แนะนำ 10 น้ำมันปลาที่ดีที่สุด ปี 2025 เลือกอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด

น้ำมันปลา

น้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมยอดฮิตในตอนนี้เลยนะคะ เพราะมีกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าดีกับร่างกายเราแบบสุด ๆ ทั้งช่วยบำรุงสมอง ลดการอักเสบ และทำให้หัวใจแข็งแรงอีกด้วย ในท้องตลาดมีน้ำมันปลาให้เลือกเยอะมาก ๆ เราเลยอยากจะแนะนำ 10 แบรนด์น้ำมันปลาที่ฮอตฮิตที่สุดในตอนนี้ โดยดูจากหลาย ๆ ปัจจัย ทั้งรูปแบบของอาหารเสริม (แคปซูลหรือน้ำมันบริสุทธิ์) ปริมาณน้ำมันปลาในแต่ละเม็ด ปริมาณ EPA ที่ช่วยลดไขมันในเลือด และจำนวนเม็ดในแต่ละกล่องค่า 

ซึ่งการเลือกน้ำมันปลาดี ๆ สักตัวนึง เราควรดูอะไรบ้างนะ? บอกเลยว่าต้องดูทั้งปริมาณโอเมก้า-3 ที่เราต้องการต่อวัน แหล่งที่มาของน้ำมันปลาว่าน่าเชื่อถือไหม และได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยหรือเปล่าค่ะ ในบทความนี้ มีเกร็ดความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำมันปลาที่อาจจะไม่ค่อยมีใครรู้ด้วยนะคะ แล้วรู้ไหมว่า การกินน้ำมันปลาให้ได้ผลดีที่สุด ควรกินพร้อมกับอาหารที่มีไขมันด้วยนะ จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้นเยอะเลยล่ะค่ะ แต่ก็อย่าลืมเลือกให้เหมาะกับตัวเองและไม่กินเกินปริมาณที่แนะนำ เพราะอาจมีผลข้างเคียงได้นะคะ

หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า

  • รูปแบบของอาหารเสริม: น้ำมันปลามีหลายรูปแบบ เช่น แคปซูล ซอฟเจล และน้ำมันแบบของเหลว เราพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์แต่ละแบรนด์มีรูปแบบที่สะดวกต่อการรับประทานหรือไม่ และเหมาะกับผู้บริโภคกลุ่มไหน
  • ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด: ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ดมีผลต่อความเข้มข้นของสารอาหารที่ได้รับในแต่ละวัน แบรนด์ที่มีปริมาณน้ำมันปลาสูงกว่าในแต่ละเม็ดช่วยให้ผู้บริโภคได้รับโอเมก้า-3 เพียงพอโดยไม่ต้องรับประทานหลายเม็ด
  • ปริมาณ EPA และ DHA ต่อเม็ด: โอเมก้า-3 ในรูปของ EPA (Eicosapentaenoic Acid) และ DHA (Docosahexaenoic Acid) เป็นสารสำคัญที่ช่วยลดการอักเสบและบำรุงสมอง เราประเมินว่าผลิตภัณฑ์แต่ละแบรนด์มีปริมาณ EPA และ DHA ในระดับที่เพียงพอและเหมาะสมต่อสุขภาพหรือไม่
  • แหล่งที่มาของวัตถุดิบ: คุณภาพของน้ำมันปลาขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของวัตถุดิบ เราให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่ใช้น้ำมันปลาจากปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน และปลาแมคเคอเรล ซึ่งเป็นแหล่งโอเมก้า-3 ที่ดี และมีความเสี่ยงต่อสารปนเปื้อนต่ำ
  • กระบวนการผลิต: ผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาควรผ่านกระบวนการกลั่นที่ช่วยขจัดสารปนเปื้อน เช่น โลหะหนัก และสารพิษตกค้าง เราพิจารณาว่าแบรนด์มีการใช้เทคโนโลยีการกลั่นระดับสูงหรือไม่ เช่น การกลั่นโมเลกุล (Molecular Distillation) ซึ่งช่วยให้ได้น้ำมันปลาที่บริสุทธิ์และปลอดภัย
  • การดูดซึมของร่างกาย: เราพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์แต่ละแบรนด์มีรูปแบบของโอเมก้า-3 ที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีหรือไม่ เช่น Triglyceride Form (TG Form) หรือ Ethyl Ester Form (EE Form) ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพในการดูดซึมโอเมก้า-3
  • ความปลอดภัยและมาตรฐานรับรอง: น้ำมันปลาที่ดีควรได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น GMP (Good Manufacturing Practice), FDA (องค์การอาหารและยา), IFOS (International Fish Oil Standards) และ GOED (Global Organization for EPA and DHA Omega-3s) เราพิจารณาว่าแต่ละแบรนด์มีมาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่

แนะนำ 10 น้ำมันปลาที่ดีที่สุด ปี 2025 เลือกอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด

1. BLACKMORES Fish Oil 1000

BLACKMORES Fish Oil 1000

Common Ground Naturally Balanced and Reconditioned Conditioner ครีมนวดผมสูตรออร์แกนิก ที่อุดมด้วยสารสกัดน้ำมันอะโวคาโดและวิตามิน B, E ช่วยฟื้นฟูเส้นผมให้นุ่มลื่น เงางาม

รูปแบบอาหารเสริมแบบแคปซูล
ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด1000 mg
ปริมาณ EPA ต่อเม็ด 180 mg
จำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์80 เม็ด

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

แบลคมอร์ส ฟิช ออยล์ 1000 เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มาในรูปแบบแคปซูล โดยแต่ละแคปซูลมีน้ำมันปลาปริมาณ 1000 มิลลิกรัม ซึ่งให้กรดไขมันโอเมก้า-3 รวม 300 มิลลิกรัม แบ่งเป็น EPA 180 มิลลิกรัม และ DHA 120 มิลลิกรัม ผลิตภัณฑ์นี้สกัดจากปลาทะเลและผ่านกระบวนการตรวจสอบปริมาณสารปรอทและตะกั่วเพื่อความปลอดภัย บรรจุภัณฑ์มาในขวดสีชาเพื่อป้องกันแสงและคงคุณภาพของน้ำมันปลา แต่ละขวดบรรจุ 80 แคปซูล ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่าผลิตภัณฑ์นี้มีการเติมวิตามินอีเพื่อช่วยรักษาคุณภาพของน้ำมันปลา โดยแนะนำให้รับประทานวันละ 1 แคปซูลพร้อมอาหาร ทั้งนี้น้ำมันปลาในผลิตภัณฑ์มีอัตราส่วนของ EPA และ DHA ที่ 3:2 ซึ่งเป็นองค์ประกอบของกรดไขมันกลุ่มโอเมก้า-3 ที่พบในปลาทะเล ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายยังระบุว่าผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยและสามารถใช้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้ที่ต้องการกรดไขมันโอเมก้า-3 โดยไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อจำกัดหรือข้อควรระวังในการใช้

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

แบลคมอร์ส ฟิช ออยล์ 1000 เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ให้โอเมก้า-3 ปริมาณ 300 มิลลิกรัมต่อแคปซูล โดยผ่านการตรวจสอบสารปนเปื้อน เช่น ปรอทและตะกั่ว เพื่อความปลอดภัย พร้อมเสริมวิตามินอีเพื่อช่วยรักษาคุณภาพของน้ำมันปลา

2. VISTRA Salmon Fish Oil Plus Vitamin E

VISTRA Salmon Fish Oil Plus Vitamin E

แพนทีน โปร-วี คอลลาเจน รีแพร์ คอนดิชันเนอร์ ครีมนวดบำรุงล้ำลึกด้วย Pro-V และคอลลาเจนแท้ ฟื้นฟูผมแห้งเสียให้กลับมาแข็งแรง นุ่มลื่น และสุขภาพดีภายใน 3 นาที

รูปแบบอาหารเสริมแบบแคปซูล
ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด1000 mg
ปริมาณ EPA ต่อเม็ด 180 mg
จำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์100 เม็ด

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

วิสทร้า แซลมอน ฟิช ออยล์ พลัส วิตามินอี เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบแคปซูล ที่มีปริมาณน้ำมันปลา 1000 มิลลิกรัมต่อเม็ด ซึ่งเป็นน้ำมันปลาที่สกัดจากปลาแซลมอน ให้กรดไขมันโอเมก้า-3 รวม 300 มิลลิกรัม โดยมี EPA 180 มิลลิกรัม และ DHA 120 มิลลิกรัม ผลิตภัณฑ์นี้ยังมีการเติมวิตามินอีอะซิเทต 9.09 มิลลิกรัม ซึ่งให้วิตามินอีในปริมาณ 10 หน่วยสากล แต่มีส่วนผสมของถั่วเหลือง จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้ถั่วเหลือง และไม่มีตราฮาลาลรองรับ บรรจุภัณฑ์มาในขวดพลาสติกที่มีขนาดบรรจุ 7 เม็ด, 45 เม็ด, 75 เม็ด 100 เม็ด ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่าสามารถรับประทานได้วันละ 1 เม็ดพร้อมอาหาร ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายยังระบุว่าสินค้านี้ผ่านการจดทะเบียน อย. ภายใต้เลขที่ 13-1-00449-1-0238 และแนะนำให้เก็บรักษาในที่แห้งและหลีกเลี่ยงความร้อน

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

วิสทร้า แซลมอน ฟิช ออยล์ พลัส วิตามิน อี มีน้ำมันปลาสกัดจากปลาแซลมอน 1000 มิลลิกรัมต่อเม็ด ให้โอเมก้า-3 รวม 300 มิลลิกรัม พร้อมเสริมวิตามินอี ช่วยคงคุณภาพของน้ำมันปลาและสะดวกต่อการรับประทานวันละ 1 เม็ด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโอเมก้า-3 ในปริมาณที่แน่นอน

3. Mega We Care Fish Oil 1000 mg

Mega We Care Fish Oil 1000 mg

ครีมนวดผม เขาค้อทะเลภู ช่วยลดผมขาดหลุดร่วง บำรุงรากผมให้แข็งแรง พร้อมฟื้นฟูเส้นผมให้นุ่มลื่นและสุขภาพดีด้วยพลังจากสมุนไพรธรรมชาติและเทคโนโลยีล้ำสมัย ปราศจากซิลิโคน อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ

รูปแบบอาหารเสริมแบบแคปซูล
ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด1000 mg
ปริมาณ EPA ต่อเม็ด 180 mg
จำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์30 เม็ด

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

เมก้า วี แคร์ ฟิช ออยล์ 1000 มิลลิกรัม เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบแคปซูลซอฟต์เจล โดยมีปริมาณน้ำมันปลา 1000 มิลลิกรัมต่อเม็ด สกัดจากปลาแอนโชวี่ ให้กรดไขมันโอเมก้า-3 รวม 300 มิลลิกรัม โดยมี EPA 180 มิลลิกรัม และ DHA 120 มิลลิกรัม ผลิตภัณฑ์นี้มีการเสริมวิตามินอี 1.4 มิลลิกรัม และบรรจุอยู่ในขวดพลาสติกแบบทึบเพื่อช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพจากแสงแดด ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่าสามารถรับประทานได้วันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ด พร้อมอาหารเช้า กลางวัน และเย็น ทั้งนี้ มีคำเตือนว่าไม่ควรใช้ในเด็กและสตรีมีครรภ์ ผู้ที่แพ้ปลาทะเลหรือแพ้น้ำมันปลาควรหลีกเลี่ยง และควรระมัดระวังในผู้ที่เลือดแข็งตัวช้าหรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟารินหรือแอสไพริน ผลิตภัณฑ์นี้ผ่านมาตรฐาน GMP และได้รับการขึ้นทะเบียน อย. ภายใต้เลขที่ 11-1-32732-1-0130 โดยมีอายุการเก็บรักษาตามที่กำหนดไว้บนบรรจุภัณฑ์

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

เมก้า วี แคร์ ฟิช ออยล์ 1000 มิลลิกรัม เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ให้โอเมก้า-3 รวม 300 มิลลิกรัมต่อเม็ด พร้อมเสริมวิตามินอี และผ่านมาตรฐาน GMP มั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมกรดไขมันโอเมก้า-3 ในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน

4. Dr.PONG Daily Omega-3 Odourless Fish Oil

Dr.PONG Daily Omega-3 Odourless Fish Oil

OLAPLEX No.5 Bond Maintenance™ Conditioner ครีมนวดผมสูตรเข้มข้นที่ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเส้นผมที่แห้งเสียจากเคมีและความร้อน พร้อมคืนความชุ่มชื้น เงางาม และช่วยให้ผมแข็งแรง จัดทรงง่าย โดยไม่ทำให้ลีบแบน

รูปแบบอาหารเสริมแบบแคปซูล
ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด1000 mg
ปริมาณ EPA ต่อเม็ด 180 mg
จำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์75 เม็ด

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Dr.PONG Daily Omega-3 Odourless Fish Oil เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาในรูปแบบแคปซูลเจลนิ่ม ขนาด 1000 มิลลิกรัมต่อเม็ด ประกอบไปด้วยโอเมก้า-3 ปริมาณรวม 350 มิลลิกรัม โดยมี EPA 180 มิลลิกรัม และ DHA 120 มิลลิกรัม น้ำมันปลานี้สกัดจากปลาทะเล 5 สายพันธุ์ ได้แก่ Carangidae, Clupeidae, Engraulidae และ Scombridae และปราศจากกลิ่นคาว นอกจากนี้ยังมีวิตามินอี อะซิเทตที่ให้ปริมาณวิตามินอี 15 หน่วยสากล ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่าสามารถช่วยเสริมสร้างความจำ ลดความดันโลหิต และช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น คำแนะนำการรับประทานคือวันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร ทั้งนี้มีคำเตือนว่าผู้ที่เลือดแข็งตัวช้าหรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟารินหรือแอสไพริน ควรระมัดระวังในการใช้ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนผสมของถั่วเหลืองและไม่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้ปลาทะเลหรือน้ำมันปลา ได้รับการขึ้นทะเบียน อย. ภายใต้เลขที่ 13-1-00449-5-0195 และเลขอนุญาตโฆษณาอาหาร ฆอ.2457/2566

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Dr.PONG Daily Omega-3 Odourless Fish Oil เป็นน้ำมันปลาสูตรไร้กลิ่นคาวที่ให้โอเมก้า-3 รวม 350 มิลลิกรัมต่อเม็ด พร้อมเสริมวิตามินอี 15 หน่วยสากล ช่วยให้รับประทานได้ง่ายและมีขนาดบรรจุ 75 เม็ด ในราคาประหยัดที่ 289 บาท

5. BEWEL Salmon Fish Oil Plus Vitamin E

BEWEL Salmon Fish Oil Plus Vitamin E

Smooth E Anti Hair Loss Hair Thickening Conditioner ครีมนวดผมสูตรอ่อนโยนที่ช่วยลดปัญหาผมร่วง ฟื้นบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วยสารสกัดธรรมชาติ ปราศจาก SLS, Silicone และ Paraben

รูปแบบอาหารเสริมแบบแคปซูล
ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด1000 mg
ปริมาณ EPA ต่อเม็ด 180 mg
จำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์30 เม็ด

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

BEWEL Salmon Fish Oil Plus Vitamin E เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาในรูปแบบซอฟต์เจล ขนาด 1000 มิลลิกรัมต่อแคปซูล ให้กรดไขมันโอเมก้า-3 รวม 350 มิลลิกรัม โดยมี EPA 180 มิลลิกรัม และ DHA 120 มิลลิกรัม สกัดจากปลาแซลมอนที่นำเข้าจากประเทศไอซ์แลนด์ นอกจากนี้ยังมีวิตามินอี 10 หน่วยสากล ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและรักษาคุณสมบัติของน้ำมันปลา ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่าผลิตภัณฑ์นี้บรรจุในขวดแก้วสีทึบเพื่อช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพจากแสงแดด คำแนะนำการรับประทานคือวันละ 1-2 แคปซูล พร้อมอาหารเช้าและเย็น ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการรับรองจาก อย. และมีข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เลือดแข็งตัวช้า ผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน และผู้ที่แพ้ปลาทะเล ไม่แนะนำสำหรับเด็กและสตรีมีครรภ์

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

BEWEL Salmon Fish Oil Plus Vitamin E เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ให้กรดไขมันโอเมก้า-3 รวม 350 มิลลิกรัมต่อแคปซูล พร้อมวิตามินอี 10 หน่วยสากล สกัดจากปลาแซลมอนนำเข้าจากไอซ์แลนด์ และบรรจุในขวดแก้วสีทึบเพื่อคงคุณภาพของน้ำมันปลา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโอเมก้า-3 ในราคาที่เข้าถึงได้

6. Biocap Fish Oil Omega 3 EPA DHA

Biocap Fish Oil Omega 3 EPA DHA

Restore Conditioner ครีมนวดผมสูตรธรรมชาติ 100% ปราศจากซิลิโคน ฟื้นบำรุงผมแห้งเสีย ลดผมร่วง ควบคุมความมัน และช่วยให้เส้นผมแข็งแรง เงางาม อย่างเป็นธรรมชาติ

รูปแบบอาหารเสริมแบบแคปซูล
ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด500 mg
ปริมาณ EPA ต่อเม็ด 90 mg
จำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์30 เม็ด

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Biocap Fish Oil Omega 3 EPA DHA เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาในรูปแบบแคปซูลซอฟต์เจลขนาดเล็ก ขนาด 500 มิลลิกรัมต่อแคปซูล มีกรดไขมันโอเมก้า-3 รวม 150 มิลลิกรัม โดยมี EPA 90 มิลลิกรัม และ DHA 60 มิลลิกรัม ผลิตภัณฑ์นี้มีวิตามินอี 1.8 มิลลิกรัม ซึ่งมีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระและบำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดง ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่ามีขนาดบรรจุ 30 แคปซูล เลขทะเบียน อย. 10-1-03856-5-0234 แนะนำให้รับประทานวันละ 1 แคปซูลหลังมื้ออาหารเช้าหรือเย็น คำเตือนการใช้ระบุว่าไม่แนะนำสำหรับเด็กและสตรีมีครรภ์ รวมถึงผู้ที่แพ้ปลาทะเลและน้ำมันปลา นอกจากนี้ควรระมัดระวังการใช้ในผู้ที่เลือดแข็งตัวช้า หรือผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟารินและแอสไพริน ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่าผลิตภัณฑ์นี้ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Biocap Fish Oil Omega 3 EPA DHA เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มาในรูปแบบแคปซูลซอฟต์เจลขนาดเล็ก รับประทานง่าย ให้โอเมก้า-3 รวม 150 มิลลิกรัม พร้อมเสริมวิตามินอี 1.8 มิลลิกรัม และได้รับการขึ้นทะเบียน อย.

7. ZEAVITA Tuna Head Fish Oil +

ZEAVITA Tuna Head Fish Oil +

L'Oreal Paris EverPure Brass Toning Purple Conditioner ครีมนวดผมสูตรเข้มข้นสำหรับผมทำสีอ่อนหรือฟอกสี ช่วยลดประกายเหลือง รักษาสีผมให้ติดทนนาน พร้อมบำรุงเส้นผมให้ชุ่มชื้นและเงางาม

รูปแบบอาหารเสริมแบบแคปซูล
ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด500 mg
ปริมาณ EPA ต่อเม็ด 25 mg
จำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์60 เม็ด

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

ZEAVITA Tuna Head Fish Oil + เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาสกัดเย็นจากหัวปลาทูน่า 100% ขนาด 500 มิลลิกรัมต่อแคปซูล โดยให้ DHA 125 มิลลิกรัม และ EPA 25 มิลลิกรัมต่อเม็ด ผลิตภัณฑ์นี้มีวิตามินบีรวม 8 ชนิด เช่น วิตามินบี 2, บี 6 และบี 12 รวมถึงวิตามินอี ที่มีส่วนช่วยเสริมการทำงานของระบบประสาท สมอง และการมองเห็น มีส่วนผสมของบิลเบอร์รี สารสกัดจากขมิ้นชัน และสารสกัดจากดอกดาวเรือง ซึ่งมีลูทีนและซีแซนทีนตามธรรมชาติ ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่าผลิตภัณฑ์นี้ผ่านการทดสอบจากประเทศญี่ปุ่นว่าปราศจากสารโลหะหนัก ปรอท แคดเมียม ตะกั่ว และสารหนู น้ำมันปลานำเข้าจากประเทศเยอรมนี ผ่านกระบวนการสกัดเย็นโดยไม่ใช้สารเคมี มีมาตรฐานการรับรองจาก GHPs, HACCP, ISO 9001 และ ISO 14001 เลขที่จดแจ้ง อย. 11-1-13164-5-0015 และได้รับการรับรองฮาลาล เลขที่จดแจ้ง 10 R802 001 09 66 ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่ามีขนาดบรรจุ 60 แคปซูล และแนะนำให้รับประทานวันละ 1 แคปซูล

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

ZEAVITA Tuna Head Fish Oil + เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาสกัดเย็นจากหัวปลาทูน่า 100% ที่ให้ DHA สูงถึง 125 มิลลิกรัมต่อแคปซูล พร้อมวิตามินบีรวม วิตามินอี และสารสกัดจากพืชที่ช่วยบำรุงสมองและสายตา อีกทั้งผ่านการทดสอบโลหะหนักจากประเทศญี่ปุ่นและได้รับมาตรฐานสากล ทำให้เป็นตัวเลือกที่มั่นใจได้ในด้านคุณภาพและความปลอดภัย

8. Swisse Odourless Wild Fish Oil

Swisse Odourless Wild Fish Oil

เทรซาเม่ เคราติน สมูท คอนดิชันเนอร์ ครีมนวดผมสูตรเข้มข้นที่ผสานเคราตินเพื่อฟื้นบำรุงเส้นผมอย่างล้ำลึก ลดผมชี้ฟู ให้ผมนุ่มลื่น เงางาม และจัดทรงง่ายเหมือนดูแลจากซาลอนทุกวัน

รูปแบบอาหารเสริมแบบแคปซูล
ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด1000 mg
ปริมาณ EPA ต่อเม็ด 180 mg
จำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์200 เม็ด

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

Swisse Odourless Wild Fish Oil เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาในรูปแบบแคปซูลซอฟต์เจล ขนาด 1,000 มิลลิกรัมต่อเม็ด ผลิตภัณฑ์นี้เป็นสูตร Odourless ที่ไม่มีกลิ่นคาว และสกัดจากปลาทะเลธรรมชาติแบบยั่งยืน มีส่วนประกอบของกรดไขมันโอเมก้า-3 โดยให้ EPA 180 มิลลิกรัม และ DHA 120 มิลลิกรัมต่อเม็ด ผ่านการทดสอบว่าปราศจากโลหะหนัก ตะกั่ว และปรอท ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่าแนะนำให้รับประทานวันละ 1-3 แคปซูล หลังอาหาร พร้อมดื่มน้ำตามมากๆ คำแนะนำการใช้ระบุว่าเด็ก สตรีมีครรภ์ และผู้ที่เป็นโรคนิ่วไม่ควรรับประทาน ผู้ที่เลือดแข็งตัวช้าหรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดควรระมัดระวังในการใช้ผลิตภัณฑ์นี้ ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่า Swisse Odourless Wild Fish Oil มีส่วนประกอบของน้ำมันปลา ถั่วเหลือง และซัลไฟต์ จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้ปลาทะเล วิธีเก็บรักษาแนะนำให้เก็บในอุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส หลีกเลี่ยงแสงแดดและความชื้น และไม่ควรบริโภคหากฝาขวดชำรุด ผลิตภัณฑ์นี้ไม่มีการทดลองกับสัตว์ และบริษัท Swisse ได้รับการรับรองว่าเป็นองค์กรคาร์บอนเป็นกลาง

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

Swisse Odourless Wild Fish Oil เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาที่สกัดจากปลาทะเลธรรมชาติแบบยั่งยืน ไม่มีส่วนผสมของโลหะหนัก ตะกั่ว และปรอท อีกทั้งเป็นสูตรไร้กลิ่นคาว ทำให้รับประทานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการโอเมก้า-3 จากแหล่งที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสูง

9. GIFFARINE น้ำมันปลา

GIFFARINE น้ำมันปลา

ซึบากิ พรีเมียม วอลลุ่ม แอนด์ รีแพร์ คอนดิชันเนอร์ ช่วยฟื้นบำรุงผมเสีย ลีบแบน ให้กลับมามีวอลลุ่ม เงางาม และแข็งแรง ด้วยเทคโนโลยี ShineLock และสารบำรุงเข้มข้นจาก Camellia Oil, รอยัล เจลลี่ และซอย โปรตีน

รูปแบบอาหารเสริมแบบแคปซูล
ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด500 mg
ปริมาณ EPA ต่อเม็ด 90 mg
จำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์50 เม็ด

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

GIFFARINE น้ำมันปลา เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบแคปซูลซอฟต์เจลนิ่ม ขนาด 500 มิลลิกรัมต่อแคปซูล ให้กรดไขมันโอเมก้า-3 รวม 150 มิลลิกรัม โดยมี EPA 90 มิลลิกรัม และ DHA 60 มิลลิกรัม มีสัดส่วน EPA : DHA อยู่ที่ 3:2 นอกจากนี้ยังมีวิตามินอี 1.53 มิลลิกรัม หรือ 2.29 หน่วยสากล ซึ่งช่วยเสริมคุณสมบัติของน้ำมันปลา ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่าสามารถรับประทานได้วันละ 2 แคปซูล และผลิตภัณฑ์นี้ผ่านมาตรฐาน อย. รวมถึงได้รับการรับรองฮาลาล ขนาดบรรจุ 50 แคปซูลต่อขวด ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายยังระบุว่าไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค และแนะนำให้อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

GIFFARINE น้ำมันปลา เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ให้กรดไขมันโอเมก้า-3 รวม 150 มิลลิกรัมต่อแคปซูล พร้อม EPA และ DHA ในสัดส่วน 3:2 และมีวิตามินอีเสริม อีกทั้งผ่านมาตรฐาน อย. และได้รับการรับรองฮาลาล จึงเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการน้ำมันปลาที่มีมาตรฐานรับรองชัดเจน

10. NBL Odourless Fish Oil

NBL Odourless Fish Oil

mise en scène Perfect Serum Original Conditioner ครีมนวดผมสูตรเข้มข้นที่อุดมด้วยน้ำมันธรรมชาติ 7 ชนิดและไมโครโปรตีน ช่วยฟื้นบำรุงผมแห้งเสีย ลดชี้ฟู

รูปแบบอาหารเสริมแบบแคปซูล
ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด1000 mg
ปริมาณ EPA ต่อเม็ด 180 mg
จำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์30 เม็ด

ข้อดี

ข้อควรพิจารณา

NBL Odourless Fish Oil เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลาในรูปแบบแคปซูลซอฟต์เจลนิ่ม ขนาด 1,000 มิลลิกรัมต่อเม็ด บรรจุ 30 เม็ดต่อขวด ผลิตภัณฑ์นี้เป็นสูตรไร้กลิ่นคาว (Odourless) และสกัดจากปลาทะเลน้ำลึก โดยใช้เนื้อ หัว หนัง และหางของปลา ประกอบไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 รวม 300 มิลลิกรัมต่อเม็ด โดยให้ EPA 180 มิลลิกรัม และ DHA 120 มิลลิกรัม ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่าผลิตภัณฑ์นี้ไม่มีส่วนประกอบของวิตามินอี และมีการแต่งกลิ่นธรรมชาติเป็นกลิ่นวานิลลาผสมมะนาว แนะนำให้รับประทานวันละ 1-2 แคปซูล พร้อมอาหารเช้าและเย็น ข้อมูลจากแหล่งจำหน่ายระบุว่าผลิตภัณฑ์นี้ปราศจากสารปนเปื้อนและโลหะหนัก และมีเลขที่ อย. 10-3-36959-5-0094 วิธีเก็บรักษาแนะนำให้อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค

ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?

NBL Odourless Fish Oil เป็นน้ำมันปลาสูตรไร้กลิ่นคาวที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึก ให้โอเมก้า-3 ปริมาณ 300 มิลลิกรัมต่อเม็ด โดยมี EPA 180 มิลลิกรัม และ DHA 120 มิลลิกรัม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมกรดไขมันโอเมก้า-3 ในราคาที่เข้าถึงได้และปราศจากสารปนเปื้อนและโลหะหนัก

น้ำมันปลา คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย

น้ำมันปลา-คืออะไร-มีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย

น้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นแหล่งสำคัญของกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีคุณสมบัติอันทรงคุณค่าในการบำรุงสุขภาพแบบองค์รวม ผู้ที่กำลังสนใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับแหล่งที่มา องค์ประกอบสำคัญ และประโยชน์ที่จะได้รับอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจ การศึกษาข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียดจะช่วยให้สามารถเลือกผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาที่มีคุณภาพสูงและเหมาะสมกับความต้องการเฉพาะบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

น้ำมันปลา คืออะไร?

น้ำมันปลา คือ สารสกัดที่ได้จากเนื้อเยื่อของปลาทะเลน้ำลึกหลากหลายชนิด โดยเฉพาะปลาที่อาศัยในน้ำเย็น เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน และปลาแมคเคอเรล ซึ่งเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ของกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์หรือผลิตขึ้นเองได้ จึงต้องได้รับจากอาหารหรืออาหารเสริมเท่านั้น องค์ประกอบสำคัญที่พบในน้ำมันปลาประกอบด้วยสารสำคัญสองชนิดหลัก ได้แก่ EPA (Eicosapentaenoic Acid) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการลดการอักเสบ และ DHA (Docosahexaenoic Acid) ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาและการทำงานของสมอง น้ำมันปลามีจำหน่ายในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลากหลายรูปแบบ เช่น แคปซูลน้ำมันปลา ซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุด หรือน้ำมันปลาชนิดน้ำที่สามารถรับประทานได้โดยตรง

ประโยชน์ของน้ำมันปลาต่อร่างกาย

  • ช่วยบำรุงสมอง – DHA ในโอเมก้า-3 มีส่วนช่วยพัฒนาการทำงานของสมอง ส่งเสริมความจำและความสามารถในการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กและผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องเซลล์สมองและอาจชะลอการเสื่อมของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับความชรา
  • ลดการอักเสบในร่างกาย – EPA ช่วยลดการอักเสบที่อาจทำให้เกิดโรคเรื้อรังหลายชนิด โดยยับยั้งการผลิตสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคต่างๆ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคลำไส้อักเสบ และโรคภูมิแพ้
  • บำรุงหัวใจและหลอดเลือด – โอเมก้า-3 ช่วยลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือด ลดระดับความดันโลหิต และปรับสมดุลของคอเลสเตอรอลดีและไม่ดี (HDL และ LDL) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
  • เสริมสุขภาพดวงตา – DHA มีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างของดวงตา ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเกี่ยวกับจอประสาทตา โดยเฉพาะโรคจอประสาทตาเสื่อมตามวัย (Age-related Macular Degeneration) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการสูญเสียการมองเห็นในผู้สูงอายุ
  • ช่วยบำรุงข้อและกระดูก – EPA และ DHA อาจช่วยลดอาการข้ออักเสบและทำให้ข้อต่อทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการปวดและความแข็งของข้อในผู้ป่วยโรคข้อเสื่อม ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อต่อ และอาจมีส่วนช่วยในการชะลอการเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่างๆ

น้ำมันปลาเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ครอบคลุมตั้งแต่การบำรุงสมองและระบบประสาท การดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด การบำรุงข้อต่อและกระดูก ไปจนถึงการเสริมสร้างสุขภาพดวงตาและการมองเห็น ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างสุขภาพด้วยน้ำมันปลาควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณ DHA และ EPA ที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล และควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการเพื่อคำแนะนำที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการรับประทานน้ำมันปลาอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

วิธีเลือกน้ำมันปลาให้เหมาะกับความต้องการของคุณ

วิธีเลือกน้ำมันปลาให้เหมาะกับความต้องการของคุณ

น้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมที่มีคุณค่าต่อสุขภาพ แต่การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น รูปแบบของอาหารเสริม ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด ปริมาณ EPA และจำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์ คนที่กำลังมองหาน้ำมันปลาที่ดีที่สุดควรรู้วิธีเลือกเพื่อให้คุ้มค่ากับราคาและได้ประโยชน์สูงสุด

เลือกจากรูปแบบของอาหารเสริม

  • แคปซูล – สะดวก รับประทานง่าย กลิ่นคาวน้อยกว่าน้ำมันปลาแบบน้ำ
  • ซอฟเจล – เหมาะสำหรับผู้ที่กลืนยาเม็ดได้ง่าย มีการดูดซึมที่ดี
  • น้ำมันปลาแบบน้ำ – เหมาะกับคนที่ไม่ชอบกลืนแคปซูล ปรับปริมาณการรับประทานได้

เลือกจากปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด และปริมาณ EPA

  • ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ดควรเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยทั่วไปผู้ใหญ่ควรได้รับน้ำมันปลาประมาณ 1,000-2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณเหมาะสมในแต่ละเม็ด เพื่อไม่ต้องรับประทานหลายเม็ดต่อวัน
  • ปริมาณ EPA (Eicosapentaenoic Acid) ควรสูงเพียงพอ เพราะมีบทบาทสำคัญในการลดการอักเสบและบำรุงหัวใจ โดยผู้ใหญ่ทั่วไปควรได้รับ EPA อย่างน้อย 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการอักเสบหรือโรคหัวใจอาจต้องการปริมาณที่สูงขึ้น
  • ปริมาณ DHA (Docosahexaenoic Acid) สำคัญต่อสมองและสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้สูงอายุ ควรได้รับ DHA อย่างน้อย 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อช่วยในการพัฒนาและบำรุงระบบประสาทและการมองเห็น

ปัจจัยอื่น ๆ ที่ควรพิจารณา

  • การดูดซึม – น้ำมันปลาที่ผ่านการกลั่นโมเลกุลอาจมีการดูดซึมที่ดีขึ้น ซึ่งช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากกรดไขมันโอเมก้า-3 อย่างเต็มที่ ผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมักจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมได้ดีกว่า
  • คุณภาพของวัตถุดิบ – เลือกผลิตภัณฑ์ที่มาจากปลาทะเลน้ำลึก และมีการรับรองมาตรฐาน เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล หรือปลาทูน่า ซึ่งมีปริมาณโอเมก้า-3 สูง และควรมีการรับรองจากองค์กรที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความบริสุทธิ์และความปลอดภัย
  • สารเติมแต่ง – ควรเลือกน้ำมันปลาที่ไม่มีสารปรุงแต่งหรือสารกันเสีย เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือลดประสิทธิภาพของน้ำมันปลา ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงมักจะไม่มีสารเติมแต่งที่ไม่จำเป็น เช่น สี กลิ่น หรือวัตถุกันเสียที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาว

เปรียบเทียบปัจจัยสำคัญในการเลือกน้ำมันปลา

ปัจจัยรายละเอียดควรเลือกอย่างไร
รูปแบบอาหารเสริมแคปซูล, ซอฟเจล, น้ำมันเลือกตามความสะดวกและความชอบ
ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ดแตกต่างกันในแต่ละผลิตภัณฑ์ควรมีปริมาณที่เพียงพอต่อวัน
ปริมาณ EPA ต่อเม็ดสำคัญต่อหัวใจและลดการอักเสบยิ่งสูงยิ่งดี
จำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์ขึ้นอยู่กับขนาดขวดและราคาเปรียบเทียบเพื่อความคุ้มค่า
การดูดซึมบางผลิตภัณฑ์ผ่านการกลั่นโมเลกุลเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการดูดซึมดี
คุณภาพของวัตถุดิบแหล่งที่มาของปลาทะเลน้ำลึกควรมีมาตรฐานรับรอง


ควรกินน้ำมันปลาเวลาไหนดีที่สุด และสิ่งที่ต้องระวัง

ควรกินน้ำมันปลาเวลาไหนดีที่สุด-และสิ่งที่ต้องระวัง

การกินน้ำมันปลาให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้นมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับช่วงเวลาที่คุณเลือกรับประทาน ผู้ที่กำลังพิจารณาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมันปลามักจะสงสัยว่าควรรับประทานในช่วงเช้าหรือก่อนเข้านอนจึงจะเหมาะสมที่สุด การทำความเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับเวลาที่เหมาะสมในการรับประทานจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และได้รับประโยชน์จากสารอาหารสำคัญในน้ำมันปลาอย่างเต็มที่ตามความต้องการเฉพาะของร่างกายคุณ

การกินน้ำมันปลาในตอนเช้า

  • เหมาะสำหรับบุคคลที่ต้องการเพิ่มพลังงานและประสิทธิภาพให้ร่างกายระหว่างการทำกิจกรรมตลอดทั้งวัน
  • มีประสิทธิภาพในการช่วยลดระดับไขมันไม่ดีในกระแสเลือด และสนับสนุนการทำงานของหัวใจให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
  • มีส่วนช่วยในการบำรุงสมองอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้มีสมาธิจดจ่อกับงานได้ดีขึ้น และเพิ่มความสามารถในการจดจำข้อมูลต่างๆ
  • ควรรับประทานพร้อมกับอาหารเช้าที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมของร่างกายให้ได้ประโยชน์สูงสุด

การกินน้ำมันปลาก่อนนอน

  • เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการลดกระบวนการอักเสบภายในร่างกายระหว่างการพักผ่อนในช่วงกลางคืน
  • สามารถช่วยส่งเสริมคุณภาพการนอนหลับให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มบุคคลที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่สนิท
  • ช่วยบรรเทาและลดอาการปวดตามข้อต่างๆ ในช่วงเช้าหลังตื่นนอน เนื่องจากสารสำคัญอย่าง EPA และ DHA มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ควรรับประทานหลังจากมื้ออาหารเย็นเสร็จสิ้นแล้วประมาณ 30 นาที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหารสำคัญเข้าสู่ร่างกาย

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและควรระวัง

  • ในบางรายอาจก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบายในบริเวณท้อง มีอาการท้องอืด หรือมีแก๊สในกระเพาะอาหารมากกว่าปกติ
  • การรับประทานน้ำมันปลาในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นอาจส่งผลให้กระบวนการแข็งตัวของเลือดเกิดขึ้นช้ากว่าปกติ ซึ่งอาจเป็นอันตรายในบางกรณี
  • ผู้บริโภคบางรายอาจประสบกับอาการคลื่นไส้ หรือมีอาการเรอที่มีกลิ่นคาวปลาติดมาด้วย ในกรณีนี้ควรเลือกผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาที่มีการเคลือบแคปซูลพิเศษเพื่อช่วยลดปัญหาดังกล่าว
  • ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำมันปลาพร้อมกับยาประเภทที่มีผลกระทบต่อการแข็งตัวของเลือด เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์

เสริมสร้างประสิทธิภาพของน้ำมันปลาด้วยวิตามินเสริม

การเสริมน้ำมันปลาด้วยวิตามิน D3 และโคเอนไซม์คิวเท็นสามารถช่วยเพิ่มประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพได้อย่างมาก วิตามิน D3 ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมซึ่งสำคัญต่อกระดูกและฟัน และร่วมมือกับกรดไขมันโอเมก้า-3 ในน้ำมันปลาเพื่อส่งเสริมสุขภาพหัวใจและลดการอักเสบในร่างกาย นอกจากนี้ วิตามิน D3 แบรนด์ยอดนิยมยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายต่อต้านเชื้อโรคได้ดีขึ้น โคเอนไซม์คิวเท็นทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและเสริมสร้างพลังงานให้กับร่างกาย การรับประทานร่วมกับน้ำมันปลา 10 แบรนด์โคเอนไซม์คิวเท็นจะช่วยให้หัวใจทำงานได้มีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ความเหนือกว่าของการรับประทานทั้งสองอาหารเสริมร่วมกันคือช่วยให้ร่างกายได้รับคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน จึงเป็นการเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการบำรุงร่างกายให้แข็งแรงอย่างมีประสิทธิภาพ

การกินน้ำมันปลาสามารถเลือกได้ตามความต้องการของแต่ละคน ถ้าต้องการเสริมสมองและพลังงาน ควรกินตอนเช้า ถ้าต้องการลดการอักเสบและนอนหลับดีขึ้น ควรกินก่อนนอน และควรกินพร้อมอาหารที่มีไขมันเพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้ดีขึ้น

น้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะมีกรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งช่วยบำรุงสมอง หัวใจ ข้อต่อ และสายตา เราได้รวบรวม 10 แบรนด์น้ำมันปลาที่แนะนำ โดยพิจารณาจากปัจจัยสำคัญ เช่น รูปแบบอาหารเสริม (แคปซูล ซอฟเจล หรือน้ำมัน) ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ด ปริมาณ EPA ต่อเม็ด และจำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์ เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตนเอง นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำมันปลาต่อร่างกาย วิธีเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการ และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการรับประทาน พร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นและวิธีหลีกเลี่ยง การเลือกน้ำมันปลาที่มีคุณภาพสูงและปริมาณโอเมก้า-3 ที่เพียงพอจะช่วยให้ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ และเหมาะสมกับสุขภาพของแต่ละบุคคล

คำถามที่พบบ่อย

1. น้ำมันปลามีประโยชน์อย่างไร?

น้ำมันปลาเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ร่างกายต้องได้รับจากอาหารหรืออาหารเสริม มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยบำรุงสมอง ลดการอักเสบ ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ ลดระดับไขมันในเลือด บำรุงสายตา และช่วยเสริมสุขภาพข้อต่อและกระดูก

2. ควรกินน้ำมันปลาเวลาไหนดีที่สุด?

น้ำมันปลาสามารถกินได้ทั้งตอนเช้าและก่อนนอน ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน การกินตอนเช้าเหมาะกับคนที่ต้องการเสริมสมอง ลดไขมันในเลือด และมีพลังงานระหว่างวัน ส่วนการกินก่อนนอนเหมาะกับคนที่ต้องการลดการอักเสบ เสริมคุณภาพการนอน และลดอาการปวดข้อในตอนเช้า ควรกินพร้อมอาหารที่มีไขมันเพื่อให้ร่างกายดูดซึมโอเมก้า-3 ได้ดีขึ้น

3. เลือกน้ำมันปลาอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง?

การเลือกน้ำมันปลาควรพิจารณาจากรูปแบบของอาหารเสริมว่าควรเลือกแบบแคปซูล ซอฟเจล หรือชนิดน้ำ ปริมาณน้ำมันปลาต่อเม็ดต้องเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ปริมาณ EPA และ DHA ควรมีระดับที่เหมาะสมเพื่อช่วยบำรุงสมอง หัวใจ และลดการอักเสบ จำนวนเม็ดต่อบรรจุภัณฑ์ต้องคุ้มค่ากับราคา และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจากแหล่งปลาทะเลน้ำลึกที่ผ่านมาตรฐานรับรอง

4. มีผลข้างเคียงจากการกินน้ำมันปลาหรือไม่?

น้ำมันปลามีความปลอดภัยสำหรับคนทั่วไป แต่บางคนอาจพบผลข้างเคียง เช่น ท้องอืด คลื่นไส้ หรือเรอเป็นกลิ่นปลา หากกินในปริมาณมากอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง ไม่ควรกินพร้อมยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพื่อป้องกันผลข้างเคียง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและไม่กินเกินปริมาณที่แนะนำ

ผู้เขียน

หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์

icon-Grey_1-อิเล็กทรอนิกส์

อิเล็กทรอนิกส์

icon-Grey_2-เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน

เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน

icon-Grey_3-แฟชั่นและเสื้อผ้า

แฟชั่นและเสื้อผ้า

icon-Grey_4-ความงามและสุขอนามัย

ความงามและสุขอนามัย

icon-Grey_5-สุขภาพและเวชภัณฑ์

สุขภาพและเวชภัณฑ์

icon-Grey_6-ของใช้ในบ้านและห้องครัว

ของใช้ในบ้านและห้องครัว

icon-Grey_7-อาหารและเครื่องดื่ม

อาหารและเครื่องดื่ม

icon-Grey_8-กีฬาและกิจกรรมกลางแจ้ง

กีฬาและกิจกรรมกลางแจ้ง

icon-Grey_9-ของเล่นและเกม

ของเล่นและเกม

icon-Grey_10-ยานยนต์

ยานยนต์

icon-Grey_11-ผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก

ผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก

icon-Grey_12-อุปกรณ์สำนักงาน

อุปกรณ์สำนักงาน

icon-Grey_13-อุปกรณ์สัตว์เลี้ยง

อุปกรณ์สัตว์เลี้ยง

icon-Grey_14-เฟอร์นิเจอร์และตกแต่งบ้าน

เฟอร์นิเจอร์และตกแต่งบ้าน

icon-Grey_15-อุปกรณ์ทำสวนและเกษตร

อุปกรณ์ทำสวนและเกษตร

icon-Grey_16-เครื่องดนตรีและการดนตรี

เครื่องดนตรีและการดนตรี

icon-Grey_17-เครื่องมือช่างและวัสดุก่อสร้าง

เครื่องมือช่างและวัสดุก่อสร้าง

icon-Grey_18-ศิลปะและงานฝีมือ

ศิลปะและงานฝีมือ

icon-Grey_19-งานปาร์ตี้และสันทนาการ

งานปาร์ตี้และสันทนาการ

icon-Grey_20-บรรจุภัณฑ์และการจัดเก็บ

บรรจุภัณฑ์และการจัดเก็บ

icon-Grey_21-สื่อและภาพยนต์

สื่อและภาพยนต์

icon-Grey_22-เครื่องจักรและอุตสาหกรรม

เครื่องจักรและอุตสาหกรรม

icon-Grey_7-อาหารและเครื่องดื่ม

อาหารและเครื่องดื่ม

icon-Grey_24-การท่องเที่ยวและอุปกรณ์การเดินทาง

ท่องเที่ยว/อุปกรณ์การเดินทาง

Scroll to Top