให้ระคายเคือง ทำให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวก กล่องผลิตภัณฑ์ยังมีอุปกรณ์อย่างถุงมือมาให้ครบ ทำให้ไม่ต้องหาอุปกรณ์เพิ่มเติม

8. Yougee Blondie Hair Lightener

8 Yougee Blondie Hair Lightener

Yougee Blondie Hair Lightener ฟอกสีผมได้อย่างอ่อนโยนด้วยส่วนผสมออร์แกนิก พร้อมบำรุงให้ผมยังคงชุ่มชื้นและสุขภาพดี

ปริมาณ15 g
รูปแบบน้ำยาผง
ระดับความเข้มข้น9%, 12%
ประเภทน้ำยาออร์แกนิก
สารบำรุงเส้นผมMoisturizer

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Yougee Blondie Hair Lightener ผงฟอกสีผมสูตรออร์แกนิกที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและเทคโนโลยี PhytOlL ช่วยบำรุงและรักษาความชุ่มชื้นของเส้นผมในระหว่างการฟอก สูตรนี้มีกลิ่นไม่ฉุน ไม่ทำให้แสบหนังศีรษะ และไม่ฟุ้งกระจาย ทำให้ปลอดภัยและสะดวกต่อการใช้งาน นอกจากนี้ยังมี Moisturizer ที่ช่วยให้เส้นผมยังคงชุ่มชื้นและไม่ทำลายโครงสร้างของเส้นผมหลังการฟอก ผลิตภัณฑ์นี้สามารถทิ้งไว้ได้นานสูงสุด 30-45 นาทีโดยไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคือง ผลิตภัณฑ์มีความเข้มข้น 2 ระดับคือ 9% และ 12% ซึ่งสามารถเลือกใช้ตามสภาพของเส้นผม ในชุดประกอบด้วยผงฟอก 15 กรัมและดีเวลลอปเปอร์ขนาด 50 มิลลิลิตร ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ว่าจะเป็นผมสั้น ผมบ็อบ หรือผมยาว วิธีการใช้งานง่าย เพียงผสมผงฟอกกับดีเวลลอปเปอร์ในอัตราส่วน 1:1 แล้วทาลงบนเส้นผม ทิ้งไว้ตามเวลาที่ต้องการ จากนั้นล้างออกและสระด้วยแชมพู

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Yougee Blondie Hair Lightener ปลอดภัยและรักษาความชุ่มชื้นของเส้นผมไปพร้อมกัน ด้วยส่วนผสมออร์แกนิกและเทคโนโลยี PhytOlL ที่ช่วยบำรุงเส้นผม ลดความแห้งเสีย และป้องกันไม่ให้โครงสร้างเส้นผมถูกทำลาย ผลิตภัณฑ์นี้มาพร้อมกับ Moisturizer ทำให้เส้นผมไม่แห้งกระด้างหลังการฟอก เหมาะสำหรับสภาพเส้นผมที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังใช้งานง่ายและปลอดภัย เพราะไม่มีกลิ่นฉุน ไม่แสบหนังศีรษะ และผงไม่ฟุ้งกระจาย

9. Babi Persistently Moist And Smooth

9 Babi Persistently Moist And Smooth

Babi Persistently Moist And Smooth ครีมกัดสีผมสูตรน้ำนม บำรุงผมให้นุ่มลื่น ด้วยโปรตีนและเคราติน พร้อมให้สีผมสว่างได้ถึง 4 ระดับ

ปริมาณ1000 ml
รูปแบบน้ำยาครีม
ระดับความเข้มข้น3%, 6%, 9%, 12%
ประเภทน้ำยาทั่วไป
สารบำรุงเส้นผมโปรตีน, เคราติน

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Babi Persistently Moist And Smooth ครีมสำหรับผสมกับผลิตภัณฑ์กัดสีผมและครีมเปลี่ยนสีผมที่ออกแบบมาในสูตรน้ำนม มีคุณสมบัติเด่นที่ช่วยให้ผมคงความชุ่มชื้นและไม่แห้งเสียหลังการทำเคมี มีส่วนผสมของโปรตีนและเคราติน ช่วยป้องกันผมกระด้างและลดปัญหาผมช็อตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์นี้มีความเข้มข้นให้เลือกถึง 4 ระดับ ได้แก่ 3%, 6%, 9% และ 12% ทำให้สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการและสภาพของเส้นผม

การใช้งานสามารถผสมกับผงฟอกสีผมหรือครีมเปลี่ยนสีผมได้ทุกเฉดสี และสามารถเพิ่มความสว่างของสีผมได้สูงสุดถึง 4 ระดับ หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของผลิตภัณฑ์นี้ คือ ปริมาณที่มากถึง 1000 มิลลิลิตรต่อขวด ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานในระยะยาว นอกจากนี้ กลิ่นของผลิตภัณฑ์ยังไม่ฉุนแสบจมูก ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นรบกวน แนะนำให้ผสมในอัตราส่วน 1:1 หรือ 2:1 ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นที่ต้องการ และสามารถใช้กับผลิตภัณฑ์ฟอกสีผมหรือย้อมผมได้ทุกประเภท

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Babi Persistently Moist And Smooth ครีมกัดสีผมสูตรน้ำนมที่มีความพิเศษในการบำรุงเส้นผมระหว่างการฟอกสีหรือเปลี่ยนสีผม ด้วยส่วนผสมของโปรตีนและเคราติน ช่วยปกป้องเส้นผมจากความแห้งเสีย และทำให้ผมนุ่มลื่น ไม่แข็งกระด้างหลังการทำเคมี นอกจากนี้ยังมีให้เลือกถึง 4 ระดับความเข้มข้น จึงสามารถปรับให้เหมาะสมกับสภาพผมและผลลัพธ์ที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งปริมาณผลิตภัณฑ์มากถึง 1000 มิลลิลิตร ทำให้ใช้งานได้ในระยะยาว และประหยัดค่าใช้จ่าย

10. Carebeau Enjoy Milkyoxy Cream

10 Carebeau Enjoy Milkyoxy Cream

Carebeau Enjoy Milkyoxy Cream บำรุงเส้นผมให้นุ่มลื่นด้วยน้ำนม พร้อมย้อมหรือฟอกสีได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ทำให้ผมแห้งเสีย

ปริมาณ1000 ml
รูปแบบน้ำยาครีม
ระดับความเข้มข้น3%, 6%, 9%, 12%
ประเภทน้ำยาทั่วไป
สารบำรุงเส้นผมน้ำนม, นมผง

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Carebeau Enjoy Milkyoxy Cream ขนาด 1000 มิลลิลิตร ผลิตภัณฑ์ผสมครีมย้อมผมและผงฟอกสีผม ที่มีส่วนผสมจากน้ำนมและนมผง ช่วยบำรุงให้เส้นผมนุ่ม ชุ่มชื้น และไม่แห้งเสียหลังการทำเคมี มีความเข้มข้นให้เลือก 4 ระดับ ได้แก่ 3%, 6%, 9% และ 12% ทำให้เหมาะกับการใช้งานทั้งการปกปิดผมขาว การเปลี่ยนสีผมในโทนเข้ม ไปจนถึงการฟอกสีผมให้สว่างขั้นสุด ผลิตภัณฑ์มีเนื้อครีมสูตรน้ำนมที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่ฉุนและไม่ทำให้แสบจมูก ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย บรรจุใหญ๋สะใจ เพียงพอต่อการใช้งานในระยะยาว เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งในระดับมืออาชีพและบุคคลทั่วไป การใช้งานง่าย เพียงผสมกับครีมย้อมผมหรือผงฟอกสีผมตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับผลลัพธ์ที่ต้องการ

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Carebeau Enjoy Milkyoxy Cream ดีสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงเส้นผมขณะทำเคมี ด้วยส่วนผสมจากน้ำนมและนมผงที่ช่วยให้เส้นผมคงความชุ่มชื้นและนุ่มลื่น นอกจากนี้ยังมีให้เลือกหลายระดับความเข้มข้น ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปกปิดผมขาว การเปลี่ยนสีผมในโทนเข้ม หรือการฟอกสีผมให้สว่างขั้นสุด ผลิตภัณฑ์นี้มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไม่ฉุน ทำให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกสบาย

เลือกน้ำยากัดสีผมอย่างไรให้เหมาะสมกับสภาพเส้นผม

466-เลือกน้ำยากัดสีผม-01
  • สภาพเส้นผมต่างๆ มีผลต่อการเลือกน้ำยากัดสีผม

    • สภาพเส้นผมแต่ละคนมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการกัดสีผม เช่น คนที่มีผมหนาและแข็งแรงจะสามารถทนต่อการกัดสีได้ดีกว่าคนที่มีผมบางหรือผมที่เคยผ่านการย้อมมาก่อน
    • ผมที่ผ่านการย้อมหรือทำเคมีมาแล้ว เช่น การดัดหรือการยืด อาจมีความเสี่ยงต่อการถูกทำลายมากกว่าผมธรรมชาติ การเลือกน้ำยากัดสีที่มีส่วนผสมบำรุงจึงเป็นสิ่งสำคัญ
    • สำหรับผมหนา ควรใช้น้ำยากัดสีที่มีความเข้มข้นสูงกว่า เพื่อให้สีผมสว่างได้เร็วและทั่วถึง แต่หากเป็นผมบาง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นต่ำกว่าและอ่อนโยนต่อเส้นผม

    ปัจจัยที่ควรพิจารณา

    • ระดับความเข้มข้น (Hydrogen Peroxide): ปริมาณความเข้มข้นที่แตกต่างกันของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ส่งผลต่อความแรงและประสิทธิภาพในการกัดสี เช่น
      • 3%: สำหรับผู้ที่ต้องการความสว่างเล็กน้อย เหมาะสำหรับผมบางและผมที่ต้องการกัดสีเล็กน้อย
      • 6%: สำหรับการปรับความสว่างของสีผม 1-2 ระดับ เหมาะสำหรับการย้อมสีเข้ม หรือทำให้สีผมเป็นโทนอ่อนที่ไม่ต้องการความสว่างมาก
      • 9%: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสว่างสูงถึง 2-3 ระดับ และเป็นระดับที่นิยมใช้ในการฟอกผมสีแฟชั่น
      • 12%: ใช้สำหรับผมที่หนาและแข็งแรง ที่ต้องการความสว่างขั้นสูงสุดถึง 3-4 ระดับ แต่ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังเพราะมีความเข้มข้นสูง อาจทำให้ผมเสียได้ง่าย
    • ส่วนผสมที่ช่วยบำรุงเส้นผม: เลือกน้ำยากัดสีที่มีส่วนผสมบำรุง เช่น เคราติน น้ำมันธรรมชาติ หรือสารสกัดจากพืชที่ช่วยลดการทำลายเส้นผม
      • น้ำมันมะกอกและน้ำมันอาร์แกนช่วยป้องกันผมแห้งและแตกปลาย
      • เคราตินช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผมและปกป้องผมจากการเสียหาย
      • ส่วนผสมออร์แกนิกหรือธรรมชาติ ช่วยลดความเสี่ยงในการระคายเคืองหนังศีรษะ
    • ทำเทสต์ปอยผมก่อนการกัดสี : การทำเทสต์ปอยผมเป็นขั้นตอนที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้คุณทราบว่าผมของคุณตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์อย่างไร
      • ขั้นตอนการทำเทสต์ปอยผม: ตัดปอยผมเล็ก ๆ จากส่วนที่มองไม่เห็น เช่น ด้านหลังหรือท้ายทอย จากนั้นทาผลิตภัณฑ์ที่ต้องการใช้ลงบนปอยผมและทิ้งไว้ตามเวลาที่ระบุไว้ในผลิตภัณฑ์
      • สังเกตผลลัพธ์: หากสีผมเปลี่ยนไปตามต้องการและไม่มีอาการแสบหรือระคายเคือง คุณสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้กับเส้นผมทั้งหมด แต่หากเกิดปัญหาผมแตกหรือสีไม่ออกตามต้องการ อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนผลิตภัณฑ์หรือปรับเวลาในการทิ้งน้ำยา

วิธีบำรุงเส้นผมหลังการกัดสีผมเพื่อป้องกันผมเสีย

466-วิธีบำรุงเส้นผมหลังการกัดสีผม-02

ใช้มาสก์บำรุงผมที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ

การใช้มาสก์บำรุงเส้นผมเป็นสิ่งจำเป็นหลังจากการกัดสี เนื่องจากผมต้องเผชิญกับสารเคมีที่อาจทำให้แห้งและเสีย มาสก์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะพร้าว และเคราติน จะช่วยฟื้นฟูและเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม:

  • อะโวคาโด: มีกรดไขมันและวิตามินที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมสร้างความแข็งแรงของเส้นผม ทำให้ผมนุ่มและเงางาม
  • น้ำมันมะพร้าว: ช่วยป้องกันผมแตกปลายและบำรุงให้ผมมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยการซึมซาบเข้าสู่เส้นผมอย่างล้ำลึก
  • เคราติน: โปรตีนที่ช่วยซ่อมแซมโครงสร้างเส้นผมที่ถูกทำลายจากสารเคมี ทำให้ผมกลับมามีความแข็งแรงและเงางามอีกครั้ง

ตัดแต่งปลายผมและใช้ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟู

การตัดแต่งปลายผมเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันการแตกปลายและขจัดปลายผมที่เสียออกไป ควรตัดแต่งปลายผมทุก 6-8 สัปดาห์เพื่อลดการสะสมของปลายผมที่เสีย นอกจากนี้ควรใช้ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูเส้นผม เช่น เซรั่มหรือน้ำมันบำรุงผมที่มีส่วนผสมของวิตามินอีหรือเคราติน ที่จะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและปกป้องเส้นผมจากมลภาวะและการถูกทำลาย

เคล็ดลับเพิ่มเติมเพื่อการบำรุงขั้นสุด

หลังจากการใช้สารเคมีกัดสีผม การดูแลเส้นผมเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เนื่องจากสารเคมีอาจทำให้เส้นผมแห้งและเสียได้ ควรเริ่มจากการล้างสารเคมีออกให้หมดจดและตามด้วยการบำรุงด้วย 10 แบรนด์ครีมหมักผมคุณภาพ ที่มีส่วนผสมบำรุงลึก เช่น เคราติน, โจโจ้บาออยล์, หรือโปรตีนจากพืช เพื่อฟื้นฟูเส้นผมให้กลับมาชุ่มชื้นและแข็งแรง โดยการใช้ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้เส้นผมได้รับการบำรุงอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ การดูแลผิวหนังรอบๆ บริเวณที่โดนน้ำยากัดสีผมก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากสารเคมีอาจทำให้ผิวหนังแห้งหรือระคายเคืองได้ การใช้ 10 ยี่ห้อมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดีที่สุด ที่มีส่วนผสมของสารบำรุงเช่น ไฮยาลูรอนิคแอซิด เซราไมด์ หรือเชียบัตเตอร์ สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและบรรเทาอาการระคายเคืองได้

เตรียมผมให้พร้อมก่อนกัดสีเพื่อป้องกันผมแห้งเสีย

466-เตรียมผมให้พร้อมก่อนกัดสี-03

ทำไมจึงควรไม่สระผมก่อนกัดสี

หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญในการเตรียมผมก่อนการกัดสี คือ การหลีกเลี่ยงการสระผมล่วงหน้าประมาณ 1-2 วัน เนื่องจากความมันตามธรรมชาติของหนังศีรษะจะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเส้นผมจากการถูกทำลาย ความมันเหล่านี้ช่วยป้องกันไม่ให้สารเคมีในน้ำยากัดสีทำร้ายหนังศีรษะและเส้นผมมากเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการระคายเคืองและการแสบหนังศีรษะที่อาจเกิดขึ้นขณะกัดสี การสระผมก่อนกัดสีจะทำให้ผมแห้งและเสียความชุ่มชื้นง่ายขึ้น

ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงล่วงหน้าก่อนการกัดสี

การบำรุงเส้นผมล่วงหน้าก่อนกัดสีเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยป้องกันความเสียหายจากสารเคมี ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม เช่น คอนดิชันเนอร์หรือน้ำมันบำรุงผม เพื่อเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมก่อนการกัดสี:

  • คอนดิชันเนอร์แบบล้ำลึก: ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและเสริมสร้างความแข็งแรงให้เส้นผม ทำให้เส้นผมมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลดการเปราะบางจากการกัดสี
  • น้ำมันบำรุงผม: น้ำมันจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันอาร์แกน หรือน้ำมันโจโจ้บา สามารถช่วยสร้างชั้นป้องกันให้เส้นผม พร้อมปกป้องผมจากการทำลายของสารเคมีในกระบวนการกัดสี

การหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องหนีบหรือไดร์ร้อนก่อนทำสีผม

ความร้อนจากเครื่องหนีบผมหรือไดร์เป่า ผมสามารถทำให้เส้นผมแห้งและสูญเสียความชุ่มชื้น การใช้ความร้อนก่อนการกัดสีจะทำให้ผมมีความเปราะบางและอ่อนแอลง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียหายจากสารเคมี ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผมก่อนกัดสีอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อให้เส้นผมได้พักฟื้นและคงความชุ่มชื้น นอกจากนี้ การบำรุงเส้นผมด้วยมาสก์หรือน้ำมันจะช่วยให้เส้นผมแข็งแรงและพร้อมรับการกัดสี

เราได้ทำการเน้นย้ำอยู่เสมอว่า การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยให้ได้สีผมที่สวยตามต้องการแล้ว ยังช่วยปกป้องและดูแลเส้นผมไม่ให้เสียหายจากสารเคมีอีกด้วย เมื่อเส้นผมได้รับการดูแลทั้งก่อนและหลังการกัดสี ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมบำรุงที่เหมาะสม เช่น เคราตินหรือสารสกัดจากธรรมชาติ ผมของคุณจะยังคงชุ่มชื้นและแข็งแรง พร้อมกับดูสวยสุขภาพดี เมื่อคุณได้เลือกใช้น้ำยากัดสีผมที่มีคุณภาพตามที่แนะนำ และดูแลเส้นผมอย่างสม่ำเสมอ สุขภาพผมที่ดีและสีผมที่สวยงามก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม มั่นใจได้ว่าคุณสามารถมีผมสวยเงางามได้จากการกัดสีผม หากใส่ใจในขั้นตอนและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม!

คำถามที่พบบ่อย

  1. การกัดสีผมจะทำให้เส้นผมแห้งเสียมากแค่ไหน?

    การกัดสีผมทำให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นและอาจทำให้ผมแห้งเสียได้ โดยเฉพาะหากไม่ได้รับการบำรุงที่เหมาะสม การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมบำรุง เช่น เคราติน หรือ น้ำมันธรรมชาติ สามารถช่วยลดความเสียหายได้

  2. ควรหลีกเลี่ยงการสระผมก่อนกัดสีหรือไม่?

    ใช่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงการสระผมอย่างน้อย 1-2 วันก่อนกัดสี เพราะความมันธรรมชาติของหนังศีรษะจะช่วยปกป้องเส้นผมและหนังศีรษะจากการระคายเคืองที่เกิดจากสารเคมีในน้ำยากัดสี

  3. ทำไมเราต้องทำเทสต์ปอยผมก่อนกัดสี?

    เพราะการทำเทสต์ปอยผมช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบว่าสีที่ได้จะออกมาเป็นอย่างไร และเพื่อตรวจสอบว่าเส้นผมของคุณจะทนต่อสารเคมีได้หรือไม่ ป้องกันปัญหาผมเสียหรือสีไม่ตรงตามที่ต้องการ

  4. หลังจากกัดสีแล้ว ควรดูแลเส้นผมอย่างไรเพื่อป้องกันผมเสีย?

    คุณควรบำรุงเส้นผมด้วยมาสก์ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะพร้าว และหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อนจากเครื่องหนีบผมหรือไดร์ร้อนในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการกัดสี

Scroll to Top