จอแอนดรอยติดรถยนต์ กลายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์เสริมที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะสามารถตอบโจทย์ทั้งด้านความสะดวกและความบันเทิงระหว่างการเดินทางได้อย่างลงตัว ด้วยระบบปฏิบัติการ Android ที่หลายคนคุ้นเคย คุณสามารถใช้งานแอปพลิเคชันหลากหลายได้จากหน้าจอเดียว ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานระบบนำทาง GPS ที่แม่นยำ รวมถึงการฟังเพลงที่ช่วยสร้างบรรยากาศดีๆ ระหว่างการเดินทาง หรือแม้แต่การรับชมวิดีโอเพื่อความผ่อนคลาย ทุกอย่างทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส โดยจุดเด่นของจอแอนดรอยติดรถยนต์ไม่ได้อยู่เพียงแค่ฟังก์ชันพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย เช่น Bluetooth, Wi-Fi และ USB ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้อย่างราบรื่นและไม่มีข้อจำกัด การเชื่อมต่อที่เสถียรและรวดเร็วนี้ยังช่วยให้การโทรแบบแฮนด์ฟรีหรือการใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ สะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ฟังก์ชันควบคุมด้วยเสียงยังช่วยเพิ่มความปลอดภัย เพราะช่วยลดการละสายตาจากถนนขณะขับขี่ได้อย่างดี และสำหรับผู้ที่กำลังมองหาจอแอนดรอยติดรถยนต์ การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับความต้องการและลักษณะการใช้งานถือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกขนาดหน้าจอที่พอดีกับพื้นที่คอนโซลรถ ความสามารถในการเชื่อมต่อที่ราบรื่น หรือฟังก์ชันเสริมที่ตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะด้าน ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 10 อันดับ จอแอนดรอยติดรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี คุณภาพดี ฟังก์ชันครบ เพื่อให้คุณได้ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเดินทางที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดอันดับสินค้า
- ขนาดของหน้าจอ : ขนาดของหน้าจอเป็นปัจจัยสำคัญ จอขนาด 7 นิ้วเหมาะกับรถยนต์ขนาดเล็ก ส่วนจอขนาด 9 นิ้วขึ้นไปเหมาะสำหรับรถยนต์ที่ต้องการพื้นที่แสดงผลมากขึ้น การเลือกขนาดที่เหมาะสมช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นข้อมูลได้ชัดเจนและใช้งานได้ง่าย
- ฟังก์ชันการเชื่อมต่อ : การเชื่อมต่อที่หลากหลาย เช่น Bluetooth, Wi-Fi และ USB เป็นสิ่งที่ช่วยให้ใช้งานสะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโทรแบบแฮนด์ฟรี การฟังเพลง หรือการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันต่างๆ ความเสถียรของการเชื่อมต่อถือเป็นหัวใจสำคัญของประสบการณ์การใช้งาน
- ฟังก์ชันขั้นสูง : ฟังก์ชันเสริม เช่น ระบบนำทาง GPS การควบคุมด้วยเสียง และการแบ่งหน้าจอ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความปลอดภัย ฟังก์ชันเหล่านี้ควรใช้งานได้จริงและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
- ความเสถียรและความทนทาน : วัสดุและการออกแบบของจอแอนดรอยมีผลต่อความทนทาน การใช้งานในระยะยาว รวมถึงการรองรับการอัปเดตซอฟต์แวร์และการทำงานในสภาพอากาศต่างๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
- รีวิวจากผู้ใช้งานจริง : การศึกษาความคิดเห็นจากผู้ใช้จริงช่วยให้เห็นภาพรวมของคุณภาพสินค้า จอแอนดรอยที่ได้รับรีวิวเชิงบวกมักแสดงถึงประสบการณ์การใช้งานที่ดี และสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10 อันดับ จอแอนดรอยติดรถยนต์
1.PLATINUM-X
PLATINUM-X เป็นจอแอนดรอยด์ขนาด 7 นิ้วที่มีความละเอียด FULL HD 1080P รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi, บลูทูธ, และการใช้งาน Google Maps พร้อมฟังก์ชัน MirrorLink และการปรับแต่งเสียง DSP
ขนาดหน้าจอ | ขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว ภาพคมชัดระดับ FULL HD 1080P |
การเชื่อมต่อ | รองรับการเชื่อมต่อผ่าน WIFI และมีเมนูภาษาไทย |
ฟังก์ชันอื่นๆ | รองรับการเดินทางผ่าน google Maps |
ข้อดี
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และบลูทูธสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย
- มีระบบ MirrorLink สำหรับทั้ง Android และ iOS
- หน้าจอ IPS ขนาด 7 นิ้ว คมชัดระดับ FULL HD 1080P
ข้อควรพิจารณา
- ไม่มีการระบุข้อมูลเกี่ยวกับการอัปเกรดระบบปฏิบัติการในอนาคต
- หน้าจอขนาดใหญ่แต่ตัวเครื่องมีความสูงเพียง 10.5 เซนติเมตร อาจไม่พอดีกับรถบางรุ่น
PLATINUM-X จอแอนดรอยด์ขนาด 7 นิ้ว ความละเอียดภาพระดับ FULL HD 1080P รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และมีเมนูภาษาไทย เพื่อความสะดวกในการใช้งาน สามารถใช้งาน Google Maps สำหรับการนำทาง รวมถึง GPS ออฟไลน์ได้ รองรับระบบปฏิบัติการ Android 10.0 (ตามที่โรงงานกำหนด) และรองรับการเชื่อมต่อ MirrorLink สำหรับทั้ง Android และ iOS ตัวเครื่องมาพร้อมกับการเชื่อมต่อบลูทูธเพื่อการสนทนาทางโทรศัพท์แบบไร้สายได้ รองรับการปรับแต่งเสียง DSP เต็มรูปแบบ รองรับการควบคุมผ่านพวงมาลัย (สำหรับรถที่ไม่มีระบบ CANBUS) สามารถอ่านไฟล์วิดีโอความคมชัดสูงผ่าน USB มีฟังก์ชั่นบันทึกสถานีวิทยุ FM ได้ 18 สถานีและ AM 6 สถานี รองรับการเชื่อมต่อ External Harddisk สูงสุด 1TB สามารถเปลี่ยนพื้นหลังของหน้าจอได้ ตัวเครื่องมาพร้อมขนาดความกว้าง 18.5 เซนติเมตร และสูง 10.5 เซนติเมตร รองรับการใช้งานผ่าน Play Store สำหรับการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเช่น YouTube และ Joox หน้าจอแบบ IPS คมชัดทุกมุมมอง รองรับการต่อกล้องมองหลังและกล่อง TV Digital หรือ Android Box พร้อมระบบเสียง EQ แบบปรับได้ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB 2 ช่องด้านหลัง ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,890 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
PLATINUM-X เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีหน้าจอขนาด 7 นิ้วความละเอียด FULL HD 1080P รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi, บลูทูธ และ MirrorLink สำหรับทั้ง Android และ iOS อีกทั้งยังมีฟังก์ชันการปรับแต่งเสียง DSP และการใช้งาน GPS ออฟไลน์ ทำให้สะดวกในการใช้งานในรถยนต์หลากหลายฟังก์ชันในราคาที่คุ้มค่าเพียง 3,890 บาท
2. Android รุ่น 7018B
Android รุ่น 7018B เป็นจอแอนดรอยด์ขนาด 7 นิ้วที่รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ, กล้องหลัง, และการเล่นไฟล์เสียงและวิดีโอคุณภาพสูง พร้อมฟังก์ชันปรับแต่งเสียงและการควบคุมผ่านพวงมาลัย
ขนาดหน้าจอ | ขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว ภาพคมชัดระดับ FULL HD 1080P |
การเชื่อมต่อ | รองรับการเชื่อมต่อคอนโทรลพวงมาลัยปรับแต่งเสียงได้ |
ฟังก์ชันอื่นๆ | หน้าจอสัมผัสแบบ capacitive มีความไวในการใช้งาน |
ข้อดี
- รองรับการเล่นไฟล์เสียงและวิดีโอคุณภาพสูงหลายรูปแบบ
- มีฟังก์ชันบลูทูธ V2.0 สำหรับการใช้งานแฮนด์ฟรี
- ปรับแต่งเสียงได้อย่างละเอียดด้วย EQ และรองรับการควบคุมพวงมาลัย
ข้อควรพิจารณา
- หน้าจอสัมผัสแบบ capacitive อาจไม่ตอบสนองดีในสภาพอากาศเย็น
- ไม่รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธเวอร์ชันใหม่กว่า
Android รุ่น 7018B เป็นจอแอนดรอยด์ขนาด 7 นิ้วที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสแบบ capacitive ซึ่งตอบสนองต่อการใช้งานอย่างรวดเร็วและคมชัดระดับ FULL HD 1080P รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ V2.0 สามารถเล่นเพลงและใช้งานแบบแฮนด์ฟรีได้ นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อกับกล้องหลังและการแสดงผลวิดีโอ รองรับการเล่นไฟล์เสียงคุณภาพสูงหลากหลายรูปแบบ เช่น APE, FLAC, WAV และอื่น ๆ รวมถึงการเล่นไฟล์วิดีโอหลากหลายรูปแบบเช่น AVI, MP4, และ RMVB รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB และการ์ด TF ได้สูงสุด 32GB พร้อมด้วยฟังก์ชันการตั้งสถานีวิทยุ FM ได้ 18 สถานี การปรับแต่งเสียงเบส เสียงแหลม สมดุลซ้าย-ขวาและหน้า-หลังได้อย่างละเอียด มีพลังขับสูงสุด 4x60W ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับลำโพงได้ถึง 4 ช่อง รองรับการใช้งานซับวูฟเฟอร์และการเชื่อมต่อคอนโทรลพวงมาลัย ขนาดผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 17.80 x 10.00 x 5.50 เซนติเมตร และมีราคา 2,900 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Android รุ่น 7018B เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด FULL HD 1080P รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ, กล้องหลัง, และการเล่นไฟล์เสียงและวิดีโอคุณภาพสูง อีกทั้งยังมีฟังก์ชันการปรับแต่งเสียงที่ละเอียดและรองรับการควบคุมผ่านพวงมาลัยในราคาที่คุ้มค่าเพียง 2,900 บาท
3.Android SONY XAV-AX5500
Android SONY XAV-AX5500 มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.95 นิ้ว รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay มีพอร์ต USB 2 พอร์ต พร้อมระบบเสียงที่ปรับแต่งได้และรองรับการติดตั้งกล้องมองหลัง
ขนาดหน้าจอ | หน้าจอขนาด 6.95 นิ้ว ความละเอียด 800×480 พิกเซล |
การเชื่อมต่อ | มีพอร์ต USB 2 พอร์ต |
ฟังก์ชันอื่นๆ | สามารถปรับ EQUALIZER ได้สูงถึง 10 แบนด์ |
ข้อดี
- รองรับทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay เพื่อการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนที่สะดวก
- มีพอร์ต USB 2 พอร์ต รองรับการใช้งานพร้อมกันของอุปกรณ์ USB และสมาร์ทโฟน
- ระบบเสียง Dynamic Reality Amp 2 ช่วยให้เสียงคมชัดแม้ในระดับเสียงสูง
ข้อควรพิจารณา
- ความละเอียดหน้าจอ 800x480 พิกเซลอาจไม่คมชัดเท่ารุ่นที่มีความละเอียดสูงกว่า
- ไม่มีการระบุการรองรับการอัปเดตระบบปฏิบัติการในอนาคต
Android SONY XAV-AX5500 มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.95 นิ้ว ความละเอียด 800×480 พิกเซล หน้าจอแบบ TFT Active Matrix และมีสัดส่วนหน้าจอ 17:9 รองรับการใช้งานทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวก มีพอร์ต USB จำนวน 2 พอร์ต รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB และสมาร์ทโฟนได้พร้อมกัน ตัวเครื่องรองรับการปรับแต่ง Equalizer ได้สูงถึง 10 แบนด์ พร้อมกับ Pre-out 5 โวลท์ 3 ชุด สำหรับการเชื่อมต่อกับระบบเสียงภายนอก รองรับการควบคุมผ่านรีโมทคอนโทรล และมีฟังก์ชั่นค้นหาสถานีวิทยุ FM อัตโนมัติ รองรับการบันทึกสถานีวิทยุ FM 18 สถานี และ AM 12 สถานี การควบคุมด้วยเสียงผ่าน Android Auto และ Apple CarPlay ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ หน้าจอสัมผัสแบบไร้ขอบช่วยให้หน้าจอเรียบเนียนไปกับแผงหน้าปัด เพิ่มความสะดวกในการติดตั้ง โดยตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดเมื่อเทียบกับยูนิต Double DIN ทั่วไป ระบบเสียงในตัวมีพลังขับขนาด 4 x 55 วัตต์ มาพร้อม Dynamic Reality Amp 2 ช่วยให้เสียงคมชัดแม้ในระดับเสียงที่สูง สามารถติดตั้งกล้องมองหลังเพื่อความปลอดภัยในการถอยรถได้ ราคา 10,900 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Android SONY XAV-AX5500 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะรองรับทั้ง Android Auto และ Apple CarPlay ทำให้การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนสะดวกและปลอดภัยขณะขับขี่ อีกทั้งยังมีพอร์ต USB 2 พอร์ตและระบบเสียง Dynamic Reality Amp 2 ที่ให้เสียงคมชัดแม้ในระดับเสียงสูง ราคา 10,900 บาท
4.Android Worldtech รุ่น WT-A803
Android Worldtech รุ่น WT-A803 มาพร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth, GPS, WiFi และมีเมนูภาษาไทย ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับระบบเสียงในรถยนต์
ขนาดหน้าจอ | หน้าจอขนาด 7 นิ้ว แรม 2 GB หน้าจอสัมผัส |
การเชื่อมต่อ | รองรับการใช้งาน Bluetooth,GPS,WIFI,FM และ MHL |
ฟังก์ชันอื่นๆ | เมนูภาษาไทย ใช้งานง่าย และมีคู่มือการใช้งาน |
ข้อดี
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth, GPS, WiFi และ FM ครบทุกฟังก์ชัน
- มีเมนูภาษาไทยใช้งานง่ายและมาพร้อมอุปกรณ์เสริมครบครัน
- ราคาเข้าถึงได้เพียง 1,690 บาท พร้อม RAM 2GB และ ROM 32GB
ข้อควรพิจารณา
- ความสว่างหน้าจอที่ 450-500 อาจไม่คมชัดเพียงพอในบางสภาพแสง
- ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการรองรับการอัปเดตระบบปฏิบัติการในอนาคต
Android Worldtech รุ่น WT-A803 มาพร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ระบบสัมผัส capacitive 2.5D รองรับการใช้งานด้วย RAM ขนาด 2GB และ ROM ขนาด 32GB มีการประมวลผลด้วยชิปเซ็ต T3L ตัวจอเป็นแบบ IPS ที่ให้ความสว่าง 450-500 สามารถเชื่อมต่อกับ Bluetooth, GPS, WiFi, FM และ MHL นอกจากนี้ยังมีเมนูภาษาไทยที่ทำให้การใช้งานสะดวกขึ้น มาพร้อมอุปกรณ์เสริมครบครัน เช่น สาย 4pin / 6pin เสาอากาศ และไมโครโฟน รองรับการต่อซับวูฟเฟอร์และช่องวิทยุ รวมถึงแจ็ค RCA จำนวน 9 ช่อง ตัวเครื่องถูกออกแบบให้รองรับการใช้งานกับระบบเสียงรถยนต์อย่างครบวงจรด้วยคุณภาพมาตรฐาน ราคา 1,690 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Android Worldtech รุ่น WT-A803 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมาพร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ระบบสัมผัส capacitive 2.5D และ RAM 2GB รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth, GPS, WiFi และ FM ในราคาเพียง 1,690 บาท อีกทั้งยังมีเมนูภาษาไทยและอุปกรณ์เสริมครบครัน เหมาะสำหรับการใช้งานระบบเสียงในรถยนต์อย่างครบวงจร
5.Android Worldtech รุ่น WT-DDN9AND
Android Worldtech รุ่น WT-DDN9AND มาพร้อมหน้าจอขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth, GPS, WiFi และ FM มี RAM 2GB, ROM 32GB และรองรับการใช้งานภาษาไทย
ขนาดหน้าจอ | หน้าจอขนาด 9 นิ้ว แรม 2 GB รอม 32 |
การเชื่อมต่อ | รองรับภาษาไทย และเชื่อมต่อ Bluetooth WIFI |
ฟังก์ชันอื่นๆ | หน้าจอสัมผัสแบบ capacitve 2.5D และ911 ic |
ข้อดี
- หน้าจอขนาด 9 นิ้ว ระบบสัมผัส capacitive ตอบสนองได้ดี
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth, GPS, WiFi และ FM ครบครัน
- มีอุปกรณ์เสริมครบถ้วนและเมนูภาษาไทย ใช้งานง่าย
ข้อควรพิจารณา
- ความสว่างหน้าจอ 450-500 อาจไม่เหมาะกับการใช้งานในที่แสงจ้า
- การรับประกันเพียง 6 เดือนอาจไม่เพียงพอสำหรับบางคน
Android Worldtech รุ่น WT-DDN9AND มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 9 นิ้ว ระบบสัมผัสแบบ capacitive 2.5D และ 911 ic มี RAM ขนาด 2GB และ ROM ขนาด 32GB ใช้หน่วยประมวลผล T3L ที่ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดี หน้าจอเป็นแบบ IPS ที่มีความสว่าง 450-500 และรองรับการเชื่อมต่อทั้ง Bluetooth, GPS, WiFi, FM และ MHL รองรับภาษาไทยเพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น ตัวเครื่องมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมครบถ้วน เช่น สาย 4pin / 6pin เสาอากาศ สายเพาเวอร์ และช่องต่อซับวูฟเฟอร์ พร้อมกับแจ็ค RCA จำนวน 9 ช่อง ตัวเครื่องติดตั้งง่ายด้วยตัวยึดแบบเหล็กมาตรฐาน รุ่นนี้ไม่สามารถใช้งาน VDO Out ได้ และมาพร้อมการรับประกันสินค้าจากผู้ผลิตในประเทศเป็นเวลา 6 เดือน ราคา 1,990 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Android Worldtech รุ่น WT-DDN9AND เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมาพร้อมหน้าจอขนาด 9 นิ้ว ระบบสัมผัส capacitive 2.5D รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth, GPS, WiFi และ FM ในราคาเพียง 1,990 บาท อีกทั้งยังมีเมนูภาษาไทยและอุปกรณ์เสริมครบถ้วน เหมาะสำหรับการใช้งานในรถยนต์อย่างครบวงจร
6.Android Nakamichi รุ่น NAM1612
Android Nakamichi รุ่น NAM1612 มาพร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด FULL HD 1080P รองรับการเล่นไฟล์เสียงแบบ LOSSLESS และการเชื่อมต่อ Bluetooth, USB และ mirrorLink สำหรับ Android และ iOS
ขนาดหน้าจอ | หน้าจอขนาด 7 นิ้ว มาตราฐานจากประเทศญี่ปุ่น รองรับ FULL HD 1080P |
การเชื่อมต่อ | ช่องเสียบ USB ด้านหน้า 5V/1A และการเชื่อมต่อ Bluetooth |
ฟังก์ชันอื่นๆ | รองรับไฟล์เสียง LOSSLESS สัมผัสทัชสกรีนลื่นไหล |
ข้อดี
- รองรับความคมชัดระดับ FULL HD 1080P ให้ภาพคมชัด
- รองรับการเล่นไฟล์เสียงแบบ LOSSLESS เพื่อคุณภาพเสียงสูงสุด
- มีฟังก์ชัน mirrorLink สำหรับ Android และ iOS ในราคาเข้าถึงได้
ข้อควรพิจารณา
- หน้าจอขนาด 7 นิ้วอาจเล็กเกินไปสำหรับบางคน
- ไม่รองรับการเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงนอกเหนือจาก .mp4 และ .avi(DivX)
Android Nakamichi รุ่น NAM1612 มาพร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับความคมชัดระดับ FULL HD 1080P และการเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 5V/1A ตัวเครื่องรองรับการเล่นไฟล์เสียงแบบ LOSSLESS ซึ่งให้คุณภาพเสียงสูง และมาพร้อมหน้าจอสัมผัสที่ลื่นไหลสะดวกต่อการใช้งาน ระบบนี้ถูกออกแบบมาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น มีฟังก์ชันครบถ้วนสำหรับการเชื่อมต่อและใช้งานในรถยนต์ รองรับการควบคุมพวงมาลัย และการใช้งาน Bluetooth สำหรับการสนทนาแบบไร้สายได้อย่างสะดวก รองรับการเล่นไฟล์วิดีโอผ่าน USB ในรูปแบบ .mp4 และ .avi(DivX) สามารถบันทึกสถานีวิทยุ FM ได้ถึง 18 สถานี และ AM 6 สถานี ทำให้ใช้งานฟังก์ชันการฟังเพลงหรือวิทยุได้ครบถ้วน ระบบนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบ mirrorLink ทั้ง Android และ iOS สำหรับการแสดงผลหน้าจอสมาร์ทโฟนไปยังหน้าจอเครื่อง ราคา 1,519 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Android Nakamichi รุ่น NAM1612 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมาพร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด FULL HD 1080P รองรับการเล่นไฟล์เสียงแบบ LOSSLESS และการเชื่อมต่อ Bluetooth และ USB ได้อย่างครบครัน อีกทั้งยังมีฟังก์ชัน mirrorLink สำหรับการแสดงผลจากสมาร์ทโฟนทั้ง Android และ iOS ในราคาเพียง 1,519 บาท
7.Android SONY รุ่น XAV-AX1500
Android SONY รุ่น XAV-AX1500 มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.2 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านฟังก์ชัน Mirror Link และ WebLink™ Cast พร้อมฟังก์ชัน Extra Bass และ Equalizer 10 แบนด์
ขนาดหน้าจอ | หน้าจอขนาด 6.2 นิ้ว จอทัชสกรีนไม่สะท้อนแสง |
การเชื่อมต่อ | สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Android หรือ iOS |
ฟังก์ชันอื่นๆ | เหมาะสำหรับการใช้งานในรถ ติดตั้งการใช้งานไม่ยาก |
ข้อดี
- รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทั้ง Android และ iOS ผ่านฟังก์ชัน Mirror Link
- มาพร้อมฟังก์ชัน Extra Bass และ Equalizer 10 แบนด์เพื่อคุณภาพเสียงที่ดียิ่งขึ้น
- มีช่องต่อกล้องมองหลังและ Pre Out 3 ชุดสำหรับการเชื่อมต่อระบบเสียงภายนอก
ข้อควรพิจารณา
- หน้าจอขนาด 6.2 นิ้วอาจเล็กเกินไปสำหรับผู้ใช้บางคน
- ความละเอียดหน้าจอไม่ได้ระบุว่ามีคุณภาพสูงมาก
Android SONY รุ่น XAV-AX1500 มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.2 นิ้ว ที่เป็นหน้าจอทัชสกรีนไม่สะท้อนแสง เหมาะสำหรับการติดตั้งใช้งานในรถยนต์ ตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทั้งระบบ Android และ iOS ผ่านฟังก์ชัน Mirror Link ทำให้สามารถแสดงหน้าจอสมาร์ทโฟนบนหน้าจอได้ทันที นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน WebLink™ Cast ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในรถโดยเฉพาะ ตัวเครื่องมีกำลังขับ 55W x 4 พร้อมฟังก์ชัน Extra Bass และ Equalizer ที่สามารถปรับได้ถึง 10 แบนด์ รองรับไฟล์เพลงหลากหลายรูปแบบ เช่น MP3, WMA, FLAC, ACC และ WMV รวมถึงไฟล์วิดีโอเช่น xVid, MPEG1/2 และ MPEG4-SP นอกจากนี้ยังมีช่องต่อกล้องมองหลังเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการถอยรถ อีกทั้งยังมี Pre Out 3 ชุดเพื่อการเชื่อมต่อกับระบบเสียงภายนอกอย่างครบถ้วน ราคา 8,540 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Android SONY รุ่น XAV-AX1500 เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีหน้าจอขนาด 6.2 นิ้วที่ไม่สะท้อนแสง รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่านฟังก์ชัน Mirror Link และ WebLink™ Cast พร้อมฟังก์ชัน Extra Bass และ Equalizer 10 แบนด์ ทำให้คุณภาพเสียงดีและการใช้งานสะดวกในราคา 8,540 บาท
8.Android Pioneer รุ่น AVH-Z5250BT
Android Pioneer รุ่น AVH-Z5250BT มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay, Android Auto, และการเล่นไฟล์เสียง FLAC และวิดีโอ Full HD พร้อมฟังก์ชัน EQ 13 แบนด์และการเชื่อมต่อ Bluetooth
ขนาดหน้าจอ | หน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว รองรับกล้องหน้าและกล้องหลัง |
การเชื่อมต่อ | รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านสาย USB |
ฟังก์ชันอื่นๆ | คุณภาพเสียงชัดใส EQUALIZER ได้ 13 แบนด์ |
ข้อดี
- รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนที่สะดวก
- มีฟังก์ชัน EQ 13 แบนด์และระบบ Time Alignment เพื่อคุณภาพเสียงที่สมดุล
- รองรับการเล่นไฟล์เสียง FLAC และวิดีโอ Full HD จาก USB
ข้อควรพิจารณา
- หน้าจอแบบ Resistive อาจไม่ตอบสนองเร็วเท่าหน้าจอแบบ Capacitive
- ไม่รองรับการเชื่อมต่อไร้สายสำหรับ Apple CarPlay และ Android Auto
Android Pioneer รุ่น AVH-Z5250BT มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว ระบบทัชสกรีนแบบ Resistive และรองรับกล้องหน้าและกล้องมองหลัง หน้าจอแสดงผลแบบ True Color 24 บิต สามารถแสดงเฉดสีได้ถึง 16.7 ล้านสี รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านสาย USB เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งานขณะขับขี่ รองรับไฟล์เสียง FLAC และวิดีโอ Full HD จากอุปกรณ์ USB รวมถึงการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Spotify เพื่อควบคุมการเล่นเพลงจากแอปได้โดยตรง ตัวเครื่องมีฟังก์ชัน EQ 13 แบนด์ พร้อมระบบการปรับ Time Alignment และการปรับ EQ อัตโนมัติ เพื่อให้เสียงที่ชัดใสและสมดุล รองรับการใช้งานกับแอปพลิเคชัน Waze สำหรับการนำทางแบบเรียลไทม์ ระบบเสียงได้รับการพัฒนาจากเทคโนโลยี Pioneer Sound เพื่อคุณภาพเสียงระดับพรีเมียม นอกจากนี้ยังมี Pre-out 3 ชุด (4V) และรองรับการใช้งาน Bluetooth เพื่อการเชื่อมต่อไร้สาย ราคา 10,500 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Android Pioneer รุ่น AVH-Z5250BT เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีหน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนขณะขับขี่ พร้อมฟังก์ชัน EQ 13 แบนด์และระบบ Pioneer Sound ที่ให้คุณภาพเสียงระดับพรีเมียม ในราคา 10,500 บาท
9.Android ALPINE รุ่น ILX-W650E
Android ALPINE รุ่น ILX-W650E มาพร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว รองรับการใช้งาน Apple CarPlay, Android Auto, และ Bluetooth มีฟังก์ชันปรับแต่งเสียง Parametric EQ 9 แบนด์
ขนาดหน้าจอ | หน้าจอขนาด 7 นิ้ว สามารถทัชสกรีนได้ง่าย |
การเชื่อมต่อ | สามารถสั่งงานด้วยเสียงและเชื่อมต่อ Bluetooth ได้ |
ฟังก์ชันอื่นๆ | ระบบการนำทางให้ความละเอียดแม่นยำสูง สะดวกสบาย |
ข้อดี
- รองรับการใช้งาน Apple CarPlay และ Android Auto เพิ่มความสะดวกในการควบคุมสมาร์ทโฟน
- ฟังก์ชันปรับแต่งเสียง Parametric EQ 9 แบนด์ ช่วยให้เสียงมีคุณภาพดี
- ตัวเครื่องบางเพียง 2 นิ้ว ช่วยประหยัดพื้นที่การติดตั้ง
ข้อควรพิจารณา
- รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ได้เฉพาะผ่านสาย USB
- ไม่มีฟังก์ชันการเชื่อมต่อแบบไร้สายสำหรับ Apple CarPlay หรือ Android Auto
Android ALPINE รุ่น ILX-W650E มาพร้อมหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ระบบทัชสกรีนแบบ capacitive ที่ใช้งานง่ายและตอบสนองการสัมผัสได้อย่างลื่นไหล รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth สำหรับการโทรศัพท์และการเล่นเพลงแบบไร้สาย นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งาน Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านการเชื่อมต่อแบบสาย USB เพื่อเพิ่มความสะดวกในการควบคุมสมาร์ทโฟนขณะขับขี่ ระบบเสียงของเครื่องนี้มีฟังก์ชันปรับแต่งเสียง Parametric EQ 9 แบนด์ และรองรับการเล่นไฟล์เสียงหลากหลายรูปแบบ เช่น FLAC, MP3, WMA และ AAC รองรับการเชื่อมต่อกล้องมองหลังสำหรับความปลอดภัยขณะถอยรถ ตัวเครื่องบางพิเศษช่วยประหยัดพื้นที่การติดตั้ง โดยความหนาของเครื่องเพียง 2 นิ้ว ราคา 17,990 บาท
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Android ALPINE รุ่น ILX-W650E เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีหน้าจอขนาด 7 นิ้ว ระบบทัชสกรีนแบบ capacitive ที่ตอบสนองไว รองรับ Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth สำหรับการใช้งานที่สะดวกในรถยนต์ พร้อมระบบเสียงปรับแต่ง Parametric EQ 9 แบนด์ และตัวเครื่องบางพิเศษเพียง 2 นิ้ว ช่วยประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง
10.Android KENWOOD รุ่น DMX5020S
Android KENWOOD รุ่น DMX5020S มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto, และฟังก์ชัน Mirrorlink สำหรับ Android พร้อมระบบเสียง EQUALIZER 13 ย่านความถี่ และรองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ
ขนาดหน้าจอ | หน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว เชื่อมต่อคอนโทรลพวงมาลัยได้ |
การเชื่อมต่อ | รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ผ่านสาย USB |
ฟังก์ชันอื่นๆ | หน้าจอระบบสัมผัส ทัชสกรีนแบบคาปาซิทีฟ |
ข้อดี
- รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน
- ฟังก์ชัน EQUALIZER 13 ย่านความถี่ ปรับแต่งเสียงได้หลากหลาย
- ระบบสัมผัสแบบคาปาซิทีฟลื่นไหลและตอบสนองเร็ว
- text
ข้อควรพิจารณา
- รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ได้เฉพาะผ่านสาย USB
- ไม่รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธเวอร์ชันใหม่กว่านี้
ทำไมเราถึงชอบสินค้านี้?
Android KENWOOD รุ่น DMX5020S เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมาพร้อมหน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว ระบบสัมผัสคาปาซิทีฟที่ลื่นไหล รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay, Android Auto และฟังก์ชัน Mirrorlink สำหรับ Android อีกทั้งยังมีฟังก์ชัน EQUALIZER ปรับได้ถึง 13 ย่านความถี่และการเชื่อมต่อบลูทูธที่สะดวกสบายในราคา 9,900 บาทขนาดหน้าจอสำหรับจอแอนดรอยติดรถยนต์
ขนาดหน้าจอของจอแอนดรอยติดรถยนต์เป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากมีผลต่อทั้งประสบการณ์การใช้งานและความปลอดภัยในการขับขี่ การเลือกขนาดหน้าจอที่เหมาะสมจะช่วยให้การใช้งานง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูแผนที่, การฟังเพลง, หรือการเข้าถึงแอปพลิเคชันต่างๆ อย่างสะดวก โดยทั่วไป ขนาดหน้าจอของจอแอนดรอยติดรถยนต์จะมีตั้งแต่ 7 นิ้ว ไปจนถึง 10 นิ้วหรือมากกว่า ซึ่งแต่ละขนาดมีข้อดีและข้อควรพิจารณาต่างกัน ดังนี้:
- จอขนาด 7 นิ้ว: ขนาดหน้าจอ 7 นิ้วเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับรถยนต์ขนาดเล็กหรือรถยนต์ที่มีพื้นที่คอนโซลจำกัด เนื่องจากติดตั้งได้ง่ายและไม่เกะกะมุมมองการขับขี่ การแสดงผลแม้จะมีขนาดเล็กแต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานพื้นฐาน เช่น การฟังเพลงหรือการรับสายโทรศัพท์ผ่านระบบ Bluetooth ข้อดีของจอขนาดนี้คือราคาที่เข้าถึงได้ง่าย อย่างไรก็ตาม สำหรับการใช้งานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น การนำทาง GPS ที่ต้องดูแผนที่อย่างละเอียด จอขนาด 7 นิ้วอาจเล็กเกินไป ทำให้บางครั้งข้อมูลอาจไม่ชัดเจนเท่าที่ควร
- จอขนาด 9 นิ้ว: จอขนาด 9 นิ้วเป็นขนาดที่นิยมมากในตลาด เพราะมีความพอดี ไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป การแสดงผลชัดเจนและมีพื้นที่มากพอที่จะใช้งานหลายฟังก์ชันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การดูแผนที่จาก GPS, การควบคุมเพลง, หรือการใช้งานแอปต่างๆ จอขนาดนี้ยังเหมาะสำหรับรถยนต์ทั่วไปที่มีพื้นที่คอนโซลไม่มากเกินไปและยังคงให้ความสะดวกในการติดตั้ง ข้อดีเพิ่มเติมคือการรองรับการใช้งานหลายแอปพร้อมกัน เช่น การใช้ GPS และฟังเพลงในเวลาเดียวกันโดยไม่มีปัญหาเรื่องการแสดงผลซ้อนกัน
- จอขนาด 10 นิ้วขึ้นไป: จอแอนดรอยขนาด 10 นิ้วหรือมากกว่านั้นเหมาะสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่หรือรถยนต์ที่ต้องการระบบแสดงผลที่ชัดเจนและมีพื้นที่กว้างขวาง จอขนาดนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้งานหลากหลายฟังก์ชันในเวลาเดียวกัน การแสดงผลบนจอขนาดใหญ่นี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อดูแผนที่หรือข้อมูลที่มีรายละเอียด เช่น รายละเอียดเส้นทางหรือข้อมูลจราจรแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ จอขนาดใหญ่ยังทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานระบบควบคุมด้วยเสียงหรือระบบแอปพลิเคชันที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การเลือกจอขนาดนี้อาจต้องคำนึงถึงพื้นที่คอนโซลของรถที่ต้องมีพื้นที่เพียงพอ รวมถึงราคาที่สูงขึ้นตามขนาดของหน้าจอ
การติดตั้งอุปกรณ์เสริม เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
นอกจากการเลือกขนาดหน้าจอแอนดรอยที่เหมาะสมแล้ว การติดตั้งกล้องติดรถยนต์ และการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ การติดตั้งกล้องติดรถยนต์คุณภาพดีจะช่วยบันทึกภาพและเหตุการณ์ต่างๆ ขณะขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่มีหลักฐานหากเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้กล้องติดรถยนต์ในการบันทึกวิดีโอทิวทัศน์หรือเหตุการณ์ที่น่าสนใจระหว่างการเดินทางได้อีกด้วย การเลือกกล้องติดรถยนต์ควรพิจารณาที่ความละเอียดของวิดีโอ, มุมมองที่กว้าง และฟังก์ชันเสริม เช่น การบันทึกในที่แสงน้อย (Night Vision) เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรละเลยคือการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ เพื่อให้รถยนต์สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แบตเตอรี่รถยนต์ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ รวมถึงจอแอนดรอยและกล้องติดรถยนต์ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ การตรวจสอบและบำรุงรักษาแบตเตอรี่รถยนต์เป็นประจำจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น การสตาร์ทรถไม่ติดหรือการทำงานผิดปกติของอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกขนาดหน้าจอ หรือการติดตั้งอุปกรณ์เสริม ****ควรพิจารณาจากการใช้งานที่ต้องการ และงบประมาณที่มี ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงความสะดวกในการติดตั้ง ความปลอดภัย และการใช้งานในระยะยาว
ฟีเจอร์การเชื่อมต่อหลักในจอแอนดรอยติดรถยนต์
ฟีเจอร์การเชื่อมต่อเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จอแอนดรอยติดรถยนต์กลายเป็นเครื่องมือที่ใช้งานสะดวกและมีประสิทธิภาพ การเชื่อมต่อที่มีความเสถียรและรวดเร็วช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลหรือฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างทันที ซึ่งจะช่วยให้การขับขี่ราบรื่นและสนุกมากขึ้น โดยฟีเจอร์การเชื่อมต่อหลักที่พบได้บ่อยในจอแอนดรอยติดรถยนต์ได้แก่ Bluetooth, Wi-Fi, USB และการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนโดยตรง ฟีเจอร์เหล่านี้ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานและทำให้สามารถใช้งานระบบต่างๆ ของรถได้โดยไม่ยุ่งยาก
- Bluetooth: Bluetooth เป็นฟีเจอร์การเชื่อมต่อที่ได้รับความนิยมและเป็นมาตรฐานที่จอแอนดรอยติดรถยนต์ทุกเครื่องควรมี ผู้ใช้งานสามารถใช้ Bluetooth สำหรับการโทรแบบแฮนด์ฟรี ฟังเพลงจากสมาร์ทโฟน หรือใช้งานอุปกรณ์เสริมต่างๆ โดยไม่ต้องใช้สายเชื่อมต่อ ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์อย่างมากในการขับขี่ เพราะทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยเพื่อรับสายโทรศัพท์หรือปรับแต่งเพลง
- Wi-Fi: จอแอนดรอยบางรุ่นมาพร้อมกับฟีเจอร์ Wi-Fi ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้โดยตรง สิ่งนี้ทำให้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่มเติม, อัปเดตระบบปฏิบัติการ, หรือสตรีมมิ่งคอนเทนต์ออนไลน์ได้ทันที นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับบริการต่างๆ เช่น Google Maps เพื่อใช้งานระบบนำทางได้แบบเรียลไทม์ ฟีเจอร์ Wi-Fi เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตขณะเดินทางโดยไม่ต้องพึ่งสัญญาณโทรศัพท์
- USB: การเชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB ยังคงเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จำเป็น ผู้ใช้งานสามารถใช้ USB เพื่อเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน, อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลภายนอก หรือแม้กระทั่งใช้เพื่อชาร์จโทรศัพท์มือถือระหว่างขับรถได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้พอร์ต USB สำหรับการเล่นเพลงหรือวิดีโอจากแฟลชไดรฟ์ได้อีกด้วย USB เป็นฟีเจอร์ที่เสถียรและช่วยให้การใช้งานต่อเนื่องและไม่มีปัญหาด้านการเชื่อมต่อ
- การเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน: อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนโดยตรงผ่านระบบ Android Auto หรือ Apple CarPlay ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานแอปพลิเคชันจากสมาร์ทโฟนได้อย่างสะดวก เช่น ระบบนำทาง, การฟังเพลง, การส่งข้อความ และการโทร โดยแสดงผลบนหน้าจอแอนดรอยติดรถยนต์โดยตรง ฟังก์ชันนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องพกสมาร์ทโฟนในมือ และยังสามารถควบคุมการทำงานต่างๆ ได้ผ่านหน้าจอเดียวอย่างง่ายดาย
ฟีเจอร์การเชื่อมต่อที่ครบครันและหลากหลายเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อแบบไร้สายหรือการเชื่อมต่อผ่านสายก็ตาม
ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ด้วยฟังก์ชันขั้นสูง
ฟังก์ชันขั้นสูงในจอแอนดรอยติดรถยนต์ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น ทั้งในด้านความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความบันเทิง ฟังก์ชันเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ในยุคปัจจุบันที่ต้องการอุปกรณ์ที่มีความอัจฉริยะและสามารถใช้งานได้หลากหลาย การเลือกจอแอนดรอยที่มีฟังก์ชันเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่และทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
- ระบบนำทาง GPS: หนึ่งในฟังก์ชันที่ขาดไม่ได้ในจอแอนดรอยติดรถยนต์คือระบบนำทาง GPS ซึ่งทำหน้าที่ช่วยผู้ขับขี่ในการค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุดและให้ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ ฟังก์ชันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อผู้ขับขี่ต้องเดินทางในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย การนำทางที่แม่นยำจะช่วยลดความยุ่งยากและประหยัดเวลาในการเดินทาง
- การควบคุมด้วยเสียง: ฟังก์ชันการควบคุมด้วยเสียงเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกในการขับขี่ ผู้ขับขี่สามารถสั่งงานระบบต่างๆ ได้โดยไม่ต้องละสายตาจากถนนหรือมือจากพวงมาลัย ไม่ว่าจะเป็นการรับสายโทรศัพท์, การเปลี่ยนเพลง, หรือการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ฟังก์ชันนี้ช่วยลดการเบี่ยงเบนความสนใจจากการขับขี่และทำให้ผู้ขับขี่สามารถโฟกัสกับการขับรถได้มากขึ้น
- ฟังก์ชันแบ่งหน้าจอ: ฟังก์ชันนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเปิดใช้งานแอปพลิเคชันสองแอปพร้อมกันบนหน้าจอเดียว เช่น การเปิดแผนที่สำหรับนำทางและฟังเพลงไปพร้อมกัน ฟังก์ชันนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย เพราะผู้ขับขี่ไม่ต้องสลับไปมาระหว่างแอป อีกทั้งยังช่วยให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดขัด
- การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi: บางรุ่นของจอแอนดรอยติดรถยนต์รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานแอปพลิเคชันออนไลน์ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมมิ่งเพลงหรือวิดีโอ หรือการอัปเดตแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์ ฟังก์ชันนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตขณะเดินทาง และยังช่วยให้การใช้งานแอปต่างๆ ราบรื่นยิ่งขึ้น
ฟังก์ชันขั้นสูงในจอแอนดรอยติดรถยนต์เหล่านี้ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความสะดวก แต่ยังเพิ่มความปลอดภัยและทำให้การเดินทางสนุกยิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
1. ขนาดหน้าจอของจอแอนดรอยติดรถยนต์มีขนาดเท่าไหร่บ้าง?
จอแอนดรอยติดรถยนต์มีขนาดตั้งแต่ 7 นิ้วจนถึงมากกว่า 10 นิ้ว ขนาดเล็กอย่าง 7 นิ้วเหมาะกับรถยนต์ขนาดเล็ก ในขณะที่จอขนาดใหญ่จะให้การมองเห็นที่ชัดเจนและฟังก์ชันที่มากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ การเลือกขนาดหน้าจอขึ้นอยู่กับพื้นที่ในรถและลักษณะการใช้งานของคุณ
2. ฟีเจอร์การเชื่อมต่อหลักในจอแอนดรอยติดรถยนต์มีอะไรบ้าง?
ฟีเจอร์การเชื่อมต่อที่พบบ่อยได้แก่ Bluetooth สำหรับการโทรแบบแฮนด์ฟรีและการฟังเพลง Wi-Fi สำหรับการดาวน์โหลดแอปและสตรีมคอนเทนต์ และ USB สำหรับการชาร์จและเล่นสื่อ นอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนโดยตรงผ่าน Android Auto หรือ Apple CarPlay ซึ่งทำให้ควบคุมแอปได้จากหน้าจอโดยตรง
3. ฟังก์ชันขั้นสูงในจอแอนดรอยติดรถยนต์ช่วยเพิ่มประสบการณ์การขับขี่อย่างไร?
ฟังก์ชันขั้นสูง เช่น ระบบนำทาง GPS การควบคุมด้วยเสียง และฟังก์ชันแบ่งหน้าจอช่วยให้การขับขี่สะดวกขึ้นโดยที่ไม่ต้องละสายตาจากถนน ฟังก์ชันเหล่านี้ทำให้สามารถใช้งานหลายอย่างพร้อมกันได้ เช่น นำทางและฟังเพลง ทำให้การขับขี่สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น
4. การควบคุมด้วยเสียงในจอแอนดรอยติดรถยนต์ทำงานอย่างไร?
การควบคุมด้วยเสียงช่วยให้คุณสั่งงานจอแอนดรอยด้วยคำสั่งเสียงง่ายๆ เช่น โทรออก เปลี่ยนเพลง หรือใช้งานระบบนำทางโดยไม่ต้องแตะหน้าจอ ฟังก์ชันนี้ช่วยให้คุณโฟกัสกับการขับขี่มากขึ้นและเพิ่มความปลอดภัยในระหว่างเดินทาง